แนะนำ 8 เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร ให้กลายเป็นปุ๋ย!

            รู้หรือไม่คะ ว่าการลงทุนกับเครื่องย่อยขยะเศษอาหารเพียง 1 เครื่องต่อครัวเรือน สามารถช่วยทั้งเราและโลกได้เยอะเลยค่ะ ครอบครัวไหนที่ทำอาหารทานเองกันอยู่เป็นประจำ เชื่อเลยค่ะว่าต้องพบเจอกับปัญหากลิ่นของเศษอาหารกันอยู่ทุกวันอย่างแน่นอน ทำให้ต้องนำขยะออกไปทิ้งนอกบ้านบ่อยครั้งมากขึ้น เพื่อลดปัญหาเรื่องกลิ่น มด และแมลงสาบ และทุกครั้งที่เรานำขยะออกไปทิ้ง เท่ากับว่าเราต้องใช้ถุงพลาสติกสำหรับใส่เศษอาหารเหล่านั้นในทุก ๆ ครั้ง ยิ่งบ่อยครั้ง ก็ยิ่งใช้พลาสติกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร จึงเป็นนวัตกรรมที่จะมาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้อย่างตรงจุดนั่นเองค่ะ เพราะมันจะทำงานให้เศษอาหารเหล่านั้น กลายมาเป็นปุ๋ยให้เราได้นำไปใช้งานต่อ โดยไม่ต้องพึ่งพาถุงพลาสติกในการนำเศษอาหารเหล่านี้ไปกำจัดอีกต่อไป ตอนนี้ในไทยมีเครื่องย่อยขยะเศษอาหารวางจำหน่ายอยู่หลัก ๆ 8 รุ่นค่ะ แต่ละรุ่นจะมีหน้าตาและฟังก์ชันการใช้งานอย่างไรบ้างนั้น ติดตามอ่านต่อในบทความนี้ได้เลยค่ะ

@homeday.co.th 🧄 แนะนำ 8 เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร ให้กลายเป็นปุ๋ย!🪴 #เครื่องย่อยสลายเศษอาหาร #ลดโลกร้อนเริ่มที่เรา #รักษ์โลก #นวัตกรรมเปลี่ยนโลก #ปุ๋ยจากเศษอาหาร ♬ Nature, Wildness, Eco System, Environment / Documentary Background Texture(1232266) – Ney

1. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร ReenCle Prime รุ่น JFD103P

            เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร ReenCle Prime ใช้ระบบย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ (DECOMPOSER) ใส่เเค่ครั้งเเรกที่เริ่มใช้เครื่อง ไม่ต้องเติมหรือเปลี่ยนบ่อย ๆ ค่ะ ความจุในการใส่เศษอาหารได้สูงสุด 0.7-1 กิโลกรัมต่อวัน จึงกำลังพอเหมาะสำหรับผู้ที่อยู่คนเดียวไปจนถึงครอบครัวขนาดเล็ก (ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารที่ทานในแต่ละครอบครัว) ไม่จำเป็นต้องตักปุ๋ยออกทุกวัน สามารถใส่อาหารเวลาใหนก็ได้ ไม่ต้องรอเป็นรอบ ๆ เหมือนทิ้งขยะปกติได้เลยค่ะ ไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวน และเสียงการทำงานของเครื่องก็อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 30 dB ปุ๋ยที่ได้เป็นออร์แกนิค และมีค่า NPK ครบถ้วน สามารถนำมาเทใส่ต้นไม้ได้เลยค่ะ แถมตัวเครื่องยังมีเซ็นเซอร์เปิด-ปิด สะดวกสบายในการเทเศษอาหารลงในเครื่องอีกด้วย ตัวเครื่องไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรองทุก 3 เดือน และยังได้มาตรฐาน ISO, CE และ KOREA PRODUCT SAFETY อีกด้วย ราคาอยู่ที่ 22,000 บาทค่ะ

2. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร REENCLE รุ่น JFD102

           เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร REENCLE ได้คุณสมบัติและมาตรฐานเหมือนกันกับเครื่องย่อยขยะเศษอาหาร ReenCle Prime ค่ะ แต่ตัวนี้จะจุได้เยอะกว่าเล็กน้อย สามารถใส่อาหารได้สูงสุด 2 กิโลกรัมต่อวัน เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กขึ้นไป ราคาเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย อยู่ที่ 26,000 บาทค่ะ

3. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร MARTIN รุ่น JFD204

            เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร MARTIN ตัวนี้ มาพร้อมหน้าจอ LCD แสดงฟังชันการทำงานของเครื่อง ใช้งานง่าย ไม่ยุงยาก ได้คุณสมบัติและมาตรฐานเหมือนกันกับเครื่องย่อยขยะเศษอาหาร ReenCle Prime เลยค่ะ แต่ตัวนี้จะจุได้เยอะกว่ามาก สามารถใส่อาหารได้สูงสุด 3 กิโลกรัมต่อวัน เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ราคา 30,500 บาทค่ะ

4. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Hass รุ่น HFC-250M

            เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Hass ตัวเครื่องทำจากวัสดุอย่างดี งานประกอบเนี๊ยบ และสวยงามทันสมัย ตัวเครื่องสามารถกันมด, แมลงสาบ, หนู, แมลง หรือสัตว์อื่น ๆ ได้ ตัวเครื่องจุอาหารได้มากถึง 2 กิโลกรัมต่อวัน เหมาะตั้งแต่ครอบครัวขนาดเล็กขึ้นไปค่ะ นอกจากตัวเครื่องจะไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุก 3 เดือนแล้ว ยังประหยัดไฟมาก ๆ อีกด้วย หากเปิด 24 ชั่วโมงก็จะอยู่ที่ราว 100 บาท/เดือนค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีระบบกำจัดกลิ่น ที่พัฒนาให้มีประสิธิภาพสูง ด้วยระบบ UV, Ozone และ Metal Oxidation กำจัดกลิ่นได้ดีมาก ไม่มีกลิ่นรบกวนอย่างแน่นอนค่ะ ตัวเครื่องทำงานโดยใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลาย ทำให้เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เพียงทำให้แห้ง (Dehydrate) แต่ย่อยสลาย (Compost) ให้เป็นปุ๋ยด้วย ปุ๋ยที่ได้จึงเป็นปุ๋ย Organic มีค่า NPK ตามมาตรฐาน ไม่จำเป็นต้องตักออกมาทุกวันค่ะ เต็มเมื่อไหร่ก็ค่อยตักออก สามารถใส่อาหารเพิ่ม และตักออกได้อย่างอิสระ ไม่มีรอบการใช้งาน มีบริการ On-site Service ใน กทม. และปริมณฑล ในช่วงรับประกันอีกด้วยค่ะ ตัวเครื่องราคาอยู่ที่ 26,500 บาท

5. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Smart cara รุ่น PCS350

            เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Smart cara  สามารถใส่เศษอาหารได้สูงสุด 1 กิโลกรัม กินไฟเพียง 1 kWh ต่อการใช้งาน 1 รอบ ทำงานโดยการอบร้อนเพื่อให้น้ำภายในเศษอาหารระเหยออกไปจนหมด และทำการบดเศษอาหารเหล่านั้นให้กลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยเศษอาหาร 1 กิโลกรัม เมื่อผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะเหลือเพียงประมาณ 100 กรัมเท่านั้น ช่วยให้เศษอาหารปราศจากกลิ่น น้ำ รวมไปถึงแมลงรบกวน ซึ่งเศษที่เหลือจากกระบวนการย่อย สามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยสำหรับใส่ต้นไม่ได้เลย ราคาอยู่ที่ 31,500 บาทค่ะ

6. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Keeen bio

            เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Keeen bio ความจุ 3 กิโลกรัม ทำจากเหล็กหล่อคุณภาพสูง ให้ความทนทาน ใช้จุลินทรีย์ชนิดพิเศษสามารถย่อยสลายสารอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องใช้เวลาย่อยประมาณ 2-6 ชั่วโมงสำหรับ 3 กิโลกรัม กินไฟอยู่ที่ราวเดือนละ 100 บาท ส่วนรอบการทำงานจะขึ้นกับปริมาณอาหารและความชื้น ปุ๋ยที่ได้ไม่ใช่กรด แต่มากไปด้วยสารอาหารพืช NPK การย่อยสลายใช้อากาศ จึงไม่ทำให้เกิดก๊าชมีเทนค่ะ ราคาตัวเครื่องอยู่ที่ 27,000 บาท

7. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Rewa รุ่น SM 100/CPM-SM098

            เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Rewa รองรับเศษอาหารได้ถึง 2 กิโลกรัมต่อวัน ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการอัตโนมัติ นวัตกรรมแกนหมุนใบพัด 3 แกน ออกแบบให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการย่อยเศษอาหาร สามารถหมุนพาเศษอาหารคลุกเคล้ากันอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับอุณหภูมิความร้อน ความชื้น ที่เหมาะสมสำหรับการย่อยสลายร่วมกับเอนไซม์ มีแผงควบคุมการทำงาน พร้อมปุ่มกดเปิด-ปิด, แสดงข้อมูลการทำงาน, อุณภูมิเครื่อง รวมถึงแสดงข้อมูลหากการทำงานของเครื่องมีความผิดปกติได้แบบเรียลไทม์ ตัวฝาเปิด-ปิด ออกแบบให้ใส่หรือถอดออกได้สะดวก สามารถตักปุ๋ยหรือทำความสะอาดตัวเครื่องได้ง่าย มีสารเคลือบช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เครื่องนี้ราคาอยู่ที่ 32,900 บาท

8. เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Oklin รุ่น GG-02s

            เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Oklin เป็นเครื่องที่มีราคาแพงที่สุดที่เราพามาแนะนำกันในวันนี้ค่ะ ตัวเครื่องเป็นนวัตกรรมจากประเทศออสเตเรีย รองรับปริมาณขยะสูงสุดมากถึง 5 กิโลกรัมต่อวันกันเลยทีเดียว สามารถลดปริมาณขยะเศษอาหาร ได้ถึง 80-90% ในเวลา 24 ชั่วโมง ย่อยสลายด้วยกระบวนการทางธรรมชาติจากจุลินทรีย์สายพันธุ์คัดเฉพาะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย ไม่ต้องเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์ และไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์หรือตัวกรองที่เป็นขยะอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ลดจำนวนการเก็บขยะต่อสัปดาห์ รวมทั้งลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การรับประกัน 1 ปี รวมรับประกัน การใช้งานที่ผิดวิธี (human errors) อีกด้วย ราคาอยู่ที่ 69,000 บาทค่ะ

            และนี่ก็คือทั้งหมด 8 รุ่น ของเครื่องย่อยขยะเศษอาหาร ที่มีขายในไทย ณ ปัจจุบันค่ะ แต่ละเครื่องก็มีคุณสมบัติและฟังก์ชันต่างกันเล็กน้อย อย่างไรก็ดีก่อนการซื้อ ให้ลองประเมิณปริมาณเศษอาหารแต่ละวันของครอบครัวดูก่อนคร่าว ๆ นะคะ เพื่อให้เราสามารถเลือกขนาดความจุได้อย่างถูกต้อง ศึกษาในเรื่องการรับประกันและบริการหลังการขายเอาไว้ด้วย เผื่อในกรณีที่เครื่องมีปัญหาจากการใช้งานค่ะ อย่าลืมอ่านข้อจำกัดของแต่ละเครื่องให้ดีด้วยนะคะ ว่าสามารถย่อยอะไรได้ หรือไม่ได้บ้าง หรือควร หรือไม่ควร ที่จะเปิดเครื่องบ่อย ๆ ขณะเครื่องทำงาน เพราะราคาตัวเครื่องถือว่าค่อนข้างแพงทีเดียวค่ะ แถมยังมีค่าไฟที่ต้องจ่ายรายเดือนสำหรับการเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย อย่างไรก็ดี การศึกษาการใช้งานให้ละเอียด และใช้งานให้ถูกต้องตามคำแนะนำ ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวเครื่องไปได้อีกนานเลยล่ะค่ะ

บทความที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด