นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจ และสภาวะอุตสาหกรรม ในปี 2566 นี้ยังไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในแผนการดำเนินธุรกิจ การบริหารงาน และความเชี่ยวชาญของบริษัท จึงมั่นใจว่าจะสามารถขยายตัวได้ถึง 10% สูงกว่าภาพรวมตลาดที่คาดว่าจะขยายตัวราว 3 – 5% เดินหน้าสู่การเป็น National Property Company โดยตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติมอีก 10 – 12 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 – 8,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขายสำหรับปี 2566 นี้ไว้ที่ 8,600 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 6,850 ล้านบาท
ซึ่งนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าลลิลฯ มีแนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีการบริหารงานที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) ที่มุ่งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทุกมิติ โดยการเพิ่ม Facility ในส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ และมีการ reuse น้ำกลับมาใช้ใหม่ อีกทั้งคำนึงถึง Quality of living ทั้งลูกบ้านและรอบๆโครงการอีกด้วย
รวมถึงการมุ่งเน้นไปสู่การเป็น Digital Organization อย่างเต็มรูปแบบ โดยแผนการตลาด ในปี 2566 นี้ จะใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้น Customer Centric ผ่านกลยุทธ์ทั้ง Lifestyle Marketing และ Experience Marketing โดยต่อยอดการทำตลาดผ่านช่องทาง Digital ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มมากขึ้น และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มที่เป็น Real Demand ที่เป็นเฉพาะคนไทย ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ในราคาประมาณ 2- 9 ล้านบาท โดยเน้นทำเลกรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในรูปแบบของ New Design และ Smart Function ของตัวบ้าน โดยช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทเป็นรายแรกที่นำรูปแบบความงดงามของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่เรียบหรู มาออกแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศสแบบ French Colonial Style บนทำเลศักยภาพ ในราคาที่คุ้มค่า และจับต้องได้
ในส่วนของสถานะการเงิน บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.55 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.4 – 1.5 เท่า โดยในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินไว้ประมาณ 1,500 – 1,600 ล้านบาท และพร้อมปรับเพิ่มให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงาน และการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ
สอบถามและชมข้อมูล ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่
Call Center 1778 หรือ https://www.lalinproperty.com/news/business-plan-2566/