เริ่มทำงานใหม่ เงินเดือน 15,000 ซื้อบ้านได้ไหม?

          เพิ่งเริ่มต้นทำงาน เป็น First Jobber กันอยู่ เงินเดือนสตาร์ท 15,000 จะสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ไหม คำตอบคือ “ได้ค่ะ” สามารถซื้อได้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องมีเงื่อนไข ข้อจำกัด ในหลายปัจจัย ที่ทำให้เราอาจจะไม่ได้บ้านในฝันที่วาดหวังไว้เสมอไป หรือการดำเนินการขอกู้ต่าง ๆ ก็อาจจะไม่ได้ง่ายมากนัก เมื่อเทียบกับคนที่ทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สำหรับใคร ที่ต้องการจะซื้อบ้านจริง ๆ ในระยะที่ยังเป็นหน้าใหม่สำหรับชีวิตการทำงาน วันนี้ Homeday มีวิธีมาฝากกันค่ะ

@homeday.co.th เริ่มทำงานใหม่ เงินเดือน 15,000 ซื้อบ้านได้ไหม? 🤔❔ #ซื้อบ้าน #บ้าน #บ้านหลังแรก #กู้เงิน #กู้ซื้อบ้าน #กู้บ้าน #บ้านมือสอง #บ้านมือ2พร้อมอยู่ #เงินเดือนหมื่นห้าาาาา #กู้ร่วม #myristorantecreation ♬ Canyons – Official Sound Studio

1. บ้านราคาสูงสุดเท่าไหร่ ที่คนเงินเดือน 15,000 จะสามารถกู้ได้?

          โดยทั่วไป ธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ให้กับผู้ที่มีรายได้ประจำ ที่สามารถรับภาระหนี้สินได้ 40% จากรายได้ทั้งหมด โดยเหลือส่วน 60% เอาไว้ เพื่อให้ผู้กู้ใช้เป็นรายรับในการดำรงชีพของตัวเอง หากผู้กู้มีหนี้สินที่ต้องผ่อนอยู่ต่อเดือน ก็จะทำให้วงเงินกู้ลดลงไปด้วย โดยวิธีคำนวณประมาณวงเงินกู้สูงสุดของธนาคาร ทำได้ดังนี้ค่ะ

ความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือน x 150 = ≈วงเงินกู้สูงสุด

กรณีไม่มีหนี้

รายได้ต่อเดือน x 40% = ความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือน

15,000 x 40% = 6,000

6,000 x 150 = 900,000 

วงเงินกู้สูงสุดประมาณ 900,000 บาท

กรณีมีหนี้

(รายได้ต่อเดือน-หนี้ต่อเดือน) x 40% = ความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือน

(15,000-2,000) x 40% = 5,200

5,200 x 150 = 780,000

วงเงินกู้สูงสุดประมาณ 780,000 บาท

2. หากอยากได้บ้านที่มีราคาสูงกว่าวงเงินที่สามารถข้อกู้ได้ สามารถทำวิธีใดได้บ้าง?

  • สามารถยื่นกู้ร่วมได้ วิธีนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด อนุมัติได้ง่ายที่สุดอีกด้วย หนี้แบ่งชำระเท่า ๆ กันในแต่ละเดือน หรือแล้วแต่ตามตกลงก็ได้ 
  • สามารถนําสินทรัพย์ปลอดจํานองมาค้ำประกันได้
  • เลือกวางเงินดาวน์บ้านให้ได้มากที่สุด เช่น บ้านราคา 2,000,000 บาท ผู้กู้สามารถขอวงเงินกู้ได้สูงสุด 1,000,000 บาท ให้หาเงินดาวน์มาวางให้ได้ 1,000,000 บาท ในกรณีนี้ต้องใช้วิธีการหยิบยืมจากคนใกล้ชิดแทน เช่น พ่อแม่ พี่น้อง เป็นต้น

3. ทำเลไหนบ้าง ที่มีบ้านเหมาะกับคนเงินเดือน 15,000?

  • ทำเลใกล้รถไฟฟ้าในเขตชานเมือง : ทุกสาย ทุกสี เหมาะและลงตัวหมดเลยค่ะ เพราะราคาที่ดินยังไม่พุ่งสูงมากนัก ยังพอมีบ้านและคอนโดราคา 1-3 ล้านให้ได้เลือกกันอยู่พอสมควร แถมยังสะดวกสำหรับการเดินทางเข้าเมืองไปทำงาน เพราะอยู่ใกล้กับขนส่งมวลชนที่สะดวกสบายที่สุดอย่างรถไฟฟ้าอีกด้วย 
  • มีรถส่วนตัว : การหาบ้านในย่านชานเมือง ที่อาจจะห่างไกลจากขนส่งสาธารณะไปสักหน่อย เพื่อให้ได้บ้านที่ราคาถูกลง และได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็ถือว่าดีไม่น้อยค่ะ หากใครที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็สามารถจอดรถตามอาคารจอดแล้วจรได้ โดยจุดจอดรถนั้นก็มีให้บริการทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT เลยนะคะ อยากอยู่ย่านไหน ก็ลองสำรวจอาคารจอดรถที่ใกล้ที่สุดดูก่อนได้เลย
  • เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ : บ้านที่เราจะซื้อ ต้องอยู่ในทำเลที่เข้าถึงขนส่งสาธารณะได้อย่างไม่ยาก อย่างน้อยที่สุด ก็คือบริการพี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์ หรือรถสองแถวตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ที่สามารถพาเรามายังจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้
  • ไม่ได้ทำงานในเมือง : สามารถเลือกทำเลที่ใกล้กับที่ทำงาน หรือสะดวกสบายสำหรับการเดินทางตามความเหมาะสมของตัวเองกันได้เลยค่ะ 

4. อยากได้บ้านทำเลดี เงินเดือน 15,000 ทำอย่างไรได้บ้าง?

          บ้านหรือคอนโดในทำเลดี ที่มีราคาถูก คงหนี้ไม่พ้นบ้านและคอนโดมือสองค่ะ นอกจากนี้บ้านมือสองยังตรงตามเงื่อนไขมาตรการรัฐลดค่าโอน-จดจำนอง (หมดเขตสิ้นเดือนธันวาคม 2565) และโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจาก ธอส. สำหรับกู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 1.99% และคงที่ระยะยาว 4 ปีแรก (หมดเขตสิ้นเดือนธันวาคม 2566) ซึ่งก็ต้องติดตามข่าวอัปเดตเกี่ยวกับมาตรการการช่วยเหลือคนที่อยากมีบ้านกันด้วยค่ะ อาจจะมีอะไรใหม่ ๆ มาอัปเดตเพิ่มเติม ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของเราไปได้เยอะเลยทีเดียว

5. อยากให้ธนาคารอนุมัติง่ายขึ้น ทำอย่างไรได้บ้าง?

  1. สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน ต้องสวย : ในกรณีของผู้ที่มีรายได้ประจำ เป็นพนักงานเงินเดือน รับเงินตรงเวลา ไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ แค่ต้องระมัดระวังรายจ่าย ต้องบริหารให้มีเงินเหลือติดบัญชีธนาคารในแต่ละเดือนด้วย ห้ามใช้จนหมดบัญชีทุกเดือนเด็ดขาดเลยนะคะ 
  2. ชำระหนี้ให้ตรงเวลา : หรือที่เรียกกันว่า ‘เครดิตบูโร’ นั่นเอง ธนาคารจะตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ของเราย้อนหลัง 2 ปี ก่อนที่เราจะเริ่มยื่นกูเพื่อซื้อบ้าน ดังนั้นหากประวัติไม่ค่อยดี ก็อาจจะต้องมาปั้นกันใหม่ จ่ายหนี้ให้ตรงเวลา ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเรามีประวัติเสีย มีโอกาสที่จะค้างชำระหนี้บ้านกับทางธนาคาร ทางธนาคารก็จะไม่อนุมัติเงินกู้ให้เรานั่นเองค่ะ
  3. มีรายได้มั่นคงอย่างต่ำ 1 ปี : ในที่นี้ หมายความถึงทั้งพนักงานเงินเดือนและฟรีแลนซ์เลยค่ะ พนักงานเงินเดือนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้ เพราะมีเงินเข้าบัญชีสม่ำเสมอทุกเดือน แต่สำหรับฟรีแลนซ์ หากมีบางเดือนที่ไม่ได้รับงาน ไม่มีเงินเข้า หรือยอดมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละเดือน ดูไม่ค่อยมั่นคง ทางธนาคารก็จะไม่ค่อยอนุมัติให้ค่ะ
  4. ใช้หนี้เก่าให้หมดก่อน : หากใครที่เพิ่งกู้ซื้อรถ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ไป แนะนำให้ผ่อนชำระหนี้เหล่านั้นให้หมดเสียก่อน ก่อนที่จะมาขอยื่นกู้บ้านกับทางธนาคาร เพราะหากมีภาระหนี้สิน จะทำให้วงเงินกู้สินเชื่อบ้านของเราต่ำลงค่ะ
  5. เลือกธนาคารที่อนุมัติง่าย : ในข้อนี้ อาจจะต้องทำการบ้านกันสักหน่อย เพราะแต่ละธนาคารก็มีกฎเกณฑ์ และมีการประเมินที่ไม่เหมือนกันค่ะ นอกจากนี้เราอาจจะดูในเรื่องของโปรโมชันของแต่ละธนาคาร เกี่ยวกับวงเงินกู้, ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เอาไว้ร่วมด้วยก็ได้ค่ะ

6. ไม่มีเงินเก็บสำรองเลย ซื้อบ้านได้ไหม?

          คำตอบคือ “ไม่ได้ค่ะ” ถ้าไม่มีเงินเก็บเตรียมสำรองไว้เลย ก็แนะนำว่าให้เก็บก่อนจะกู้ซื้อบ้านดีกว่าค่ะ เพราะวงเงินกู้ที่เราได้รับอนุมัติ อาจได้ไม่เต็ม 100% แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่น ๆ อย่าง ค่าจอง, ค่ามัดจำ, ค่าโอน, ค่าจดจำนอง, ค่ามิเตอร์น้ำ-ไฟ, ค่าส่วนกลางล่วงหน้า, ค่าวางเงินดาวน์, ค่าประกัน, ค่าตรวจบ้าน และอื่น ๆ อีกเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ซึ่งแต่ละก้อนเมื่อนำมารวมกันแล้ว บอกเลยว่าหลักแสนขึ้นไปค่ะ และการวางเงินดาวน์ที่ต่ำ ก็นำมาสู่การจ่ายดอกเบี้ยในอันตราที่สูง การวางเงินดาวน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ จะลดภาระดอกเบี้ยบ้านลงไปได้มาก นอกจากนี้ควรตรวจสอบนโยบายคืนเงินดาวน์ของแต่ละโครงการด้วยนะคะ ในกรณีที่กู้ไม่ผ่าน ไม่เช่นนั้นเราจะเสียเงินก้อนใหญ่ไปโดยเปล่าประโยชน์เลยล่ะค่ะ

          ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกซื้อบ้าน ควรเลือกซื้อตามกำลังความสามารถในการกู้ของตัวเราเอง ต้องแน่ใจว่าผ่อนไหว เมื่อหักกับรายรับแล้ว เรายังสามารถใช้ชีวิตต่อเดือนได้แบบที่ไม่ลำบากจนเกินไป เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจจะเกิดความเครียด จากภาระหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนได้ค่ะ หรือใครที่สามารถหารายได้เสริมเพิ่มเติมจากเงินเดือนได้ด้วยแล้วล่ะก็ จะช่วยให้เรามีเงินสำหรับใช้ส่วนตัวเพื่อเติมความสุขให้เราในแต่ละเดือนได้มากขึ้นด้วย ส่วนใครที่ต้องการจะกู้ร่วม ก็ต้องตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์กันให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลังได้นั่นเองค่ะ

บทความที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด