- นักลงทุนให้การตอบรับหุ้นกู้แสนสิริล้น ล่าสุด Oversubscribe ขายหมดเต็มจำนวน
ในชั่วโมงแรกที่เปิดจอง - สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทได้เป็นอย่างดี พร้อมเดินหน้าเปิด 46 โครงการใหม่ มูลค่า
รวม 1 หมื่นล้านบาท หนุนยอดขาย-ยอดโอนโตต่อเนื่อง
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI
ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า สำหรับหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 2 รุ่น ที่เปิดขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.60% (เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป) และ ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี (เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่) โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดดังกล่าวมีกำหนดไถ่ถอนปี 2570 รวมเป็นวงเงิน 5,000 ล้านบาท และได้มีการเสนอขายในช่วงวันที่ 19 – 21 มีนาคม 2567 ซึ่งปรากฎว่า ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดจากนักลงทุน จนสามารถปิดการจองซื้อได้ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของวันทึ่เปิดจอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อความแข็งแกร่งของแสนสิริได้เป็นอย่างดี สวนกระแสสภาวะตลาดหุ้นกู้ที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของนักลงทุนหุ้นกู้ในช่วงนี้
“แสนสิริ” ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจลงทุนหุ้นกู้ของ SIRI ในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินระดมทุนดังกล่าวไปชำระหุ้นกู้คืนที่จะครบกำหนด และต่อยอดธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวม ส่งมอบสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคอย่างตรงใจและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง เพื่อเป็นการสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่นยืนในอนาคตต่อไป”
นายวิชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปี 2567 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่วงเงินรวมไม่เกิน 9,000 ล้านบาท ซึ่งได้ออกไปแล้วในครั้งนี้ 5,000 ล้านบาท ส่วนหุ้นกู้ชุดที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม เนื่องจากแสนสิริมีวงเงินจากสถาบันการเงินที่พร้อมรองรับการพัฒนาโครงการไว้เรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีสภาพคล่องอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท ทั้งนี้สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ คือการรักษาสภาพคล่องที่เหมาะสมรองรับได้กับทุกสถานการณ์ อย่างไรก็ตามแม้บริษัทจะไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติม ก็มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระคืนหุ้นกู้จำนวนดังกล่าวได้”
สำหรับในปี 2567 บริษัทวางแผนเปิดตัวรวม 46 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 61,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 26 โครงการ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท พร้อมเดินกลยุทธ์เพิ่มเซ็กเมนต์บ้านทุกระดับราคา และโครงการแนวสูง 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท เน้นขยายการลงทุนไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวและทำเลศักยภาพที่มีความต้องการ (Demand)สูง ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมดในปี 2567 นี้ เป็นการสนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปี 52,000 ล้านบาท และยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท