อย่างที่ทราบกันดีครับ สังคมและโลกของเราทุกวันนี้ ผู้คนเริ่มมีการหันมาให้ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของทรัพยากรกันมากขึ้น Sustainable Lifestyles เริ่มเข้าถึงได้ทุก Gen และมีแนวโน้มที่เทรนด์นี้จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นได้อีก จากการ influence โดยคนรอบตัว รวมถึงสื่อต่าง ๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่ มองหาคุณสมบัติของบ้านที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม แล้วบ้านแบบไหน จะเป็นคำตอบที่ใช่ วันนี้ Homeday มีคำตอบมาฝากกันครับ

5 เหตุผลที่ทำให้บ้าน Sustainable หรือ Eco Living ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
5 เหตุผลที่ทำให้บ้าน Sustainable หรือ Eco Living ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
ก่อนอื่นเราต้องมาทราบเหตุผลที่ทำให้เทรนด์นี้กำลังมาแรงกันก่อนครับ เนื่องจากแนวคิดเกี่ยวกับ Sustainable Lifestyles กำลังได้รับการผลักดันอย่างมาก ตลาดอสังหาริมทรัพย์จึงค่อย ๆ ปรับตัวตามเพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด บ้านในยุคนี้ จึงต้องมีนวัตกรรมที่ดึงดูดผู้ซื้อบ้านมากขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม บ้าน Sustainable จึงแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ส่งผลดีต่อโลกของเรามาก ๆ มาดู เหตุผล 5 ข้อ ที่ทำให้เทรนด์นี้เติบโตกันครับ
1. กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย
บ้าน Sustainable คือบ้านที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ หรือสามารถทำได้ เช่น บ้านที่สร้างขึ้นโดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับการออกแบบเพื่อลดของเสียและลดการใช้พลังงาน และ/หรือติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ เป็นต้น นวัตกรรมเหล่านี้ ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในแต่ละวันได้ครับ หรือแม้แต่การรองน้ำฝนไว้ใช้รดน้ำต้นไม้ ก็ถือเป็นการประหยัดพลังงานเช่นกัน
บ้าน Sustainable ออกแบบก็สำคัญ และมีส่วนช่วยได้มากครับ โดยเฉพาะการออกแบบให้บ้านมีแสงธรรมชาติส่องถึงทั่วทั้งบ้าน ในเวลากลางวันก็ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเพื่อให้ความสว่าง ส่วนตัวหลังคาและผนัง ก็สามารถติดตั้งฉนวนกันความร้อน เพื่อทำให้บ้านเย็นลงได้ เพียงเท่านี้เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ไม่ต้องทำงานหนัก ประหยัดพลังงานและค่าไฟได้แน่นอนครับ
2. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
บ้าน Sustainable ที่มีนวัตกรรมต่าง ๆ ภายในตัวบ้าน เมื่อเทียบกับบ้านทั่วไปแล้ว ยังไงมูลค่าก็สูงกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ แต่เมื่อเทียบกันในการอยู่อาศัยระยะยาวแล้ว บ้าน Sustainable คุ้มค่ากว่าอย่างแน่นอนครับ เพราะบ้าน Sustainable นั้น มีทั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน, ฉนวนที่เหนือกว่า และแหล่งพลังงานหมุนเวียน จึงช่วยลดค่าไฟได้
3. ดีต่อสุขภาพมากกว่า
บ้าน Sustainable ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัย จึงมักใช้วัสดุจากธรรมชาติ ปลอดสารพิษ ซึ่งช่วยลดการสัมผัสสารเคมีอันตราย ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารได้อย่างมาก นอกจากนี้ บ้าน Sustainable ยังได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มแสงธรรมชาติและการระบายอากาศ บ้านจึงโล่งและโปร่งสบาย ใครที่ต้องทำงาน Work from home สิ่งนี้จะช่วยลดระดับความเครียด ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และเพิ่มความ Productivity ของเราได้ บ้าน Sustainable จึงเป็นเสมือนสถานที่ที่หล่อเลี้ยงได้ทั้งร่างกายและจิตใจครับ
4. มีมูลค่าการขายต่อและความต้องการของตลาด
บ้าน Sustainable มีศักยภาพในการสร้างรายได้เมื่อขายต่อในอนาคต เพราะความต้องการด้านคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังคงเติบโตและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาด จึงทำให้ต้นทุนสูงขึ้น การออกแบบที่ประหยัดพลังงานและใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจสำหรับผู้ซื้อบ้าน นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการประหยัดค่าสาธารณูปโภคให้กับเจ้าของบ้านในอนาคตได้อีกด้วย สิ่งนี้ทำให้บ้าน Sustainable เป็นตัวเลือกการลงทุนที่ชาญฉลาดสำหรับอนาคตครับ
5. ได้อยู่อาศัยในชุมชนที่มีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน
เมื่อเราซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ซื้อส่วนใหญ่ ก็มักมี Sustainable Lifestyles เหมือน ๆ กัน ทำให้เราได้เพื่อนบ้านที่มีความคิดด้านสิ่งแวดล้อมคล้าย ๆ กัน นำไปสู่การช่วยเหลือและแบ่งปันซึ่งกันและกัน ทำให้ได้ความรู้ใหม่ ๆ และได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่รักษ์โลกไปด้วยกันอย่างยั่งยืนครับ
Sustainable Lifestyles ของแต่ละ Gen เป็นอย่างไรบ้าง?
1. Baby Boomers
Baby Boomers มักจะชอบการเปรียบเทียบที่แสดงให้ถึงเห็นผลกระทบโดยตรงของปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งที่มีต่อคน สัตว์ และธรรมชาติ มีความเชื่อมั่นในการรีไซเคิล, การเลิกใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง, ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน ฯลฯ และมีความสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอีกด้วย
2. Gen X
Gen X เป็นเจเนอเรชันที่มุ่งมั่นในการลงทุนที่ยั่งยืนมากที่สุด ปัจจุบันกลุ่มนี้อยู่ในช่วงชีวิตที่หลายคนมีลูก หรือมีความรับผิดชอบในการเป็นผู้นำในที่ทำงาน ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงอยู่ในฐานะที่มีอิทธิพลต่ออนาคตด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการสอนลูกน้องเกี่ยวกับพลังงานทดแทน, การสอนให้เด็ก ๆ ทำสวน รู้จักการบริโภคตามฤดูกาล, การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับบ้านของตนเอง ฯลฯ
3. Gen Y
มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจที่ยั่งยืน มีแนวโน้มที่จะตอบรับคน Gen Y ได้มากกว่า ผลการศึกษา ของ Shelton Group ในปี 2017 ยืนยันว่า แม้ว่าคน Gen Y จะมีโอกาสน้อยกว่า Baby Boomers ที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การรีไซเคิล แต่ Gen Y มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนบริษัทและธุรกิจที่นำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้มากกว่า และยังเป็นรุ่นที่ใส่ใจด้านการประหยัดพลังงานมากอีกด้วย
4. Gen Z
Gen Z ให้ความสำคัญกับสื่อมากขึ้น และเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีที่จะช่วยส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน Gen Z อาจไม่มีอำนาจในการใช้จ่ายมากเท่ากับคนรุ่นเก่า ดังนั้นการเริ่มต้นรักษ์โลกง่าย ๆ จากชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งที่กลุ่มนี้ทำได้ดีครับ อย่างเช่นการใช้ขนส่งสาธารณะ เป็นต้น
คุณสมบัติและนวัตกรรมบ้าน Sustainable แบบไหน ที่จะถูกใจสำหรับทุก Gen
เบื้องต้นเลยคือขั้นตอนการก่อสร้างครับ งานก่อสร้างของโครงการบ้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม จะต้องส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ลดการปล่อยคาร์บอน วัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้ จะต้องยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์ด้านสุขภาพด้วยบ้านที่ดี สะอาด หายใจได้เต็มปอด และมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมการออกกำลังกาย โดยนวัตกรรมที่จะเข้ามาตอบโจทย์ทุก Gen ก็ได้แก่ EV Charger, Smart Home, Air to Air Heat Exchanger, Solar Cell เป็นต้นครับ
บ้าน Sustainable จะต้องมาคู่กับ Sustainable Lifestyles ด้วยนะครับ เพราะถ้าหากเรามีบ้านที่ออกแบบมาเพื่อโลกที่ยั่งยืน แต่ยังใช้ชีวิตในแบบเดิม ๆ เช่น บริโภค Fast fashion, ไม่ช่วยลดการใช้รถส่วนตัว, รับถุงพลาสติก, ไม่รู้จักการใช้ซ้ำ ฯลฯ บ้าน Sustainable ก็ไม่มีความหมาย เพราะอนาคตที่ยั่งยืน ต้องเริ่มต้นจากตัวเราก่อนนั่นเองครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : TERRA BKK
บทความที่คุณอาจสนใจ
- ข้อดีของโซล่าเซลล์ นวัตกรรมประหยัดไฟ ด้วยพลังงานสะอาด
- ESG คืออะไร? รู้จักกับเทรนด์รักษ์โลกอย่างยั่งยืน ที่ภาคธุรกิจต้องตามให้ทัน
- ‘รีเซล แฟชั่น’ ทำไมน่าจับตามองในปี 2024
- เช็คลิสต์…คุณใกล้ชิดพื้นที่สีเขียวมากแค่ไหนในกรุงเทพฯ พร้อมเปิด 3 พื้นที่สีเขียวเฉลี่ยต่อคนมากที่สุดและน้อยที่สุด
- เปิดค่าเช่าตลาด ‘เนิร์สซิ่งโฮม’ ทั่วไทย แพงสุด 5 หมื่น/เดือน