–
บ้านที่หอมสดชื่นตลอดเวลาน่าจะเป็นอะไรที่หลายคนใฝ่ฝัน ในขณะที่ความเป็นจริงบ้านของเราอาจมีกลิ่นรบกวน อย่างกลิ่นอับ และกลิ่นอาหาร ซึ่งกลิ่นภายในบ้าน หรือที่พักอาศัยส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนเราได้ด้วย และถ้ากลิ่นในบ้านของคุณสดชื่นก็ทำให้ให้คุณรู้สึกสดใสตามไปด้วย Homeday เลยจะมาบอกวิธีที่ช่วยให้บ้านหอมตลอดเวลาให้คุณได้ลองนำไปใช้
กลิ่นหอมในบ้าน ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตที่ดีของคนในบ้าน
การมีกลิ่นหอมภายในบ้านนอกจากจะช่วยกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว ยังดีต่อสุขภาพจิตของคนในบ้านในหลายด้านด้วย เช่น
- ลดความเครียด: การได้กลิ่นเป็นหนึ่งในรูปแบบการรับรู้ของมนุษย์ เวลาที่จมูกได้กลิ่นหอม สมองจะถูกกระตุ้นให้ประมวลผลว่ากลิ่นนั้นคืออะไร ซึ่งจะช่วยหันเหความสนใจของสมองจากความเครียด และความวิตกกังวลได้ ในระหว่างที่จมูก และสมองกำลังดื่มด่ำกับกลิ่นหอม ความดันเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจที่เกิดจากความเครียดจะลดลง
- ช่วยให้อารมณ์ดี: การศึกษาพบว่าการสูดดมกลิ่นหอมสามารถช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความสุข อย่างเซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ที่ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
แค่เพียงประโยชน์ 2 ข้อนี้เพียงพอแล้วที่คุณจะต้องลุกขึ้นมาสร้างกลิ่นหอมให้กับบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการพักผ่อน และเพิ่มความน่าอยู่ให้กับบ้านของคุณ
เนรมิตรให้บ้านหอมตลอดเวลาด้วย 8 วิธี
มาทำความฝันให้บ้านหอมสดชื่นตลอดเวลาด้วยวิธีต่อไปนี้กัน
1. กำจัดกลิ่นเหม็น
การได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ทำให้คุณเครียดได้ และกลิ่นเหม็นก็เป็นอุปสรรคใหญ่ของบ้านที่หอมฟุ้งด้วย Homeday ขอแนะนำให้เริ่มจากการกำจัดกลิ่นด้วยวิธีต่าง ๆ ก่อน เช่น
- ทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุมเป็นประจำ
- หาต้นเหตุของกลิ่น และแก้ไข
- เปิดประตูหน้าต่างให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทเสมอ
- ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าม่าน พรม โซฟา เตียงนอนให้สะอาดไม่มีกลิ่นอับติด
นอกจากวิธีเหล่านี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าสาเหตุของกลิ่นเหม็นคืออะไร และแก้ไขอย่างเหมาะสม เพราะพื้นฐานของบ้านที่หอม ควรเริ่มจากปราศจากกลิ่นเหม็น
2. ใช้สเปรย์ปรับอากาศแบบตั้งเวลา
วิธีนี้เป็นวิธีสร้างกลิ่นหอมให้กับบ้านที่ได้ผล โดยคุณสามารถตั้งเวลาให้เครื่องนี้ปล่อยสเปรย์ปรับอากาศที่มีกลิ่นหอมออกมาบ่อยได้ตามต้องการ ซึ่งระยะการใช้งานขึ้นอยู่กับความถี่ในการพ่นสเปรย์ แต่ข้อเสียของสเปรย์ชนิดนี้ คือ ถ้าตั้งเวลาให้พ่นถี่เกินไปอาจทำให้ฉุนจมูกได้ แถมยังเปลืองอีกด้วย
3. ใช้เทียนหอม
หลัง ๆ มาคนเริ่มใช้เทียนหอมในการสร้างกลิ่นหอมให้กับบ้านมากขึ้น ซึ่งช่วยสร้างกลิ่นหอมให้กับบ้านได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ถ้าใช้ยี่ห้อที่ดีหน่อยจะยิ่งช่วยเพิ่มการกระจายของกลิ่นหอมภายในห้อง และช่วยให้รู้สึกผ่อนคล้ายมากขึ้น
แต่ด้วยความที่เป็นเทียนจึงต้องจุดไฟไว้ตลอดอาจมีความเสี่ยงเรื่องอัคคีภัยจึงไม่ควรวางไว้ใกล้ผ้าม่าน กระดาษ ดอกไม้แห้ง และควรจุดในห้องที่มีอากาศหมุนเวียนตลอด เพราะแก๊สจากการเผาไหม้อาจทำให้รู้สึกอึดอัดได้จุดเทียนในห้องที่ปิดทึบ ซึ่งไม่ควรจุดตอนนอน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้โคมสำหรับเทียนหอมโดยเฉพาะ ที่จะช่วยละลายเทียน และกระจายกลิ่นหอมโดยไม่ต้องจุดไฟ
4. ใช้ก้านไม้น้ำหอม
ก้านไม้น้ำหอมเป็นอีกตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มความหอมให้กับบ้าน เพราะใช้ง่ายเพียงเสียบก้านไม้ลงไปในขวดน้ำหอม แล้ววางไว้ตามส่วนต่าง ๆ ก้านไม้จะค่อย ๆ ดูดน้ำหอม และกระจายกลิ่นออกมา ซึ่งใช้ได้ง่าย และปลอดภัย
หลายคนที่เคยใช้ก้านไม้น้ำหอมอาจเจอกับปัญหาที่ผ่านไปสักพักก็ไม่หอมแล้ว Homeday แนะนำให้กลับก้านไม้ทุก 4–7 วันเพื่อให้กลิ่นหอมกระจายได้มากขึ้น หากลองทำแล้วกลิ่นไม่หอมเท่าเดิม ควรเปลี่ยนก้านไม้ชุดใหม่
5. ใช้เมล็ดกาแฟ
คุณสามารถเปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านให้กลายเป็นคาเฟ่ชิค ๆ ได้ เพียงแค่ซื้อเมล็ดกาแฟมา หรือจะเป็นเมล็ดกาแฟเกรดที่ไม่แพงมาก แต่สามารถให้กลิ่นได้ดีมาวางไว้จุดต่าง ๆ ภายในบ้าน นอกจากนี้ คุณสามารถนำเมล็ดกาแฟมาใส่ไว้ในโหล พร้อมวางเทียนอันเล็กไว้ตรงกลาง แล้วจุดเพื่อให้ความร้อน พากลิ่นกาแฟล่องลอยไปทั่วไปบ้าน กลิ่นกาแฟยังอาจช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองให้สดชื่นมากขึ้นด้วย
6. ปลูกดอกไม้ไว้รอบบ้าน และการจัดดอกไม้สด
คนรักบ้านหลายคนชื่นชอบการปลูกต้นไม้ ซึ่งหากคุณชอบปลูกต้นไม้ และอยากให้บ้านหอม แนะนำให้ปลูกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมไว้รอบบ้าน หรือใกล้กับบริเวณประตูหน้าต่าง โดยตัวอย่างดอกไม้ที่กลิ่นหอม และปลูกในไทยได้ เช่น
- มะลิซ้อน
- พุดเศรษฐีบางใหญ่
- โมก
- กรรณิการ์
- สายน้ำผึ้ง
นอกจากนี้ ยังมีดอกไม้อีกหลายพันธุ์ที่สามารถคุณสามารถเลือกกลิ่น และรูปร่างของดอกได้ แถมยังเลือกได้ด้วยว่าอยากให้หอมในช่วงกลางวัน ช่วงเย็น หรือกลางคืนตามชนิดของดอกไม้ และควรเลือกที่บาน และส่งกลิ่นได้ตลอดปี โดยนอกจากจะปลูกแล้ว คุณสามารถนำดอกเหล่านี้มาจัดเป็นช่อเล็ก ๆ วางไว้ตามส่วนต่างในบ้านก็ได้เหมือนกัน แต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับคนแพ้เกสรดอกไม้ หรือเป็นภูมิแพ้
7. ใช้สเปรย์ฉีดผ้าหอม
สเปรย์ฉีดผ้าหอมออกแบบมาเพื่อกำจัดกลิ่น และเพิ่มความหอมให้ผ้า โดยไม่ทำให้เกิดคราบ หรือทำลายเนื้อผ้า คุณสามารถใช้ฉีดตามผ้าม่าน หมอนอิง โซฟา เบาะ หรือของอื่น ๆ ที่ทำจากผ้าได้ แนะนำว่าให้เป็นประจำ แต่ไม่ควรนำไปฉีดหมอนหนุน เพราะอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้
8. ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มทุกสัปดาห์
วิธีนี้จะช่วยให้เครื่องนอนของคุณสะอาด ปราศจากสิ่งสกปรก และยังช่วยให้ห้องสดชื่น โดยไม่ต้องซื้อน้ำยาปรับอากาศ หรือน้ำหอมเพิ่มเลย ขอแค่คุณเลือกน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดทน และซักด้วยวิธีที่ถูกต้อง เช่น แบ่งซักในปริมาณที่เหมาะสม หรือใช้วิธีอบแทนตากก็ช่วยให้กลิ่นหอมติดทนได้นาน พร้อมฟุ้งกระจายในห้องนอน
ส่วนตัว Homeday แนะนำว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสเปรย์น้ำหอมปรับอากาศ สเปรย์ฉีดผ้าอาจไม่เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย เป็นภูมิแพ้ เพราะเป็นเคมีสังเคราะห์ หากสัมผัสใกล้ ๆ หรือสูดดมบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวหนัง หรือทางเดินหายใจระคายเคืองได้ จึงควรเลือกใช้อย่างเหมาะสม และวางตำแหน่งให้ดี โดยคุณสามารถนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กับบ้าน และห้องของคุณได้เลย
กลิ่นหอมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ และเสริมสุขภาพจิตที่ดี
จากข้อมูลด้านการบำบัดด้วยกลิ่น (Aromatherapy) กลิ่นหอมแต่ละแบบส่งผลต่อสมอง และสุขภาพจิตต่างกัน เช่น
- ไม้จันทน์: ช่วยผ่อนคลายจิตใจ ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
- ไม้ซีดาร์: ช่วยให้รู้สึกสดชื่น มีพลังงาน กระปรี้กระเปร่า
- ยูคาลิปตัส: ช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว บรรเทาอาการคัดจมูก
- เลมอน: ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง บรรเทาความเครียด
- ลาเวนเดอร์: ช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกสงบ สดใส และผ่อนคลาย
สุดท้ายนี้ก่อนจากกัน กลิ่นหอมในบ้านเป็นสิ่งที่ไม่คงทน ดังนั้น ควรเน้นไปที่ความถี่ในการเติมความหอม และพยายามเอากลิ่นหอมไว้บริเวณที่คุณใช้เวลาอยู่มากที่สุด เช่น หัวเตียง โต๊ะกลางในห้องนั่งเล่น หรือบนโต๊ะทำงานเพื่อให้คุณและคนในบ้านดื่มด่ำกับกลิ่นหอมที่ช่วยให้อารมณ์ดีได้มากที่สุด
บทความที่คุณอาจสนใจ