–
การเดินสายไฟในบ้าน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องของโครงสร้างบ้าน เพราะในชีวิตประจำวันนั้น เราจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา
สำหรับการเดินสายไฟในบ้านที่ 2 แบบ คือ แบบฝังผนัง และแบบเดินลอย ซึ่งทั้งสองแบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในเรื่องความสวยงาม ค่าใช้จ่าย และการดูแลรักษา ดังนั้นเรามาดูกันว่าการเดินสายไฟในบ้านทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อที่ทุกคนจะได้ลองเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์หรือสไตล์ของบ้านให้ได้มากที่สุด
การเดินสายไฟในบ้านแบบฝังผนัง
การเดินสายไฟแบบฝังผนัง ถือได้ว่าเป็นการเดินสายไฟที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากดูเรียบร้อย สวยงาม ไม่มีสายไฟรกสายตา เหมาะกับบ้านสไตล์มินิมอล ไปจนถึงโมเดิร์น ที่ต้องการความเรียบง่าย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเดินสายไฟแบบฝังผนังจะมีข้อดีอย่างมากในเรื่องของความสวยงาม แต่ก็มีข้อเสียอยู่ไม่น้อยในเรื่องของการเดินระบบต่าง ๆ ที่แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลามาก และมีความยุ่งยากค่อนข้างสูง จำเป็นที่จะต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ระบบไฟเกิดการผิดพลาดได้
นอกจากความยุ่งยากในการวางระบบสายไฟแล้ว ในส่วนของการซ่อมแซมก็มีความยุ่งยากเช่นกัน เนื่องจากมักจะหาจุดที่เกิดปัญหาค่อนข้างยาก ต้องมีการรื้อกำแพงเพื่อไล่ดูระบบในแต่ละจุด ทำให้เสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยทีเดียว
การเดินสายไฟในบ้านแบบเดินลอย
การเดินสายไฟแบบลาย มีด้วยกัน 2 แบบ คือแบบเดินสายในท่อและแบบตีกิ๊บ ซึ่งการเดินสายไฟแบบลอยทั้ง 2 แบบนี้ก็มีความแตกต่างกัน โดยการเดินสายแบบตีกิ๊บ เป็นการยึดสายไฟเปลือยๆไปกับผนังทุก ๆ ระยะ 10 ซม. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีการตกแต่งให้ดูสวยงามขึ้นด้วยการทาสีให้กลมกลืนไปกับผนัง แต่แน่นอนว่าเราก็จะเห็นเส้นสายไฟเหล่านั้นเรียงยาวเหยียดเต็มพื้นที่ผนังและเพดานไปหมด
ส่วนการเดินสายไฟแบบในท่อ คือการใส่สายไฟไว้ในท่อพลาสติกหรือท่อโลหะ ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยจัดการให้สายไฟที่เรียงรายเหล่านั้นมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น แต่ก็จะยังไม่เรียบร้อยเท่าการเดินสายไฟแบบฝังผนัง เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ ก็ช่วยทำให้บ้านดูมีเสน่ห์และสวยงามไปอีกแบบ
อย่างไรก็ตามแม้การเดินสายไฟในบ้านแบบเดินลอยจะมีข้อเสียในด้านของความสวยงาม แต่ก็มีข้อดีในเรื่องของระยะเวลาในการวางระบบและมีการใช้งบประมาณที่น้อยกว่าการเดินสายไฟแบบฝังผนัง นอกจากนี้หากเสียหรือต้องซ่อมบำรุงก็สามารถทำได้ง่าย เนื่องจากไม่ต้องมีการรื้อผนังนั่นเอง
ดังนั้นและจะเห็นได้ว่าการเดินสายไฟในบ้านแต่ละแบบมีความแตกต่างกันทั้งในด้านงบประมาณ ระยะเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความสวยงาม แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเดินสายไฟในบ้านอย่างไร ก็ควรจะเลือกใช้ช่างที่มีความชำนาญ เพื่อเป็นการป้องกันงบประมาณที่อาจจะบานปลาย รวมไปถึงช่วยในเรื่องของความปลอดภัยจากเหตุการณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าในอนาคต
บทความที่คุณอาจสนใจ