–
ระหว่างเช่าบ้านอยู่ กับซื้อบ้านถาวร หลายคนอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเช่าบ้านเสียเท่าไหร่ เพราะมองว่าเราสามารถนำเงินที่จ่ายค่าเช่าบ้าน ไปผ่อนบ้านแทน น่าจะคุ้มค่ากว่า ต้องบอกว่าคิดแบบนั้นไม่ถูกเสียทีเดียวค่ะ เพราะว่าการซื้อบ้านนั้นมีดอกเบี้ยที่เราต้องแบกรับ และจำเป็นต้องมีเงินก้อนสำหรับดาวน์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ของแต่ละบุคคลอีกด้วย ดังนั้นวันนี้ Homeday จะพามาดูกันค่ะ ว่า เช่าบ้าน หรือ ซื้อบ้าน แบบไหนจะดีกว่ากัน สำหรับความต้องการของแต่ละคน
@homeday.co.th 'เช่าบ้าน' หรือ 'ซื้อบ้าน' ดีกว่ากัน? 🏘️🤔 #ซื้อบ้าน #เช่าบ้าน #ซื้อบ้านมือสอง #ซื้อบ้านครั้งแรก #บ้านเช่า #อยากมีบ้าน #รู้หรือไม่ #tiktokuni #เงินดาวน์ #บ้านหลังแรก ♬ Cozy and bright jazz piano(1191121) – Ponetto
1. ปัจจัยด้านการงาน
- สำหรับคนที่ย้ายที่อยู่อาศัยเป็นประจำ การเช่าบ้านนั้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ดีที่สุดค่ะ ทำให้ไม่ว่าจะย้ายไปที่ไหน ก็สามารถเดินทางไปทำงานและกลับถึงบ้านได้อย่างรวดเร็ว
- แต่สำหรับคนที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง มีที่อยู่แน่นอน หากมีความพร้อม การซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยถาวรก็ย่อมตอบโจทย์ได้ดีกว่าค่ะ เพราะได้บ้านเป็นของตัวเอง มีอิสระในการอยู่อาศัยมากกว่าการเช่าบ้านอย่างแน่นอน
2. ความพร้อมทางด้านการเงิน
- การตัดสินใจเช่าบ้านนั้น เหมาะมากสำหรับคนที่อาจยังไม่มีความพร้อมทางด้านการเงินเท่าที่ควร เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ทำงานหาเงิน เพื่อเก็บออมนำไปซื้อบ้านเป็นของตัวเองในวันข้างหน้าค่ะ
- ส่วนการซื้อบ้านนั้น แน่นอนว่าเหมาะกับคนที่มีเงินเก็บพร้อม สามารถจ่ายค่าวางดาวน์จำนวนมากและผ่อนจ่ายต่อเดือนได้แบบไม่มีสะดุด หากมีความพร้อมทางด้านการเงิน แนะนำว่าการซื้อบ้านนั้น จะคุ้มค่ากว่าอย่างแน่นอนค่ะ
3. ภาระในการผ่อน
- การเช่าบ้านนั้น ไม่มีเงินผ่อนให้ต้องกังวลค่ะ อยากจะย้ายออกเมื่อไหร่ก็ได้ ตามความต้องการของเราเลย
- แต่สำหรับการซื้อบ้านนั้น แม้ว่าเราจะไม่ถูกใจ และตัดสินใจย้ายออก แต่ภาระในการผ่อนบ้านนั้นยังคงอยู่ ทำให้ต้องคิดตัดสินใจให้ถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจซื้อค่ะ เพราะหนี้ที่มีอยู่นั้น เป็นหนี้ระยะยาวทีเดียว
4. จำนวนเงินก้อน
- การเช่าบ้านนั้น ก็มีเงินก้อนที่ต้องจ่ายเช่นกันค่ะ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละผู้ปล่อยเช่า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นค่ามัดจำและค่าเช่าล่วงหน้าที่เราต้องมีค่ะ
- ส่วนการซื้อบ้านนั้น ต้องใช้เงินก้อนจำนวนมาก ทั้งค่าวางเงินดาวน์ ค่าธรรมเนียม ค่าประกัน และอื่น ๆ หากไม่มีเงินเก็บสำรองสำหรับใช้จ่ายในส่วนนี้เลย ยังไม่แนะนำให้ซื้อบ้านค่ะ
5. ภาวะเงินเฟ้อ
- หากเราเช่าบ้าน ในปีแรก ค่าเช่าอยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือน ถ้าเงินเฟ้อในระดับ 3% ปีหน้าเราอาจต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเพิ่มเป็น 39,000 บาทต่อเดือนค่ะ
- ส่วนการซื้อบ้านนั้น ยิ่งนานวันมูลค่าของที่ดินสูงขึ้น บวกกับเงินเฟ้อ หากเราซื้อบ้านมาในราคา 3 ล้านบาท และเกิดเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 3% ในอีก 10 ปีต่อมา ราคาบ้านก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 4 ล้านบาท ดังนั้นยิ่งเราดูแลรักษาบ้านเป็นอย่างดี มีการบำรุงรักษา มีความสะดวกสบายเกิดขึ้นรอบบ้านของเรา เผลอ ๆ อาจขายต่อได้กำไรด้วยค่ะ
6. ค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้าน
- สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้าน ส่วนใหญ่จะจ่ายเฉพาะแค่ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขยะ และค่าเช่าบ้านค่ะ อาจจะดูน้อย แต่ในส่วนนี้ก็ต้องดูเงื่อนไขในเรื่องของค่ามัดจำด้วยนะคะ ว่าต้องจ่ายมูลค่าเท่าไหร่ และมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง บางคนเช่าบ้าน ดูแลรักษาบ้านอย่างดี แต่เมื่อบ้านเก่าไปตามกาลเวลา ผู้ปล่อยเช่ากลับไม่ยอมจ่ายค่ามัดจำคืนก็มีค่ะ
- ส่วนในกรณีที่ซื้อบ้านนั้นก็ต้องคอยดูแลบ้านอย่างสม่ำเสมอ จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการกำจัดปลวก ค่าทาสีใหม่ ค่าส่วนกลาง ค่าดูแลสวน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่ะ
7. ปัญหาเพื่อนบ้าน
- หากเราเช่าบ้าน ถ้าได้เพื่อนบ้านไม่ถูกใจ ก็สามารถย้ายออกได้ทุกเมื่อ
- แต่หากเราซื้อบ้าน ข้อนี้ค่อนข้างน่าลำบากใจทีเดียวค่ะ เพราะหากเรามีความพร้อม ก็สามารถย้ายออกและปล่อยขายบ้านต่อได้ แต่ในบางสถานการณ์ ที่เราไม่มีความพร้อม ก็จำเป็นที่จะต้องทนอยู่ค่ะ ในข้อนี้สำหรับคนที่ซื้อบ้าน ต้องลุ้นดวงล้วน ๆ เลยค่ะ ว่าจะได้เจอเพื่อนบ้านแบบไหน
ก่อนจะจากกันไป อยากที่กล่าวไปในข้างต้นแล้วค่ะ ว่าการเช่าหรือซื้อบ้านนั้น ไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่ากัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เพราะสิ่งสำคัญทั้งการเช่าและการซื้อนั้น คือเรื่องของค่าใช้จ่ายค่ะ แต่ละคนก็มีภาระหน้าที่ มีขนาดครอบครัวที่ไม่เท่ากัน มีอาชีพการงานที่ต่างกันไป ก่อนการตัดสินใจควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตให้ครบทุกด้าน รับรองว่าจะได้บ้านที่ถูกใจ โดยไม่เป็นภาระให้กับตัวเองในอนาคตได้อย่างแน่นอนค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ