อีก 5 ปีข้างหน้าราคาบ้านจะแพงขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์? คำถามที่ทุกคนไม่อยากจะให้เกิด แต่คงยากที่จะหยุดราคาเอาไว้ไม่ให้วิ่งตามเงินเฟ้อ ราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง ค่าแรง และอัตราดอกเบี้ย ถ้าให้คิดคร่าว ๆ น่าจะขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% เพราะในความเป็นจริงวันนี้ บ้านเดี่ยวบางแห่ง จาก 4 ล้าน แค่ 2 ปีผ่านไป บ้านหลังเดียวกันนี้ก็สามารถพุ่งเป็น 5-6 ล้านได้ไม่ยาก ถ้าหากอยู่ในไพร์มแอเรีย รถไฟฟ้าวิ่งผ่านยิ่งก็ยิ่งดันราคาบ้านให้แรงตามไปด้วย จากราคาบ้านและคอนโดมิเนียมที่แพงขึ้นทุกปี สวนทางกับรายได้ที่ผันผวนและไม่มั่นคงจากสภาพเศรษฐกิจ หากช่องว่างนี้แยกห่างจากกันมากขึ้นจะทำให้การมีซื้อบ้านเป็นของตัวเองเกิดขึ้นได้ยากเข้าไปทุกที
ขอบคุณรูปภาพจาก www.scmp.com
ปรากฎการณ์ที่เห็นกันแล้วในครอบครัวชาวจีน เว็บไซต์ Oddity Central รายงานว่าครอบครัวนี้ ที่ตัดสินใจพาสมาชิกที่ประกอบด้วยภรรยาและลูก ๆ รวม 8 ชีวิตออกไปเช่าโรงแรมอยู่เป็นเวลา 1 ปีแทนการซื้อบ้าน เพราะดีดเครื่องคิดเลขยังไงก็คุ้มว่าการซื้อบ้านที่แพง และที่ดีไปกว่านั้นคือ เครื่องอำนวยความสะดวกมีครบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ฮีตเตอร์ ครอบครัวนี้ยังหมดปัญหาค่าใช้จ่ายแบบจุกจิก ทั้งการดูแลความสะอาด ที่จอดรถ ค่าไฟ ค่าน้ำ
รายงานได้ให้รายละเอียดด้วยว่า ครอบครัวนี้เลือกที่จะพักห้องสวีท 2 ห้องนอน และห้องนั่งเล่นในโรงแรมหรู เมืองหนานหยาง มณฑลเหอหนาน รวม 229 วัน และไม่มีแผนด้วยว่าจะย้ายออกเมื่อไหร่ แม้จะมีรายงานออกมาว่าครอบครัวนี้มีธุรกิจส่วนตัวและฐานะทางการเงินที่ดี แต่หากมองในมุมของความคุ้มค่า แนวคิดของการ “เช่า” มากกว่า “ซื้อ” อสังหาริมทรัพย์ก็ยิ่งเป็นตามแนวโน้มของอีกหลายงานวิจัยที่ชี้ไปในทางเดียวกันที่ว่า คนรุ่นใหม่เน้นเช่ามากกว่าซื้อ เช่นที่ PwC เคยเผยแพร่รายงาน ชาวมิลเลนเนียลในอังกฤษที่เน้นเช่าบ้านมากกว่าซื้อบ้านเป็นของตัวเอง จากราคาบ้านที่สูงเกินไป
DDproperty ก็เริ่มเห็นสัญญาณการเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าการซื้อ จากเหตุผล ราคาอสังหาฯ มีราคาแพงเกินไป โยกย้ายที่ทำงานบ่อย และ ไม่มีเงินเก็บเพียงพอ ทำให้เริ่มสนใจการเช่าเพราะคล่องตัวกว่า
ทำไมเทรนด์ “เช่า” มากกว่า “ซื้อ” ถึงมาแรง
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
Toggleบ้านแพง
ด่านแรกเลยที่มาเบรกการตัดสินใจที่อยากจะมีบ้าน จากดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 1-2 รอบ หรืออาจจะมีกว่านั้นในบางปี ทำให้คนที่คิดอยากมีบ้านเริ่มชะลอการตัดสินใจ ไปจนถึงเลิกล้มความคิดไปเลย เพราะดอกเบี้ยขึ้นเพียง 1% เท่ากับภาระการผ่อนชำระค่างวดธนาคารที่เพิ่มขึ้น
กังวลรายได้ ไม่พอจ่าย
ไม่ว่าจะซื้อบ้าน หรือ คอนโดมิเนียม ไม่ใช่แค่เงินผ่อนในแต่ละเดือน ซึ่งภาระนี้จะยาวนานไปตั้งแต่ 10-30 ปี เท่านั้น แต่ยังมีรายจ่ายอีกมากทั้งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ค่าส่วนกลาง ได้แก่ ค่าซ่อมบำรุง การจัดเก็บขยะ ค่าใช้พื้นที่กิจกรรม ยังไม่รวมค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้าที่ทุกบ้านต้องแบกรับ แต่หากเป็นการเช่าทำให้ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่าย เพราะส่วนใหญ่รวมค่าส่วนกลางต่าง ๆ ไปในค่าเช่าเรียบร้อยแล้ว ส่วนการเช่าอยู่นั้นอาจไม่ต้องเสียอะไรเลยนอกจากค่าเช่า เพราะบางแห่งได้รวมค่าส่วนกลางไปแล้ว หรือค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าตกลงกับผู้ให้เช่าไว้อย่างไร บางแห่งจะดูแลส่วนนี้ให้ทั้งหมด
ชีวิตที่อิสระและยืดหยุ่น
การใช้ชีวิตอิสระไปกับการดูคอนเสิร์ตที่ชอบ เดินทางท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ชีวิต ไปจนถึงการนัดเพื่อนแฮงค์เอาท์ในหลังเลิกงาน หรือ ช่วงวันหยุด แบบไม่ต้องกังวลกับการภาระผ่อนบ้านที่แสนจะยาวนาน และยังเป็นการดีกว่าสำหรับวัยทำงานที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่
จากนี้ไปตลาดอสังหาฯ น่าจะได้เห็นความชัดเจนมากขึ้นของผู้บริโภคยุคใหม่ ในกลุ่มที่ซื้อบ้าน กลุ่มนี้จะมีความสามารถทางการเงิน และซื้อสดมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็จ่ายเงินก้อนบางส่วน เพราะไม่อยากแบกดอกเบี้ยมากจนเกินไป อีกกลุ่มที่เน้นเช่าที่มีมุมมองการใช้ชีวิตที่ยืดหยุ่นสูง และมีวิถีการใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง
อ้างอิง
- https://www.odditycentral.com/news/family-moves-into-hotel-suite-permanently-to-save-money.html
- https://www.ddproperty.com/
บทความที่คุณอาจสนใจ