–
เครื่องดูดฝุ่นสมัยนี้ มีทางเลือกให้กับผู้ใช้งานมากมาย แต่ละแบบก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน และความชอบของแต่ละบุคคลค่ะ บางรุ่นก็ทรงพลัง แต่มีสายไฟ บางรุ่นเป็นแบบไร้สาย แต่ก็ต้องคอยชาร์จ และแบตหมดค่อนข้างไว บางตัวก็เป็นแบบโรบอท ปล่อยให้ทำงานด้วยตัวเองได้ แต่ก็อาจจะไม่เร็วทันใจเท่าเราทำเอง นอกจากนี้ก็ยังมีเจาะลึกไปถึงฟังก์ชันการทำงานและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มากับตัวเครื่อง จึงทำให้มีหลากหลายแบรนด์และหลากหลายรุ่นให้เลือกสรรกันจนตาลายเลยทีเดียว วันนี้ Homeday ก็เลยหยิบฟังก์ชันการใช้งานที่หลาย ๆ คนน่าจะต้องการอย่าง การดูดฝุ่นและการดูดน้ำ แบบไร้สาย ซึ่งน่าจะตอบโจทย์การทำความสะอาดพื้นฐานในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี มาฝากกันถึง 12 รุ่น จาก 9 แบรนด์กันเลยค่ะ แต่ละรุ่นจะมีช่วงราคาเป็นอย่างไร ได้สเป็กประมาณไหนบ้าง ติดตามอ่านต่อในบทความนี้ได้เลยค่ะ
![](https://bricks.homeday.co.th/wp-content/uploads/2025/02/IMG_1738852482_8875.png)
![](https://bricks.homeday.co.th/wp-content/uploads/2025/02/IMG_1738852483_5047.png)
1. Airbot iClean pro
มาเริ่มกันที่เครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย ตัวพื้นฐาน ราคาไม่แรงมากกันก่อนเลยค่ะ ตัวนี้สามารถเช็ดทำความสะอาดของเหลวได้ทุกชนิด หากคราบมีความเหนียวเช็ดยาก ก็สามารถฉีดน้ำเพิ่มจากตัวเครื่องเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดได้เลยค่ะ แรงถูของตัวนี้ก็ทรงพลังด้วยมอเตอร์คู่ที่มีความเร็ว 28,000 รอบต่อนาที เลือกได้ทั้งโหมดมาตรฐานและโหมดทรงพลัง หมุนได้ 360 องศา เข้าถึงง่ายได้ทุกมุม ไม่ต้องถอดผ้าออกมาซักมือ เพียงกดปุ่มเดียวก็สามารถทำความสะอาดตัวเองได้แล้วค่ะ นอกจากนี้ภายในตัวเครื่องก็มีแผ่นกรอง HEPA ตามมาตรฐาน สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย จอแสดงผลเป็น LED บอกสถานะการใช้งานต่าง ๆ ใครอยากเริ่มทดลองใช้ เลือกเป็นตัวนี้ได้เลยค่ะ
2. JIMMY HW8
เครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย ตัวต่อมา เป็นของแบรนด์ JIMMY ค่ะ ตัวเครื่องสามารถดูดฝุ่นและถูพื้นไปพร้อม ๆ กันได้เลย ไม่ว่าบนพื้นจะมีทั้งจุดที่เปียกและแห้ง ก็ไม่มีปัญหา ประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ แถมยังทำความสะอาดได้ดี ไม่ทิ้งคราบ สามารถซักและเช็ดให้แห้งอย่างรวดเร็วในขั้นตอนเดียว ใส่น้ำยาเพิ่มเพื่อประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่ดียิ่งขึ้นได้ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ ปูน หรือพรม ก็เอาอยู่หมดค่ะ และแน่นอนว่าตัวนี้เค้าก็สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ด้วยเช่นกัน ตัวโหมดการทำงานก็มี 2 โหมดให้เลือก ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของงาน มีปุ่มฉีดน้ำที่ด้ามจับ ฉีดได้อย่างแม่นยำ สำหรับจุดที่คราบเหนียวหนัก ตัวแบตเป็นลิเธียมถอดเปลี่ยนได้ จอแสดงผล LED แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ตามมาตรฐานค่ะ
3. AUTOBOT iFLOOR 2
เครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย จาก AUTOBOT ที่เพิ่มความพิเศษเหนือตัวก่อนหน้ามาเล็กน้อย ด้วยคุณสมบัติดูดฝุ่น ขัด และถูพื้น ไปพร้อม ๆ กัน ก็คือนอกจากจะดูดฝุ่นและถูพื้นไปพร้อม ๆ กันได้แล้ว ยังขัดพื้นไปในตัวได้ ด้วย Spot Mode เน้นจุดคราบฝังลึก ขัดสะอาด พื้นไม่เป็นรอยนั่นเองค่ะ ทำความสะอาดได้ทั้งบนไม้เนื้อแข็ง, ไวนิล, ลามิเนต, เสื่อน้ำมัน, กระเบื้อง, หินอ่อน และอื่น ๆ อีกมากมายเลยค่ะ พลังดูดแรง ทำความสะอาดคราบและสิ่งสกปรกได้มากถึง 4 เท่า ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจาย มาพร้อมไส้กรองฝุ่น HEPA ค่ะ และอีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนเจอ เกี่ยวกับไม้ถูพื้นไฟฟ้า คือน้ำที่นอง ยิ่งเช็ดยิ่งเปียก ตัวนี้เค้ามีการควบคุมการไหลของน้ำ หมดกังวลเรื่องน้ำไหลไปได้เลยค่ะ นอกจากนี้ก็ยังใส่น้ำยาเข้าไปเพิ่มได้ด้วย บ้านหอมสะอาดแน่นอนค่ะ ส่วนเรื่องการทำความสะอาดแปรงด้วยตัวเอง ตัวนี้ก็มีระบบแฮนด์ฟรี Self Cleanning กดปุ่มเดียวก็สะอาดได้ ไม่ต้องถอดออกมาซักมือเองค่ะ
4. Tineco iFloor 3 Breeze
Tineco iFloor 3 Breeze เครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สายที่มีความพิเศษคือระบบการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เวลาทำงานเครื่องก็จะเดินหน้าไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่ต้องบังคับให้เมื่อย เนื่องจากตัวเครื่องส่วนใหญ่มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะค่ะ ระบบนี้ก็จะช่วยทุ่นแรงไปได้มาก ๆ เลย ตัวนี้สามารถดูดและถูในขั้นตอนเดียวได้ แห้งเร็วโดยไม่ทิ้งคราบ เมื่อใช้กับน้ำยาทำความสะอาดแล้ว จะมีผลลัพธ์การทำความสะอาดที่ดียิ่งขึ้น ล้างพื้น Deep Cleaning ก็ได้ มีแผ่นกรอง HEPA มาให้ตามมาตรฐาน สามารถทำความสะอาดพื้นได้หลายประเภททั้งไม้เนื้อแข็ง, ไวนิล, ลามิเนต, เสื่อน้ำมัน, กระเบื้อง และหินอ่อน ระบบการทำความสะอาดตัวเองก็คลีนได้ทั้งแปรงและท่อน้ำเสียเลยค่ะ ถือว่าเป็นตัวที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
5. Dreame H11
เครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย Dreame H11 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่มีมอเตอร์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองค่ะ ใช้งานง่าย ทุ่นแรง ด้ามจับนุ่มสบาย รวมฟังก์ชั่นการดูดฝุ่น ถูพื้น และการล้างไว้ในเครื่องเดียวเลย มีระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะแบบ 2 มอเตอร์ ดูดฝุ่นและล้างพื้น ทำความสะอาดพื้นที่แห้งและเปียกพร้อมกันได้เลยค่ะ โหมดการทำความสะอาดก็มีให้เลือก 2 โหมด คือแบบมาตรฐานและแบบเทอร์โบ นอกจากนี้เค้าก็ยังใช้เทคโนโลยีการคำนวณปริมาณน้ำอย่างแม่นยำ สามารถทำความสะอาดพื้นเปียกได้อย่างหมดจด เป็นเครื่องมือทำความสะอาดเฉพาะของ Dreame สามารถช่วยให้ทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ ส่วนคุณสมบัติในเรื่องของการทำความสะอาดตัวเอง ตัวนี้แปรงลูกกลิ้งทำความสะอาดตัวเองแบบเรียลไทม์เลยค่ะ นอกจากนี้หากระหว่างการทำความสะอาด เราต้องการที่จะคลีนแปรงของเรา ก็สามารถเลือกได้ 2 โหมด หากกดสั้น ๆ ก็จะเป็นการทำความสะอาดตัวเองแบบรวดเร็ว หากกดค้างไว้ ก็จะเป็นการทำความสะอาดตัวเองแบบล้ำลึกนั่นเองค่ะ ถือเป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจทีเดียว หน้าจอเป็น LED แสดงสถานะการทำงาน รองรับเสียงเตือน แจ้งข้อผิดพลาด, สถานะทำความสะอาดตัวเอง, แบตเตอรี่ที่เหลืออยู่, ถังน้ำเต็ม/ เตือนไม่มีน้ำ, แปรงลูกกลิ้ง และท่อตัน ค่อนข้างครอบคลุมเลยค่ะ ไม่ต้องเช็กเองเลยก็ว่าได้
6. Hoover Jet
มาดูเครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สายแบรนด์อเมริกากันบ้างค่ะ กับ Hoover ผู้นำตลาดเรื่องเครื่องดูดฝุ่น ก่อตั้งมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 1908 ที่สหรัฐอเมริกา ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกาเอง ยุโรป และเอเซีย ในฐานะ The World’s First Portable Vacuum Cleaner ทุกรุ่นจะผ่านการทดสอบซ้ำ ๆ หลายขั้นตอนจากห้อง Lab ในสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริง ใครที่อยากมั่นใจในคุณภาพ ก็ต้องแบรนด์นี้เลยค่ะ ในส่วนของคุณสมบัติและฟังก์ชันการใช้งานนั้น ตัวนี้สามารถดูดและถูในเวลาเดียวกัน ด้วยแรงดูดอันทรงพลัง แปรงหมุนได้ 3,000 รอบ/นาที สามารถดูดฝุ่นและน้ำสกปรกขึ้นมาพร้อมกันได้ในทีเดียว และยังช่วยให้พื้นแห้งเร็วกว่าวิธีการทำความสะอาดทั่วไป ตัวแปรงเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ ทำความสะอาดพื้นผิวอย่างอ่อนโยน สามารถกำจัดฝุ่นและทำความสะอาดพื้นผิวหลายประเภท มีระบบหัวฉีด SprayClean ™ สามารถควบคุมการใช้น้ำยาทำความสะอาดได้อย่างเหมาะสม ถาดสำหรับทำความสะอาดแปรง ใช้อันเดียวกับถาดสำหรับเก็บเครื่องดูดฝุ่นค่ะ ตัวถาดจะใช้น้ำสะอาดในการทำความสะอาดฝุ่นที่เกาะอยู่ที่แปรง โดยที่เราไม่ต้องนำไปซักด้วยตัวเอง ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-Ion ดูดแรงเหมือนใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย แรงดูดสูงสุดจนนาทีสุดท้าย แตกต่างกับยี่ห้ออื่น ที่บางครั้งพอแบตใกล้หมด แรงดูดก็จะลดลงไปด้วย แบตพังหรืออยากซื้อมาสำรองใช้ ซื้อเพิ่มเองได้เลยค่ะ ไม่ต้องเข้าศูนย์ให้ยุ่งยาก ใช้งานต่อเนื่องยาว ๆ ได้เลยไม่ต้องรอชาร์จค่ะ แบตทุกก้อนรับประกัน 2 ปี มีปัญหา เปลี่ยนเคลมก้อนใหม่ให้เลย บอกเลยว่าตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวที่คุ้มค่า คุ้มราคามาก ๆ ค่ะ
7. Dreame H11 Max
มาดูเครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย Dreame อีกตัวกันค่ะ ฟังก์ชันพื้นฐานอย่างการดูดและถูในครั้งเดียว ทำความสะอาดได้ทั้งแบบเปียกและแบบแห้ง การขับเคลื่อนด้วยตัวเองก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่ตัวนี้จะมีเซ็นเซอร์อัจฉริยะตรวจจับสิ่งสกปรกพร้อมปรับแรงดูดเองโดยอัตโนมัติ ตัวแปรงทำความสะอาดตัวเองทันทีเมื่อเปิดเครื่อง มาพร้อมนวัตกรรมโครงสร้างหวีของแปรงลูกกลิ้งเพื่อดูดและขัดคราบสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โหมดการทำความสะอาดมีให้เลือก 2 โหมด คือโหมดอัตโนมัติ ที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดพื้นทั่วไป และโหมดการดูดซับน้ำ ที่สามารถดูดซับน้ำจากพื้นได้อย่างรวดเร็วค่ะ ตัวเครื่องเป็นจอแสดงผล LED แสดงสถานะเครื่อง, แบตเตอรี่, ระดับสิ่งสกปรก และอื่น ๆ มาพร้อมเสียงแจ้งเตือนและตัวกรอง HEPA ตามมาตรฐาน สามารถเลือกโหมดลดเสียงรบกวนได้ด้วยนะคะ ส่วนเรื่องการทำความสะอาดตัวเอง ตัวนี้ก็เลือกได้ 2 แบบ แบบกดสั้น ๆ ทำความสะอาดตัวเองอย่างรวดเร็ว และกดค้าง เพื่อทำความสะอาดตัวเองอย่างล้ำลึก
8. Dreame H12
เครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย Dreame H12 ตัวนี้ มีเวลาในการทำความสะอาด, เวลาชาร์จ, ความจุถังน้ำ เหมือนกันกับ Dreame H11 เลยค่ะ จะมีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย และเพิ่มคุณสมบัติในส่วนของความสามารถในการทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ชิดผนัง รวมไปถึงซอกมุมต่าง ๆ ที่ยากแก่การเข้าถึงซึ่งมีระยะห่างเพียง 5 มิลลิเมตร ถือเป็นจุดที่โดดเด่นของรุ่นนี้เลยค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีการออกแบบท่อลมใหม่ทำให้มีประสิทธิภาพในการดูดที่ทรงพลังกว่า เมื่อรวมกับการใช้มอเตอร์ความเร็วสูงแบบไม่มีแปรงถ่านแล้ว ยังช่วยเพิ่มความเร็วรอบได้สูงถึง 9,300 รอบ/นาที คราบสกปรกจึงหายไปได้ในพริบตา ใครอยากได้ประสิทธิภาพในส่วนนี้เพิ่มเติม ก็เลือกเป็นรุ่นนี้ได้เลยค่ะ
9. Roborock Dyad Vacuum and Wash at Once
อีกหนึ่งแบรนด์คุณภาพอย่าง Roborock ก็น่าสนใจค่ะ เครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สายของทาง Roborock ตัวนี้ อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชันล้ำ ๆ แบบไม่กั๊ก โหมดการทำความสะอาดของตัวเครื่องจะแบ่งเป็น 3 โหมด คือโหมดอัจฉริยะ (AUTO Mode), โหมดสูงสุด (MAX Mode), และโหมดดูดพื้นให้แห้ง (Floor Drying Mode) โดยโหมดดูดพื้นให้แห้งนี้ สามารถใช้งานในการดูดน้ำขังบนพื้นระเบียงหรือห้องน้ำได้สบาย ๆ เลยค่ะ แถมตัวหัวทำความสะอาดก็เคลื่อนที่ได้ 180 องศา ควบคุมทิศทางได้ง่าย บริเวณขอบต่าง ๆ เข้าถึงได้แน่นอนค่ะ อีกหนึ่งปัญหาในหลาย ๆ รุ่นที่ทุกคนเจอ ก็คือเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ที่เดินหน้าได้เพียงอยากเดียว จะถอยกลับมาถูที่เดิมซ้ำก็ต้องกดปิดเครื่องเสียก่อน ซึ่งยุ่งยากมาก ทาง Roborock เลยออกแบบนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลก เป็นโรลเลอร์ชุดด้านหน้าและด้านหลังที่หมุนไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกัน จึงช่วยให้เราสามารถควบคุมตัวเครื่องให้เดินไปด้านหน้า หรือถอยหลังได้ง่าย ๆ โดยไม่เปลืองแรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดไปได้ในตัวด้วย นอกจากจะขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนพื้น ทั้งแบบเปียกและแบบแห้ง สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นแบบล้างทำความสะอาดให้พื้นบ้านสะอาดและแห้ง โดยไม่ทิ้งคราบได้ในคราวเดียวแล้ว ตัวนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีปรับแรงดูดและการไหลของน้ำโดยอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับการทำความสะอาดของคราบสกปรกนั้น ๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีการทำความสะอาดโรลเลอร์เองได้อย่างอัตโนมัติ และมีระบบการแจ้งเตือนด้วยเสียงพูดภาษาไทยอีกด้วย! ใครอยากได้นวัตกรรมล้ำ ๆ ในราคาเกินคุ้ม ต้องจัดตัวนี้เลยค่ะ
10. Tineco FLOOR ONE S3
มาดูเครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สายอีกตัวของ AUTOBOT กันค่ะ ตัวนี้ยกระดับการทำความสะอาด ด้วยการปรับระดับน้ำได้อัตโนมัติ ทำให้พื้นไม่เป็นรอย และไม่มีคราบสกปรกตกค้าง นอกจากนี้ก็ยังมีระบบควบคุมการไหลของน้ำและแรงดูด ควบคุมดูดฝุ่นและถูพื้นได้อย่างชาญฉลาดในขั้นตอนเดียว แถมยังเป็นเจ้าแรกที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันได้ เชื่อมต่อ Wi-Fi เช็ก Performance ได้เรียลไทม์เลยค่ะ ตัวนี้มีเสียงแจ้งเตือนระหว่างการทำงาน เมื่อแท็งก์น้ำเสีย, แท็งก์น้ำเต็ม, แท็งก์น้ำสะอาดหมด, แปรงขัดติดขัด แทบไม่ต้องตรวจเช็กเอง มาพร้อมกับระบบ iLoop Smart Sensor Technology ตรวจจับสิ่งสกปรก และระบบจูง Self Drive ช่วยเบาแรงในการทำความสะอาด ตัวแปรงขัดมีระบบ Self Cleaning ทำความสะอาดตัวเองได้เพียงปุ่มเดียว หมดกังวลแปรงขัดสะสมเชื้อโรค สะดวกสะอาด ปราศจากสิ่งตกค้างในแปรงขัด มาพร้อมจอ LED แสดงสถานะแบบครบ ๆ และแผ่นกรอง HEPA ตามมาตรฐานเช่นเคยค่ะ
11. Tineco FLOOR ONE S5 Pro 2
ใครอยากได้โหมดฆ่าเชื้อด้วยน้ำ ต้องชอบเครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย Tineco FLOOR ONE S5 Pro 2 ตัวนี้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะเค้ามีโหมดทำความร้อนด้วยไฟฟ้า ให้ได้น้ำที่เหมาะสมสำหรับการฆ่าเชื้อโรค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสะดวกสบายสุด ๆ ไม่ต้องเติมน้ำยาให้เปลืองเลยค่ะ แปรงลูกกลิ้งก็ดีไซน์มาอย่างดี หมดปัญหาการทำความสะอาดตามมุมผนังไปได้เลย ในพื้นที่ที่มีความสูงมากกว่า 20 ซม. และลึกน้อยกว่า 20 ซม. เข้าซอกซอนได้แน่นอน นอกจากจะดูดและถูครบจบในขั้นตอนเดียวได้แล้ว พลังดูดก็ยังแรงและทรงพลัง ขจัดคราบและสิ่งสกปรกออกได้ง่ายขึ้น ด้วยหัวแปรงที่มีอัตราการดูดซึมน้ำสูงถึง 85% รับรองว่าพื้นแห้งไวไม่ทิ้งคราบแน่นอนค่ะตัวนี้ เรื่องของการทำความสะอาดตัวเองก็ง่ายดายในปุ่มเดียวเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ แต่ความพิเศษอยู่ที่หลังจากทำความสะอาดเสร็จค่ะ เมื่อเรานำเครื่องวางกลับไปยังฐาน ก็สามารถเปิดการทำความสะอาดฆ่าเชื้อด้วยไฟฟ้าต่อได้เลย หมดกังวลเรื่องเชื้อโรคและกลิ่นไปได้เลยค่ะ และอีกความพิเศษคือหน้าจอแบบ LCD ที่แตกต่างกับตัวอื่น ๆ ในท้องตลาด มาพร้อมการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI แบบไดนามิกอัจฉริยะอีกด้วย ใครอยากได้ฟังก์ชันเรื่องของการฆ่าเชื้อเพิ่มเติมและเทคโนโลยีการโต้ตอบแบบล้ำ ๆ แนะนำเลยค่ะ
12. BISSELL Crosswave Cordless
ปิดท้ายกันด้วยเครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สายแบรนด์ BISSELL ที่สามารถดูดสิ่งสกปรก ชำระล้าง ตลอดจนเช็ดให้แห้ง ในพื้นหลากหลายประเภทในบ้านขนาดกลางไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ เพียงกดหนึ่งปุ่ม ก็จะสามารถเปลี่ยนโหมดจากการทำความสะอาดพื้นเนื้อแข็ง ไปเป็นการดูดสิ่งสกปรกบนพรมได้แบบชิลล์ ๆ ไม่มีสะดุด แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 36 โวลต์ แรงเสมอกันอย่างคงที่ไม่มีตก แม้แบตจะใกล้หมดค่ะ มีตัวกรองในถังน้ำเสีย แยกและดักจับเส้นผมรวมถึงเศษขยะแห้งออกจากน้ำสกปรกให้ด้วยค่ะ เททิ้งทำความสะอาดได้ง่ายมาก ๆ แถมการสั่งงานก็ควบคุมได้ง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้วแบบดิจิทัล ตัวบริษัทก่อตั้งมาได้เกือบ 150 ปีแล้วล่ะค่ะ ใครที่อยากได้แบรนด์ที่เชื่อถือได้ในเรื่องของคุณภาพ แนะนำเลย
และนี่ก็เป็นเครื่องดูดฝุ่น ดูดน้ำ ไร้สาย ทั้งหมด 12 รุ่นจาก 9 ยี่ห้อ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ จะเห็นได้เลยว่าแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติที่พิเศษแตกต่างกัน รวมไปถึงมีน้ำหนักที่ต่างกันด้วย เริ่มตั้งแต่ 4 กิโลกรัมไปจนถึง 6 กิโลกรัมกันเลยทีเดียว ก็ต้องมาลองเปรียบเทียบกันดูค่ะ ว่าแบบไหนจะตอบโจทย์การใช้งานของเราได้มากที่สุด รวมไปถึงงบประมาณของเราด้วยนั่นเอง
บทความที่คุณอาจสนใจ