การมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเองนั้นถือเป็นความฝันของคนจำนวนมาก แต่หากไม่มีเงินก้อนใหญ่เพียงพอ ทางเลือกส่วนใหญ่คือการขอสินเชื่อกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคาร ซึ่งมักมีระยะเวลาผ่อนชำระนานเป็นสิบปีหรือมากกว่านั้น โดยทั่วไปธนาคารจะเสนอโปรโมชั่นดอกเบี้ยคงที่ในช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นดอกเบี้ยมักจะปรับสูงขึ้นเป็นอัตราลอยตัวที่แพงกว่าเดิม ทำให้ผู้กู้ต้องแบกรับภาระหนักขึ้น หลายคนรู้จักการรีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระดอกเบี้ย แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ “รีเทนชั่น” ซึ่งหลายคนอาจยังไม่คุ้นเคย บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับรีเทนชั่น ขั้นตอนการดำเนินการ และเปรียบเทียบกับการรีไฟแนนซ์ เพื่อให้ผู้อ่านมีข้อมูลครบถ้วนในการตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลดภาระดอกเบี้ยบ้าน

รีเทนชั่นคืออะไร? หลักการสำคัญที่ผู้กู้บ้านต้องรู้
รีเทนชั่น (Retention) คือ การเจรจาต่อรองขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินเดิมที่ได้เคยทำเรื่องกู้ยืมไว้ โดยสามารถทำได้หลังจากผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้ว หรือเมื่อพ้นระยะเวลาที่มีดอกเบี้ยคงที่ตามที่ระบุในสัญญา การรีเทนชั่นเป็นทางเลือกสำหรับผู้กู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร โดยไม่ต้องย้ายไปยังธนาคารอื่น
หลังจากผ่อนบ้านในอัตราดอกเบี้ยคงที่มาจนครบ 3 ปี ดอกเบี้ยมักจะปรับขึ้นเป็นอัตราที่สูงกว่าเดิม ทำให้ภาระการผ่อนชำระหนักขึ้น การรีเทนชั่นจึงเป็นทางออกที่น่าสนใจสำหรับผู้กู้ที่ต้องการบรรเทาภาระทางการเงิน โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการผ่อนชำระที่ดีมาโดยตลอด
ขั้นตอนการทำรีเทนชั่นบ้านง่ายๆ สำหรับผู้กู้ทั่วไป
การทำรีเทนชั่นบ้านไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด ไม่ต้องเตรียมเอกสารมากมายให้วุ่นวาย มีเพียงขั้นตอนไม่กี่ขั้นตอนดังนี้:
- เตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชน
- เข้าไปทำเรื่องเจรจาต่อรองขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่กำลังผ่อนชำระค่าบ้านอยู่
- รอผลการพิจารณาอนุมัติจากธนาคาร ซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาไม่นาน
- เมื่อได้รับการอนุมัติ อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำรีเทนชั่นประมาณ 1-2% ของวงเงินกู้

เอกสารที่ใช้ในการทำรีเทนชั่น เตรียมอะไรบ้าง?
การทำรีเทนชั่นใช้เอกสารน้อยมาก เนื่องจากเป็นการทำธุรกรรมกับธนาคารเดิมที่มีข้อมูลของผู้กู้อยู่แล้ว รวมถึงประวัติการผ่อนชำระในแต่ละเดือน โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีเพียง:
- สัญญาเงินกู้ – เป็นสัญญาที่ทำไว้กับธนาคารตั้งแต่เริ่มกู้ซื้อบ้าน
- ทะเบียนบ้านและสำเนาของผู้กู้
- บัตรประชาชนและสำเนาของผู้กู้
ความเรียบง่ายของเอกสารที่ต้องใช้นับเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของการทำรีเทนชั่นเมื่อเทียบกับการรีไฟแนนซ์ที่ต้องเตรียมเอกสารใหม่ทั้งหมดเสมือนการขอกู้ใหม่

รีเทนชั่นใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกว่าจะได้ดอกเบี้ยใหม่?
ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติการรีเทนชั่นจะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร แต่โดยทั่วไปใช้เวลาไม่นาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของการทำรีเทนชั่น หลังจากยื่นเอกสารต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ธนาคารส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 7 วันทำการในการพิจารณา ซึ่งเร็วกว่าการรีไฟแนนซ์ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาพิจารณาอาจรวมถึงประวัติการผ่อนชำระของผู้กู้ ยอดวงเงินกู้ที่เหลือ และนโยบายภายในของแต่ละธนาคาร
ค่าใช้จ่ายในการทำรีเทนชั่น คุ้มค่าหรือไม่?
ค่ารีเทนชั่น คือ ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินเรียกเก็บจากการดำเนินการรีเทนชั่น โดยทั่วไปจะมีค่าธรรมเนียมไม่สูงมาก ประมาณ 1-2% ของยอดวงเงินกู้เต็ม หรือวงเงินกู้ที่เหลืออยู่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
ตัวอย่างการคำนวณค่ารีเทนชั่น: สมมติว่ายอดวงเงินกู้ในการไปขอรีเทนชั่นอยู่ที่ 1 ล้านบาท และค่ารีเทนชั่นเท่ากับ 1.25% จะต้องเสียค่ารีเทนชั่น = (1,000,000 x 1.25) ÷ 100 = 12,500 บาท
นอกจากค่าธรรมเนียมนี้แล้ว การทำรีเทนชั่นแทบไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติม ซึ่งต่างจากการรีไฟแนนซ์ที่มีค่าใช้จ่ายหลายรายการ เช่น ค่าจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ ค่าจดจำนอง ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าอากรแสตมป์ และค่าประกันอัคคีภัย
รีเทนชั่นทำได้กี่ครั้ง? มีข้อจำกัดอย่างไร?
โดยทั่วไป หากผู้กู้มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยชำระล่าช้า ธนาคารอาจพิจารณาให้สามารถทำการรีเทนชั่นได้ทุก 3 ปี โดยต้องเข้าไปติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินตามขั้นตอนที่กล่าวไว้ข้างต้น
อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำหรับผู้กู้ที่มีวงเงินเหลือต่ำกว่า 1,000,000 บาท ในบางกรณีอาจจะขอรีเทนชั่นไม่ได้ เนื่องจากธนาคารอาจมองว่าไม่คุ้มค่าในการดำเนินการ ดังนั้น ผู้กู้ควรติดต่อสอบถามเงื่อนไขกับทางธนาคารโดยตรงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน

เปรียบเทียบรีเทนชั่นกับรีไฟแนนซ์ อะไรดีกว่ากัน?
ทั้งรีเทนชั่นและรีไฟแนนซ์เป็นวิธีการลดดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน แต่มีข้อแตกต่างสำคัญที่ผู้กู้ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ:
ข้อดีของรีเทนชั่น:
- ทำกับธนาคารเดิมจึงสะดวกและไม่ยุ่งยาก
- เตรียมเอกสารเพียงไม่กี่รายการ
- รออนุมัติเร็ว อาจใช้เวลาเพียง 7 วันทำการ
- มีค่าธรรมเนียมน้อย เพียงประมาณ 1-2% ของยอดวงเงินกู้
- ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาหลักทรัพย์ใหม่
ข้อดีของรีไฟแนนซ์:
- สามารถเปรียบเทียบและเลือกธนาคารใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยที่ดีที่สุดได้
- มีโอกาสได้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมากกว่ารีเทนชั่น
- สามารถปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ทั้งหมด รวมถึงระยะเวลาการผ่อนชำระ
- บางธนาคารอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ที่ทำรีไฟแนนซ์
ข้อเสียของรีไฟแนนซ์:
- จำเป็นต้องเตรียมเอกสารใหม่ทั้งหมด
- รออนุมัตินานประมาณ 2-3 สัปดาห์ (เท่ากับการขอกู้ใหม่)
- มีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายหลายรายการ
- กระบวนการซับซ้อนกว่า ต้องมีการประเมินราคาทรัพย์สินใหม่

ควรเลือกรีเทนชั่นหรือรีไฟแนนซ์? แนวทางการตัดสินใจสำหรับผู้กู้
การเลือกระหว่างรีเทนชั่นกับรีไฟแนนซ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ผู้กู้ควรพิจารณาจากสถานการณ์ส่วนตัว ดังนี้:
รีเทนชั่นอาจเหมาะกับผู้กู้ที่:
- มียอดเงินกู้เหลือต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท
- ผ่อนมานานหลายปีจนใกล้จะหมดแล้ว
- ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก
- พึงพอใจกับการลดดอกเบี้ยลงเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 0.25-0.50%)
- ไม่ต้องการเสียค่าธรรมเนียมมากมาย
รีไฟแนนซ์อาจเหมาะกับผู้กู้ที่:
- มียอดเงินกู้เหลือตั้งแต่หนึ่งล้านบาทขึ้นไป
- ต้องการลดอัตราดอกเบี้ยลงมากๆ
- มีแผนจะกู้เงินเพิ่มเติม เช่น เพื่อรีโนเวทบ้าน
- ยินดีรอการอนุมัตินานขึ้น และเตรียมเอกสารจำนวนมาก
- ยินดีเสียค่าธรรมเนียมหลายรายการเพื่อแลกกับดอกเบี้ยที่ลดลงมากกว่า
สรุป
การรีเทนชั่นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้กู้ที่ต้องการลดภาระดอกเบี้ยบ้านอย่างรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก โดยทำได้หลังจากผ่อนชำระครบ 3 ปี เพียงแค่นำเอกสารสัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนไปยื่นที่ธนาคารเดิม รอผลการพิจารณาเพียงไม่กี่วัน และเสียค่าธรรมเนียมเพียง 1-2% ของวงเงินกู้
ถึงแม้การรีเทนชั่นจะลดอัตราดอกเบี้ยได้น้อยกว่าการรีไฟแนนซ์ แต่ข้อได้เปรียบในด้านความสะดวกและค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าก็ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่มีวงเงินกู้เหลือไม่มากหรือผ่อนใกล้หมดแล้ว
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกรีเทนชั่นหรือรีไฟแนนซ์ ผู้กู้ควรสอบถามอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขต่างๆ จากธนาคารโดยตรง เพื่อนำมาเปรียบเทียบและเลือกวิธีที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับตนเอง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามสภาวะเศรษฐกิจและนโยบายของแต่ละธนาคาร
#สาระ #การเงิน #รีเทนชั่น #ลดดอกเบี้ยบ้าน #สินเชื่อบ้าน #รีไฟแนนซ์ #ธนาคาร #ลดภาระหนี้ #ผ่อนบ้าน #เงินกู้บ้าน #ดอกเบี้ยเงินกู้