ในยุคหนึ่งที่โครงการอสังหาริมทรัพย์แค่แคมเปญโฆษณา และเปิดขายใบจองลูกค้าก็แห่ซื้อกันอย่างถล่มทลาย นับความสำเร็จกันเป็นรายชั่วโมงในการปิดการขาย จนมาวันหนึ่งที่เศรษฐกิจชะลอตัว ความเชื่อมั่นผู้ซื้อแทบจะเป็นศูนย์เพราะเสียเงินจองซื้อและผ่อนดาวน์ไปแล้ว สุดท้ายไม่ได้บ้านหรือคอนโดมิเนียมกลับมา RTM หรือ Ready to Move คำนี้ที่เหมือนกับการแสตมป์ลงไปว่าซื้อไปไม่ว่าจะอย่างไรก็ได้ของ ได้ขนกระเป๋าเข้าอยู่ได้แน่นอน ในวันที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังเจอโควิด-19 ถล่มมากว่า 2 ปี มาตรวจเช็กกันอีกรอบว่า RTM ยังน่าสนใจแค่ไหนในมุมผู้ซื้อ ส่วนผู้ขาย หากใช้แล้วจะช่วยให้ขายคล่องหรือไม่
ซื้อตอนพรีเซล (Pre-Sale) กับ RTM แบบไหนดีกว่ากัน?
หลายข้อดีที่เป็นพูดถึงกันบ่อยของการซื้อแบบพรีเซล ช่วงที่โครงการกำลังก่อสร้าง ก็น่าจะเป็นราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับโครงการเดียวกันที่สร้างเสร็จแล้ว
เรื่องโปรโมชันก็ได้มาแบบจัดเต็ม ส่วนลด ของแถม เฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ทำให้การตัดสินใจซื้อช่วงพรีเซลทำได้ง่ายขึ้น เพราะความคุ้มค่าเป็นหลัก
การเลือกตำแหน่ง-ชั้น ที่ชอบจากแบบแปลนที่ฝ่ายขายเอาให้ดู ถ้าคนที่ศึกษามาก่อน และมีประสบการณ์จะจับจุดถูก และเลือกทิศของห้องได้อย่างแม่นยำ หรือคลาดเคลื่อนก็มีไม่มาก
แต่ถึงแม้จะปักหมุดไว้เป็นอย่างดี ซื้อพรีเซลตอนที่ไม่เห็นห้องจริง ก็ยังมีกรณีดราม่าให้เห็นเต็มโซเชียลว่าที่ซื้อไว้นั้นจะเห็นวิวโล่ง ไม่มีอาคารตึกไหนมาบัง สรุปสุดท้ายที่ก่อสร้างเสร็จกลับมีอีกอาคาร แทบจะระเบียงกับหน้าต่างห้องตรงกันไปเลย
การซื้อโครงการในช่วงนี้ จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ที่เรียกว่า เงินดาวน์ สัดส่วนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ
ส่วน RTM แน่นอนว่า ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องรอ ว่าบ้าน และคอนโดมิเนียมที่ซื้อไว้นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะสามารถตรวจเช็คจุดบกพร่องได้เลย เช่น น้ำรั่ว กระเบื้องแตก
การได้เห็นของจริง ในสภาพแวดล้อมที่ทางโครงการระบุไว้ในสัญญาก็เป็นความสบายใจไปอีกแบบ แต่ต้องแลกกับราคาที่แพงขึ้นกว่าตอนที่เสนอขายช่วงพรีเซล
ตัวอย่าง ตอนขายพรีเซล อาจขายที่ราคาตารางเมตรละ 80,000 บาท พอสร้างเสร็จเริ่มเข้าอยู่ ราคาก็อาจจะกระโดดไปแตะ 90,000-100,000 บาทต่อตารางเมตรได้เลย
จะเลือกแบบไหนดีระหว่าง พรีเซล กับ RTM อยู่ที่ความพร้อมของผู้ซื้อว่า เพราะมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ถ้าเป็นสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในตอนนี้ที่มีสินค้าค้างสต็อกรอขาย ประมาณ 1.9 แสนยูนิต การสร้างแรงจูงใจด้วยราคา และโปรโมชั่นแบบจัดเต็ม พร้อมเชิญชวนให้หิ้วกระเป๋าใบเดียพร้อมเข้าอยู่ น่าจะเป็นไม้เด็ดการขายบ้านในปีนี้