โครงการ ภัสสร ร่มเกล้า-รามคำแหง (Passorn Romklao-Ramkhamhaeng) สัมผัสสุนทรียภาพของชีวิตคนเมือง ภายใต้มนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ MODERN HERITAGE LUXURY บนพื้นที่ส่วนตัวที่กว้างขวาง FULFILL FUNCTION ที่ตอบรับ LIFE STYLE ครอบครัวรุ่นใหม่

จุดเด่นโครงการ

• บ้านเดี่ยวใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย ใกล้ Airport Link ลาดกระบัง เพียง 15 นาที และใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีส้ม เพียง 5 นาทีเท่านั้น เดินทางเข้าถึงทุกจุดหมายได้อย่างง่ายดาย
• Smart Home ระบบรักษาความปลอดภัยในตัวบ้าน ได้แก่ SECURITY SIREN อุปกรณ์แจ้งเตือนภัยด้วยเสียง และแจ้งเตือนผ่าน Smartphone และ IP CAMERA ระบบรักษาความปลอดภัยบริเวณโรงจอดรถ ดูผ่าน Smartphone ได้ทันที
• รองรับ EV Charger ที่ชาร์จรถระบบไฟฟ้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทันสมัยของคนรุ่นใหม่
• Clubhouse ทันสมัยและสะดวกสบาย รองรับทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่, ฟิตเนสอุปกรณ์ครบครัน, Co-Working Space, สวนสาธารณะ 2 จุด พร้อมเครื่องเล่นเด็ก และ Jogging Track

Main Gate ทางเข้าออกแบบดีไซน์ Facade มาสวยงาม ใช้โทนสีอบอุ่น เช่น สีเทา น้ำตาล ตัดด้วยสีเหลืองทอง ฉลุลาย ผสมผสานความโมเดิร์นและคลาสสิกได้อย่างลงตัว พร้อมธรรมชาติที่โอบล้อม 2 ฝั่งข้างทาง ต้อนรับการกลับมาของลูกบ้านได้อย่างอบอุ่น และด้วยมาตรฐานความปลอดภัยของทางโครงการที่ให้มาแบบ Triple Security ระบบรักษาความปลอดภัยสามชั้น ก็ยิ่งช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยทั้งภายนอกโครงการ ภายในโครงการ และภายในบ้าน สร้างความมั่นใจให้กับการอยู่อาศัยของลูกบ้านได้อีกด้วยครับ

Main Gate ขนาดใหญ่ Privacy โดยทางเข้า-ออกนั้นจะแบ่งแยกระหว่างฝั่งทางเข้าของ Residence และ Visitor ไว้อย่างชัดเจน เป็นประตูแบบ Double Gate คือ มีไม้กระดกกั้น และประตูเหล็กรางเลื่อน นอกจากนี้มียังมีทางเดินเท้า ไว้สำหรับลูกบ้านให้เดินเข้า-ออกโครงการได้ทั้งสองฝั่งอีกด้วย เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้าน โดยลูกบ้านจะสามารถผ่านเข้า-ออกโครงการได้ด้วยระบบ Access Control ซึ่งมี 2 ระบบ ทั้งระบบกล้องอ่านหมายเลขป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ และระบบ Easy Pass ด้วยครับ

ซึ่งก็จะได้เรื่องความสะดวกสบาย สามารถขับผ่านได้เลยทันที แถมยังได้ความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมี CCTV ติดตั้งไว้ให้รอบโครงการ ทั้งถนนหลักและประตูทางเข้า-ออก พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อุ่นใจได้อย่างแน่นอน

พื้นที่ส่วนกลาง

ทางโครงการได้ใส่ใจถึงรายละเอียด อย่างทางด้านหน้าอาคารคลับเฮ้าส์ รองรับทางลาดสำหรับรถเข็นผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ทำให้คลับเฮ้าส์เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมระบบระบายอากาศ Ventilation System ที่ทางโครงการติดตั้งให้บริเวณชั้นล่างของ Lobby และ Smart Locker ล็อกเกอร์อัจฉริยะ สามารถรับส่งของได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เริ่มต้นจากอาคาร Clubhouse  ที่ภายในประกอบไปด้วย Facilities ที่ตอบโจทย์ครบครัน ได้แก่ Fitness ขนาดใหญ่ 80 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ครบครัน, สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดใหญ่ 12 × 20 เมตร, พื้นที่ Co-Working Space พร้อมฟรีสัญญาณอินเทอร์เน็ต

สระว่ายน้ำเป็นแบบกลางแจ้งขนาดใหญ่ สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้เหนื่อยกำลังดีเลยครับ ติดกันก็มีสระเด็กรองรับไว้ให้ มีพื้นที่ Pool Terrace วางเตียง Sunbed ได้ 4 ที่นั่ง ให้เราได้ชมวิวสวนท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นได้อย่างเต็มตา มองไกลออกไปหน่อยเราก็จะเห็น Playground, Playscape และ Pavilion ด้วยครับ

ชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์จะเป็นพื้นที่ของห้องฟิตเนส ที่กว้างมากขนาด 80 ตารางเมตร ภายในห้องได้หน้าต่างขนาดใหญ่รับแสงธรรมชาติรอบด้าน ทำให้ห้องฟิตเนสได้ความโปร่งโล่ง สามารถเห็นบรรยากาศพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งโครงการ อุปกรณ์เครื่องออกกำลังครับครัน รองรับได้ทั้ง Full Body ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นพวก Cardio และ Weight Training

Hyde Park สวนพักผ่อนส่วนตัวที่ให้มาทั้งสองแห่ง พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน Jogging Track, Playground, Playscape และ Pavilion

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ นวัตกรรมที่อยู่อาศัย “Pruksa Living Tech” อันเป็นนวัตกรรมที่ผสานธรรมชาติกับเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่แค่เติมเต็มความต้องการในการใช้ชีวิต แต่เป็นเทคโนโลยีที่สร้างคุณภาพและสมดุล เพื่อการอยู่อาศัยที่ทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบดังนี้

1. 1. HEALTHY : เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ นวัตกรรมที่พัฒนาเพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี จากปัญหามลภาวะที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 เราจึงพัฒนา O2 System นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนเพื่ออากาศที่บริสุทธิ์สดชื่นในพื้นที่ส่วนกลาง และยังมีนวัตกรรมอื่นๆ เพื่อสุขภาพ เช่น Wellness Solution, Pruksa Precast, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Jogging Track และ Space Extension เป็นต้น
   2. GREEN : เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสังคมสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมที่พัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมที่ดี เช่น นวัตกรรมบ้านหายใจได้ Pruksa Fresh Air หรือ Ventilation System ที่ช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน ทำให้เย็นสบาย ลดการใช้พลังงาน อากาศถ่ายเทได้ดีไม่อับชื้น มีระบบ Solar Cell แผงประหยัดพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และนวัตกรรมอื่นๆ อย่าง Vertical Green Wall, LED Lighting และ Skylight เป็นต้น
   3. SAFETY : เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจ นวัตกรรมที่พัฒนาเพื่อยกระดับความปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัยในโครงการของพฤกษา เราพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยและระบบเตือนภัยต่างๆ ตั้งแต่หน้าทางเข้าโครงการไปจนถึงในตัวบ้าน เช่น PRUKSA PRECAST นวัตกรรมการก่อสร้างของโครงการบ้าน แข็งแรง ทนทาน ลดเสียงรบกวน, ระบบประตูหน้าต่างเตือนภัย Door & Window Magnetic Sensor, CCTV, Smoke Detector, Digital Door Lock, Triple Gate, Access Control และ Security Pad Control เป็นต้น
   4. SMART : เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อความสะดวกสบาย นวัตกรรมที่พัฒนาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่ ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น เช่น ระบบสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน Home Automation, In Unit Wellness, Sensor Lighting, USB Plug, Smart Switch, Smart Mirror, Smart Locker, Smart Camera / IP Camera และ Wi-Fi ส่วนกลาง เป็นต้น

แบบบ้าน : ADLER

• บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
• พื้นที่ใช้สอย : 197 ตร.ม.
• 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ

แบบบ้านหลังแรกที่เราจะพามาชมกัน คือแบบบ้าน ADLER ซึ่งเป็นหนึ่งในแบบบ้านใหม่ของทางโครงการ พื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 197 ตารางเมตร เป็นหลังที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทางโครงการครับ ฟังก์ชันของตัวบ้านจะประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 1 ห้องนั่งเล่น, 1 ห้องครัว, 1 ห้องรับประทานอาหาร, 1 พื้นที่อเนกประสงค์ พร้อม 3 ที่จอดรถ รองรับ EV Charger ดีไซน์ของแบบบ้านภายในโครงการ ออกแบบโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ Modern Heritage Luxury และมาพร้อมกับนวัตกรรมที่ทำให้บ้านเย็นอย่าง Ventilation System พัดลมดูดอากาศร้อนบริเวณ โถงชั้น 2 เพื่อให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้สะดวก ภายในบ้านก็จะไม่ร้อนครับ และแต่ละจุดจะมี USB PLUG ปลั๊กไฟที่รองรับหัวชาร์จ USB สะดวกทุกการใช้งานเพื่อชีวิตง่ายอีกด้วยครับ

โดยเราจะพามาชมบ้านมาตรฐานที่ส่งมอบให้ลูกบ้าน พร้อมกับบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียด้วยนะครับ จุดแรกบริเวณโรงจอดรถ ได้พื้นที่แบบหน้ากว้างขนาดใหญ่ พร้อมประตูทางเข้ารอง จอดรถ 3 คันได้สบาย ๆ พร้อมรองรับการติดตั้ง EV Charger เอาไว้ให้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นกล้อง IP Camera ติดตั้งเอาไว้ให้ด้วย สามารถใช้งานดูผ่าน Smartphone ได้เลยครับ และยังมี Security Siren อุปกรณ์แจ้งเตือนภัยด้วยเสียง และแจ้งเตือนผ่าน Smartphone เพิ่มความอุ่นใจให้กับการอยู่อาศัยได้มากขึ้นอีกระดับครับ ทางเข้าหลัก มีเฉลียงด้านหน้า ได้ประตูกระจกบานสไลด์ขนาดใหญ่ มาพร้อม Magnetic Sensor ตรวจจับการบุกรุก ที่ประตูหน้าและหน้าต่าง พร้อมแจ้งเตือนภัยไปยัง Smartphone

พื้นที่ Living และ Dining ของบ้านตัวอย่างและบ้านมาตรฐาน

เดินเข้ามาภายในตัวบ้านจากทางเข้าหลัก จะเจอกับพื้นที่ Open Plan ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ Living และ Dining เข้าด้วยกัน บ้านได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งสบาย ด้วยช่องแสงรายล้อม จัดสรรพื้นที่ใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ในบ้านตัวอย่างจุดแรกบริเวณพื้นที่ Living พื้นที่หน้ากว้าง ขนาดใหญ่ รองรับชุดโซฟาและอาร์มแชร์ขนาด 4-5 ที่นั่งได้เลยครับ ฝั่งตรงข้าม Built-in ชั้นวางทีวีได้พอดีลงตัวกับพื้นที่ ใส่ทีวีจอใหญ่ได้เลยครับ ระยะการรับชมอยู่ในระดับที่เหมาะสม มีพื้นที่เหลือให้สามารถวางโต๊ะกลางขนาดใหญ่ได้ โดยที่ผู้อยู่อาศัย สามารถเดินเข้า-ออกรอบ ๆ พื้นที่ได้อย่างสะดวกคล่องตัว

พื้นที่ Living และ Dining ของบ้านตัวอย่างและบ้านมาตรฐาน

พื้นที่ Dining Area ของบ้านตัวอย่าง

ถัดเข้าไปด้านใน ในส่วนของพื้นที่ Dining ทางโครงการวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเห็นได้เลยว่ายังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านรอบ ๆ โต๊ะได้ เลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกได้ ไม่มีปัญหากับการใช้งานอย่างแน่นอนครับ หากสมาชิกครอบครัวอยู่กันเพียงแค่ 3-4 คน ก็สามารถลดขนาดโต๊ะรับประทานอาหารลง และเพิ่มเป็น Pantry สำหรับชงกาแฟแทนก็เหมาะครับ

พื้นที่ครัวของบ้านตัวอย่าง

ติดกันกับพื้นที่รับประทานอาหาร เป็นส่วนของพื้นที่ครัวครับ ทางโครงการออกแบบให้ทั้ง 2 พื้นที่อยู่ชิดติดกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน เวลาเตรียมหรือเสิร์ฟอาหารก็สะดวกง่ายดาย ได้ความเป็นสัดส่วนดีทีเดียวครับ ในส่วนของครัวให้มาขนาดใหญ่เลยครับ ตอบโจทย์ครอบครัวที่ทำอาหารทานเองเป็นประจำได้อย่างแน่นอน ภายในสามารถใส่เคาน์เตอร์ครัวได้ทั้ง 2 ฝั่ง รองรับเตา 4 หัว และซิงก์ล้างจานขนาดใหญ่ได้สบาย ๆ พร้อมเหลือพื้นที่เตรียมอาหารให้ใช้งานแบบจัดเต็ม วางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้ หรือจะซ่อนเครื่องซักผ้าฝาหน้าใต้เคาน์เตอร์ครัวก็ทำได้เช่นกัน ตัวห้องมีบานประตูเชื่อมออกไปยังส่วนซักล้างด้านนอกด้วยครับ

พื้นที่โถงทางเดินบันไดชั้น 1 ของบ้านมาตรฐาน

เดินออกมาจากครัว ขวามือของเราจะเป็นประตูทางเข้ารองเชื่อมโรงจอดรถ ที่อยู่ด้านหลังชั้นวางทีวี ติดกันก็จะเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2 ของตัวบ้านนั่นเองครับ เดินผ่านโถงทางเดินเข้าไป ก็จะเจอกับพื้นที่เก็บของใต้บันได ห้องน้ำ และ Bedroom 4 ตามลำดับ

ห้องน้ำชั้น 1 ของบ้านตัวอย่าง ที่ได้ของตามบ้านมาตรฐานเลยครับ

ห้องน้ำชั้น 1 จะอยู่ตรงข้ามกันกับ Bedroom 4 รองรับการใช้งานได้ทั้งแขกและผู้ที่ใช้งานห้องนอนชั้นล่าง ภายในจึงมีส่วนของ Low Wall ตรงอ่างล้างมือและ Hand Shower มาให้ด้วยครับ

Bedroom 4 ของบ้านตัวอย่าง

Bedroom 4 รองรับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุได้ครับ หรือถ้าใครต้องการจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอื่น ๆ ตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ ก็สามารถปรับได้ตามชอบ ขนาดภายในของห้องนี้ แม้จะเป็นห้องนอนรองชั้นล่าง แต่ขนาดก็ถือว่าใหญ่ทีเดียวครับ

โถงบันไดชั้น 2 ของบ้านตัวอย่าง

โถงบันไดชั้น 2 และพื้นที่อเนกประสงค์ ของบ้านมาตรฐาน

ขึ้นไปดูต่อกันที่ชั้น 2 ครับ ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ของห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง จากบันไดทางขึ้นไป ก็จะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์อีก 1 จุด ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ จะปรับทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นส่วนตัวสำหรับครอบครัว มุมออกกำลังกาย ทำเป็นพื้นที่นั่งทำงาน ปรับเป็นห้องพระ หรือจะทำเป็นมุมของเล่นสำหรับเด็ก ๆ ก็ได้ครับ ขนาดพื้นที่กำลังดี ออกแบบการใช้งานได้หลากหลายแน่นอน หรือถ้าอยากจะกั้นทำให้เป็นสัดเป็นส่วนไปเลยก็ได้นะครับ มุมนี้ได้บานหน้าต่างมา 1 บาน ไม่ต้องกังวลเรื่องช่องแสงเลย

พื้นที่อเนกประสงค์และ Bedroom 2 ที่เชื่อมต่อกันของบ้านตัวอย่าง ทำให้ดูเป็นไอเดียครับ

มาดูกันที่บ้านตัวอย่างฝั่งห้อง Bedroom 2 ที่ติดกับพื้นที่อเนกประสงค์ โดยทางโครงการได้ออกแบบมาให้ดูเป็นไอเดีย สามารถออกแบบกั้นพื้นที่ทั้ง 2 ให้เป็นห้องเดียวกันได้เลย โดยทำพื้นที่อเนกประสงค์เป็นโซน Walk-in Closet แยกเป็นสัดส่วนกับห้อง Bedroom 2 ได้อย่างลงตัว ส่วนพื้นที่รอบ ๆ เตียง ก็สามารถเพิ่มเติมได้ทั้งตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง, โต๊ะหัวเตียง และชั้นวางทีวี หรือถ้าอยากได้พื้นที่เพิ่มเติมอีกสักหน่อยก็สามารถลดไซซ์เตียงลงมาได้ครับ

Bedroom 2 ของบ้านมาตรฐาน

ส่วนขนาดตัวห้องจริงของ Bedroom 2 ของบ้านมาตรฐานนะครับ ภายในก็สามารถรองรับเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้สบาย ๆ ครับ แถมยังเป็นห้องนอนรองที่ได้ระเบียงส่วนตัวมาด้วย ขนาดของระเบียงก็ไม่ธรรมดาครับ ขนาดระเบียงของตัวห้องใหญ่กว่าระเบียงของ Master Bedroom อีกครับ สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนได้เลย

Bedroom 3 ของบ้านตัวอย่าง

มาต่อกันที่ Bedroom 3 ห้องนอนที่อยู่ติดกับบันไดทางขึ้น ห้องนี้ขนาดได้มาใกล้เคียงกันกับ Bedroom 2 เลยครับ ใส่ฟังก์ชันได้เหมือน ๆ กัน จุดเด่นอยู่ที่ตัวห้องอยู่ติดกับห้องน้ำส่วนกลางของชั้น 2 เวลาจะใช้งาน Bedroom 3 ก็จะใช้งานได้สะดวกกว่า นั่นเองครับ

ห้องน้ำชั้น 2 ที่ใช้ร่วมกันกับ Bedroom 2 และ Bedroom 3

ภายในห้องน้ำส่วนกลาง เนื่องจากเป็นห้องที่สมาชิก Bedroom 2 และ 3 จะต้องใช้ร่วมกัน ขนาดจึงค่อนข้างใหญ่ครับ ได้ชุดสุขภัณฑ์พื้นฐานมาครบครัน พร้อมกั้นฉาก Partition มาให้ในตัว พร้อม Low Wall และชั้นวางสบู่มาให้ ใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วนมาก ๆ ครับ

Master Bedroom ของบ้านมาตรฐาน และบ้านตัวอย่าง

ปิดท้ายกันที่ Master Bedroom ห้องนี้ตัวประตูทางเข้าจะอยู่เยื้องกับบันไดเลยครับ เป็นห้องแปลนหน้ากว้าง Open Plan แบบที่กินความยาวตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงด้านหลังบ้าน จุดเด่นของห้องนี้ คือการจัดสรรพื้นที่ที่มีการกั้นแบ่งโซนมาให้อย่างเป็นสัดส่วน ตัวห้องมาพร้อมระเบียงส่วนตัวฝั่งหน้าบ้าน ใช้ปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่นให้กับพื้นที่ห้องนอนได้เลยครับ

Master Bathroom บ้านมาตรฐานและบ้านตัวอย่าง

จากประตูทางเข้า ขวามือจะเป็นพื้นที่แต่งตัวอยู่เชื่อมกับ Master Bathroom ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นพื้นที่วางเตียง ขนาดของพื้นที่วางเตียง รองรับเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุตได้สบาย ๆ ครับ พื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้อย่างเต็มที่ สามารถเพิ่มโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง ปลายเตียงสามารถวางชั้นทีวีพร้อมโต๊ะตัวยาวเอาไว้ใช้งานแบบอเนกประสงค์ได้เลย

โซน Walk-in Closet ของ Master Bedroom ในแบบบ้านมาตรฐาน

โซน Walk-in Closet Master Bedroom ในแบบบ้านตัวอย่าง

พื้นที่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าตรงนี้ สามารถเพิ่มส่วนของโต๊ะเครื่องแป้งได้ครับ หรือจะวางเป็นชั้นหนังสือ หรือตู้เก็บของอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน เข้ามาดูด้านใน Walk-in Closet กันครับ พื้นที่ด้านใน สามารถใส่ตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ฝั่ง มีบานหน้าต่างรับแสงมาให้ด้วย ถ้าอยากให้พื้นที่มีความเป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้นไปอีก ก็สามารถเพิ่ม Partition กั้นแยกจากส่วนพื้นที่พักผ่อนได้เลยครับ หรือถ้าใครอยากจะออกแบบให้โต๊ะเครื่องแป้งมาอยู่ด้านในตรงนี้ ที่ทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียได้อย่างลงตัวเลยครับ

Master Bathroom

Master Bathroom ขนาดก็ใกล้เคียงกันกับห้องน้ำส่วนกลางของชั้น 2 เลยครับ ได้ฟังก์ชันทุกอย่างมาเหมือนกัน แตกต่างกันที่อ่างล้างหน้า ที่ของห้องนี้ จะได้ส่วนของท็อปเคาน์เตอร์อ่างเพิ่มเข้ามา ทำให้มีพื้นที่วางของมากขึ้น รองรับการใช้งานสำหรับ 2 ท่านได้อย่างลงตัวครับ ไปต่อกันที่บ้านตัวอย่างหลังที่ 2 กันครับ

แบบบ้าน : PORTER

• บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
• พื้นที่ใช้สอย : 167 ตร.ม.
• 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

มาดูอีกหนึ่งแบบบ้านของทางโครงการ กับแบบบ้าน PORTER ขนาดพื้นที่ใช้สอย 167 ตารางเมตร ฟังก์ชันของตัวบ้าน ได้เป็น 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ พร้อมรองรับ EV Charger มาให้เหมือนเช่นเคยครับ ภาพรวมของแบบบ้านนี้ก็จะมีความใกล้เคียงกันกับแบบบ้าน ADLER เลยครับ แตกต่างที่ขนาด ที่หลังนี้จะย่อมลงมากว่าเล็กน้อย และเริ่มต้นที่ 3 ห้องนอนครับ

เริ่มต้นจากจุดแรก โรงจอดรถของหลังนี้ก็จะได้เป็น 2 จอดครับ มีประตูทางเข้ารองบริเวณโรงจอดรถมาให้เหมือนเช่นเคย ประตูทางเข้าหลักมีเฉลียงด้านหน้ามาให้ ประตูเป็นแบบบานสไลด์ ให้มาเหมือนเช่นเคยครับ

เปิดเข้ามาด้านในพื้นที่ของชั้น 1 ก็จะเป็นแบบ Open Plan เช่นเดียวกัน จะเป็นพื้นที่ Living อยู่เชื่อมต่อกับ Dining ขนาดถือว่าใหญ่ไม่แพ้แบบบ้าน ADLER ครับ เพราะหน้ากว้างตรงนี้ สามารถจัดวางชุดโซฟาขนาด 4-5 ที่นั่งได้เช่นเดียวกัน

ฝั่งตรงข้ามวางหรือ Built ชั้นทีวีขนาดใหญ่ได้ลงตัว รองรับหน้าจอได้ทุกขนาด ด้วยระยะการรับชมที่เหมาะสม สามารถวางโต๊ะกลางขนาดใหญ่ได้สบาย ๆ เหลือพื้นที่รอบ ๆ ให้เดินเข้าเดินออกได้สะดวกครับ

ถัดไปที่มุม Dining ตรงนี้ก็วางโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมชุดเก้าอี้ขนาด 4 ที่นั่งได้กำลังลงตัว หรือถ้าอยากจะรองรับสำหรับแขกไว้มาจัดปาร์ตี้ ดินเนอร์กัน เพิ่มเป็นชุด 6 ที่นั่งก็ยังไหวครับ

เนื่องด้วยส่วนครัวที่อยู่ติดกันนั้น เป็นพื้นที่แบบเปิด ทำให้มุมรับประทานอาหารแม้จะวางจำนวนเก้าอี้เยอะ ก็ไม่ดูอึดอัดแต่อย่างใดครับ สามารถ Built-in เคาน์เตอร์ทำเป็น Pantry เข้ามุมทรง L-Shape ได้เพื่อช่วยให้สะดวกในการหยิบเตรียมอาหาร ของว่างต่าง ๆ รองรับแขกได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ภายในพื้นที่ห้องครัว รองรับการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวเข้ามุม L-Shape ขนาดใหญ่ได้เลยครับ สามารถวางตู้เย็น ซ่อนเครื่องซักผ้าฝาหน้าไว้ใต้เคาน์เตอร์ครัวได้เช่นเดียวกัน ขนาดพื้นที่รองรับเตา 4 หัวพร้อมด้วยซิงก์ล้างจานขนาดใหญ่ได้สบาย ๆ มีพื้นที่เหลือให้เตรียมอาหารได้เพียงพอครับ  สำหรับครอบครัวไหนที่เน้นทำอาหารทานเองเป็นประจำ กลัวปัญหาในเรื่องของกลิ่นรบกวน ก็สามารถ Built-in ทำเป็นครัวปิดเพิ่มเติมเองได้ครับ หรือจะใช้งานส่วนลานซักล้างที่อยู่เชื่อมต่อกัน ทำเป็นครัวไทยด้านนอกก็ได้เช่นกัน พื้นที่ตรงนี้เอาไว้วางพวกเครื่องซักผ้าก็ได้เหมือนกันครับ

พามาดูกันต่อในพื้นที่อีกฝั่งของตัวบ้านกันบ้างครับ เดินตรงผ่านด้านหลังชั้นวางทีวีไป ขวามือจะเป็นประตูทางเข้ารองที่เชื่อมโรงจอดรถ ติดกันเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2 ที่มาพร้อมกับห้องเก็บของด้านใต้ ที่ให้พื้นที่มาใหญ่พอสมควรเลยครับ สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้เลย พร้อมทั้งติดไฟด้านในห้องมาเรียบร้อย และด้านในสุดคือห้องน้ำชั้น 1 ที่ลดระดับทำพื้นลงมา 3 สเต็ปกันเลย

ห้องน้ำของชั้น 1 เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ภายในได้ชุดสุขภัณฑ์มาครบครันครับ พร้อม Low Wall มาให้ เป็นห้องน้ำที่ไว้สำหรับรองรับแขกก็ได้เช่นกันครับ

ขึ้นมายังชั้น 2 แบบบ้านนี้มาพร้อมกับห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง จุดที่แตกต่างจากแบบบ้าน ADLER คือไม่ได้มีพื้นที่อเนกประสงค์ แต่ก็สามารถใช้งานในห้องนอนได้ครบทุกฟังก์ชันเหมือนกัน

เริ่มต้นจากห้องนอนรองห้องแรก Bedroom 3 อยู่ขวามือติดบันไดทางขึ้น ห้องนี้จะเป็นห้องนอนขนาดเริ่มต้นที่อยู่ในฝั่งด้านหลังบ้าน ซึ่งจะได้จุดเด่นเรื่องความสงบ เหมาะเป็นห้องนอนสำหรับลูก ๆ หรือทำเป็นห้องทำงาน โฮมเธียเตอร์ก็ทำได้เช่นกันครับ

Bedroom 3 และ Bedroom 2 จะอยู่ติดกันกับห้องน้ำชั้น 2 เลยครับ เวลาใช้งานก็จะค่อนข้างสะดวกอีกด้วย

ภายในห้องน้ำได้ฟังก์ชันครบ มีกระจก Tempered Glass กั้นโซนเปียก-แห้ง แยกเป็นสัดส่วน พร้อม Low Wall และ Hand Shower มาให้ด้านในของโซน Shower ห้องน้ำชั้น 2 มีขนาดที่ใหญ่มากกว่า เหมาะกับการใช้งานร่วมกันระหว่าง Bedroom 3 และ Bedroom 2 ครับ

มาดู Bedroom 2 กันต่อครับ ห้องจะอยู่ติดกับห้องน้ำส่วนกลางเลยครับ สะดวกในการใช้งานเหมือนกันกับ Bedroom 3 แต่ขนาดภายในห้องจะใหญ่กว่า Bedroom 3 ครับ ภายในจึงสามารถใส่เตียงขนาดใหญ่ได้สูงสุดถึง 6 ฟุต เหมาะมาก ๆ สำหรับทำเป็นห้องของลูกคนโต หรือสมาชิกครอบครัวที่ต้องการใช้พื้นที่ห้องนอนในการทำงานร่วมด้วย

โดยพื้นที่รอบเตียงของห้องนี้ สามารถใส่ได้ทั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่, โต๊ะเครื่องแป้ง, โต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่ง และโต๊ะทำงานปลายเตียง หรือใครจะปรับเป็นชั้นทีวีก็ได้เช่นกัน

ปิดท้ายกันที่ห้องที่ใหญ่ที่สุด Master Bedroom ห้องนี้จะอยู่ซ้ายมือ ติดกับบันไดทางขึ้นชั้น 2 ตัวห้องได้เป็นแปลนแบบหน้ากว้างแบบ Open Plan มาเช่นเดียวกัน เป็นห้องที่กินความยาวหน้าบ้านเต็ม ๆ เลยครับ

ตัวห้องภายในก็ยังคงโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์การจัดวางแปลนของตัวห้อง ที่จัดสรรพื้นที่รองรับ Walk-in Closet เอาไว้ให้อยู่ชิดติดกับห้องน้ำ ซึ่งจะอยู่ทางฝั่งซ้ายมือจากประตูทางเข้าห้อง ทำให้ห้องนั้นเป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัว และใช้งานฟังก์ชันได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

โดยภายในมุม Walk-in Closet บ้านจริงเราสามารถใส่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างลงตัว สามารถกั้น Partition เพิ่มเติม ให้มุมนี้กลายเป็นพื้นที่ปิดได้เช่นกัน และไม่ต้องกังวลเรื่องแสง เพราะได้บานหน้าต่างที่มุมนี้มาด้วยครับ

ส่วน Master Bathroom ขนาดภายในใกล้เคียงกันกับห้องน้ำด้านนอกเลยครับ ต่างกันที่ตำแหน่งประตู และตำแหน่งของอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

กลับมากันในส่วนพื้นที่วางเตียง จะอยู่ทางด้านขวามือจากประตูทางเข้า รองรับเตียงขนาด 6 ฟุต ปลายเตียงสามารถทำเป็นโต๊ะทำงานหรือชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ได้ เหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินเข้า-ออกได้สบาย ๆ ถ้าทำเป็นโต๊ะนั่งทำงานก็วางเก้าอี้ได้สบาย ๆ ไม่มีปัญหาครับ ส่วนหัวเตียงก็ยังเหลือพื้นที่ให้ใช้งานอีกเยอะ วางเป็นโต๊ะหัวเตียงขนาดใหญ่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ เอาไว้ใช้วาง ใช้เก็บของต่าง ๆ ก็ได้ครับ ติดกันจะเป็นระเบียงส่วนตัว

ระเบียงส่วนตัวของห้อง Master Bedroom จะอยู่กลางระหว่างโซน Walk-in Closet และโซนพักผ่อนครับ สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนตรงระเบียบเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้พื้นที่ตรงกลางสามารถวางอาร์มแชร์พร้อมชั้นหนังสือ, ทำเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับสัตว์เลี้ยง, ทำเป็นมุมนั่งเล่น ดูทีวี หรือจะทำเป็นพื้นที่ไหน ๆ ก็ออกแบบได้ตามใจชอบ ตามไลฟ์สไตล์ของเราเลยครับ

ทำเลที่ตั้ง

โครงการตั้งอยู่ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูและรถไฟฟ้าสายสีส้ม เพียง 5 นาที* และใกล้ Airport Link ลาดกระบัง 15 นาที* ใกล้ Motorway ใกล้ถนนตัดใหม่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เพียง 10 นาที* ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 20 นาที* ที่สุดของทำเลเชื่อมต่อถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า-รามคำแหง ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ไลฟ์สไตล์และสาธารณูปโภครอบย่านครบครัน หลากหลาย ทั้ง Fashion Island & The Promenade, Jas Green Village รามคำแหง, The Mall Lifestore บางกะปิ, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง, โรงพยาบาลเวชธานี ฯลฯ

สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ

สรุป

โครงการ ภัสสร ร่มเกล้า-รามคำแหง เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ฟังก์ชั้นสูงสุด 4 ห้องนอน ได้ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ในทำเลซอยร่มเกล้า 6/1 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร โดดเด่น ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย และทางด่วน สะดวกเดินทาง เพียง 5-15 นาที* สามารถเข้าถึง Fashion Island ได้เลย ฟังก์ชันบ้านและระบบรักษาความปลอดภัยของทางโครงการให้มาแบบจัดเต็ม Triple Security ส่วนกลางขนาดใหญ่ Facilities ครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Co-Working Space, สวนสาธารณะพร้อม Jogging Track, Playground, Playscape และ Pavilion มาพร้อม 3 แบบบ้านใหม่ ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ได้ลงตัวครับ

#Homeday #พฤกษา #Pruksa #ภัสสร #Passorn #ภัสสรร่มเกล้ารามคำแหง #PassornRomklaoRamkhamhaeng #รีวิวภัสสรร่มเกล้ารามคำแหง

บทความที่คุณอาจสนใจ

• 15 น้ำพุแมว ยี่ห้อไหนดี ที่โดนใจเจ้านายและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่าทาส
• 10 ไอเดีย บ้านแมวกลางแจ้งระบบปิดแบบ Catio
• เกษตร ย่านใจกลางเมือง ตอบโจทย์การอยู่อาศัย
• สีสันแห่งย่าน “ห้าแยกลาดพร้าว” ไลฟ์สไตล์ชีวิตไม่หยุดนิ่ง “เช้า-ยัน-ดึก”