มีหลายคนเลยใช่มั้ยล่ะคะ ที่ต้องเดินทางไปทำงานในเมืองเป็นประจำทุกวัน บางคนใกล้ที่ทำงานหน่อย ก็นั่งรถไฟฟ้าไปได้แบบชิลล์ ๆ ใครไกลขึ้นมาสักหน่อย ขับรถไปก็สะดวกไม่น้อย แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่อาจจะอยู่ไกลมาก จนทำให้เสียเวลาไปกับการเดินทางค่อนข้างมาก จึงนิยมที่จะเช่าคอนโดใกล้ที่ทำงาน เพื่ออยู่อาศัยใช่มั้ยล่ะคะ แต่รู้หรือไม่คะ บางครั้งการตัดสินใจซื้อคอนโดสักห้อง ไว้เป็นของตัวเองนั้น คุ้มค่ากว่ามากในระยะยาวค่ะ เพราะเงินที่เราต้องจ่ายค่าเช่าในทุก ๆ เดือนนั้น สามารถนำมาผ่อนห้องได้เช่นกัน แต่ก่อนที่จะด่วนตัดสิน ว่าแบบไหนจะคุ้มค่ากับเรามากกว่ากัน วันนี้ Homeday เลยนำรายละเอียดค่าใช้จ่าย ว่าการซื้อคอนโดสักห้อง จะต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง เพื่อให้เราสามารถประเมิณได้ว่า เราพร้อมหรือไม่ ค่าใช้จ่ายแต่ละส่วนก็มีดังต่อไปนี้ค่ะ
@homeday.co.th เตรียมเงินให้พร้อม ซื้อคอนโด ต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง?🏙️ #ซื้อคอนโด #คอนโดใหม่ #คอนโดติดรถไฟฟ้า #ผ่อนบ้าน #ผ่อนคอนโด #บ้านหลังแรก #รู้หรือไม่ #tiktokuni #อสังหาริมทรัพย์ #ลงทุนอสังหา #ปล่อยเช่าคอนโด #รีวิวคอนโด #วางแผนการเงิน #การเงิน #การลงทุน ♬ The best CITY POP! 2020s version(978995) - R.E.D
1. ค่าจอง
ซื้อคอนโดต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง? เมื่อไปเยี่ยมชมโครงการ ไปเดินดูห้องตัวอย่างจนถูกใจแล้ว ถ้าไม่อยากให้หลุดมือไป ก็ต้องทำการจองไว้ก่อนค่ะ ซึ่งในการจองนั้น ก็จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000-5,000 บาท แล้วแต่โครงการค่ะ ซึ่งจะถือเป็นก้อนแรกเลยค่ะ ที่เราต้องจ่าย
2. ค่าทำสัญญา
เมื่อวางเงินจองแล้ว ทางโครงการก็จะให้เวลาเรากลับไปตัดสินใจประมาณ 7-15 วันค่ะ เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ไม่เปลี่ยนใจในภายหลังแล้ว ก็เริ่มทำ “สัญญาจะซื้อจะขาย” กับทางโครงการได้เลยค่ะ หากเราไม่มาทำสัญญาตามกำหนด เงินจองก็จะไม่ได้รับคืนค่ะ ตัวสัญญา จะเป็นการระบุเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น เลขที่ห้อง ขนาดห้อง ราคาห้อง โดยเงินค่าทำสัญญานั้น เตรียมไว้ที่หลักหมื่นขึ้นไปเลยค่ะ หากห้องราคาประมาณ 3,000,000 บาท ค่าทำสัญญาก็จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทค่ะ
3. ค่าผ่อนดาวน์
ค่าผ่อนดาวน์จะมีสำหรับโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จค่ะ เพราะเรายังไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์และเซ็นรับห้องได้ โดยค่าผ่อนดาวน์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 10-15% จากราคาคอนโด หากห้องราคา 3,000,000 บาท ทางโครงการคิดค่าผ่อนดาวน์อยู่ที่ 10% ก็จะต้องจ่ายส่วนนี้ 300,000 บาทนั่นเองค่ะ ก้อนนี้ก็ตามชื่อเลยค่ะ ค่าผ่อนดาวน์ เราสามารถแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ได้ ตามที่ทางโครงการกำหนดเลยค่ะ
4. ค่าธรรมเนียมการโอน
เมื่อมาถึงวันโอน ก็จะมีค่าใช้จ่ายทั้ง ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมิณโครงการ, ค่าจดจำนอง 1% ของมูลค่าคอนโด, ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย, ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า, ค่าประกันภัยอาคาร แม้เลขเปอร์เซ็นต์จะดูน้อย แต่พอมารวมกันแล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นก้อนใหญ่อีกหนึ่งก้อนเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งปัจจุบันก็มีส่วนลดจากมาตรการรัฐอยู่ รวมถึงบางโครงการอาจจะช่วยแบ่งกันจ่ายคนละ 1% หรือบางโครงการก็อาจจะจ่ายให้ทั้งหมดเลย อันนี้ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละโครงการเลยค่ะ หากห้องราคา 3,000,000 บาท ก็ต้องเตรียมเงินไว้ประมาณ 70,000 บาทขึ้นไปค่ะ
5. ค่าผ่อนรายเดือน
หลังจากห้องกลายเป็นของเราเรียบร้อยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อไปก็จะเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนแล้วล่ะค่ะ ซึ่งนั่นก็คือ “ค่าผ่อน” ห้องนั่นเอง หากเราซื้อห้องราคา 3,000,000 บาท ค่าผ่อนก็จะตกอยู่ที่เดือนละประมาณ 21,000 บาทค่ะ ซึ่งเราจะต้องผ่อนตามระยะสัญญาที่ได้ทำการตกลงไว้นั่นเอง
6. ค่าส่วนกลางคอนโด
ส่วนกลางคอนโด เป็นหนึ่งจุดที่ต้องเริ่มดูตั้งแต่ช่วงที่ตามหาคอนโดที่ถูกใจเลยค่ะ เพราะบางคนทำงานยุ่งจนแทบจะไม่ได้เข้ามาใช้งานส่วนกลางเลยก็มี เมื่อเลือกคอนโดที่มีส่วนกลางอลังการครบครัน ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายส่วนกลางจำนวนมากที่ต้องจ่ายไปโดยที่เราไม่ได้ใช้งานมันเลย ดังนั้น หากใครคิดว่าคงไม่ได้เข้ามาใช้งานส่วนกลางบ่อย ๆ ต้องการแค่ส่วนกลางพื้นฐานอย่าง Fitness และสระว่ายน้ำ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็จะลดลงไปได้เยอะค่ะ โดยค่าส่วนกลางคอนโดนั้น จะคิดจากพื้นที่ห้องของเรา และจ่ายเป็นก้อนรายปี หากโครงการกำหนดไว้ตารางเมตรละ 20 บาท ห้องของเรามีขนาด 30 ตร.ม. ก็จะเท่ากับ 600 บาท ต่อเดือน เมื่อคิดเป็นรายปี ก็จะอยู่ที่ 7,200 บาทนั่นเองค่ะ
7. ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ เพราะหากใครซื้อคอนโดห้องเปล่า ก็อาจจะต้องเสียค่าตกแต่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติม ใครที่กังวลเกี่ยวกับมาตรฐานของห้อง ก็อาจจ้างตรวจห้องเพิ่มเติมอีก และอาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ได้ด้วยค่ะ ดังนั้น ในการประเมินการ ว่าเราพร้อม หรือไม่พร้อมที่จะซื้อคอนโด ก็อาจจะต้องบวกค่าใช้จ่ายเผื่อไว้อีกสักหน่อยค่ะ
