KAVE playground

7 ข้อควรรู้ ขับรถลุยน้ำยังไง ให้ไปรอด!

           ก่อนออกจากบ้านวันนี้ อย่าชะล่าใจเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะช่วงนี้ฝนตกหนัก หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขังสูง หลายคนอาจจะยังไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ต้องเตรียมตัวอย่างไรดี วันนี้ Homeday มี 7 ข้อควรรู้ ขับรถลุยน้ำยังไง ให้ไปรอด มาฝากกันค่ะ แนะนำว่าให้ Save บทความเก็บไว้อ่านกันก็ดีนะคะ เพราะบทความนี้รวบรวมให้ตั้งแต่ก่อนออกรถ จนถึง Worst case ในกรณีที่รถดับกลางทางเอาไว้ให้แล้วค่ะ ใครที่เป็นมือใหม่หัดขับ หรือยังไม่เคยเจอกับเหตุการณ์น้ำท่วมมาก่อน ห้ามเลื่อนผ่านโดยเด็ดขาดเลยนะคะ ทั้ง 7 ข้อควรรู้จะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามอ่านที่บทความนี้ได้เลยค่ะ

1. เช็กสถานการณ์พื้นที่

           หากเป็นไปได้ ก่อนจะออกเดินทางไปที่ไหน ที่ไม่ได้รีบด่วน หรือกระทันหัน แนะนำให้เช็ก CCTV ของย่านนั้นดูเสียก่อนค่ะ ที่เว็บไซต์ www.bmatraffic.com/index.aspx หรือเช็กจาก Twitter ด้วยคีย์เวิร์ดของโลเคชันนั้น ๆ ก็ได้เช่นกันนะคะ หากจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปจริง ๆ ก็จะได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือได้อย่างถูกวิธี หรือหากไม่ได้มีความจำเป็น ก็จะได้หลีกเลี่ยง ไม่ต้องขับผ่านบริเวณพื้นที่นั้น ๆ

2. เช็กระดับน้ำ

          หากบังเอิญเจอเข้ากับพื้นที่น้ำท่วม ให้ประเมินสถานการณ์ของระดับน้ำคร่าว ๆ ก่อนเลยค่ะ เพื่อที่เราจะได้เตรียมรับมือ ตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง 

    • ระดับน้ำต่ำกว่า 20 เซนติเมตร สามารถขับผ่านได้อย่างปลอดภัยค่ะ 
    • ระดับน้ำ 20-40 เซนติเมตร รถเล็กอาจจะเริ่มมีปัญหาแล้วค่ะ เพราะท่อไอเสียมีสิทธิ์จมน้ำ หากจุดที่ท่วมขัง เป็นเพียงระยะทางสั้น ๆ ก็ยังพอค่อย ๆ ไปได้อยู่ค่ะ แต่หากระยะทางค่อนข้างไกลก็เสี่ยงรถดับค่ะ ส่วนใครที่ขับรถใหญ่หรือยกสูง ก็สามารถลุยผ่านไปได้แบบสบาย ๆ
    • ระดับน้ำ 40-60 เซนติเมตร รถเล็กอย่างรถเก๋งทุกรุ่น ไม่ควรขับผ่านแล้วค่ะ ส่วนรถใหญ่อย่างกระบะ หรือ SUV ที่ยกสูง สามารถขับผ่านได้ค่ะ
    • ระดับน้ำ 60-80 เซนติเมตร เป็นระดับที่แม้แต่รถใหญ่ก็ถือว่าเสี่ยงแล้วค่ะ ไม่ควรขับผ่านโดยเด็ดขาด แต่สำหรับท่านใดที่ขับรถใหญ่แต่งยกสูงเอาไว้ ก็ถือว่ายังพอไปได้ค่ะ

3. วิธีขับรถลุยน้ำ

           ในกรณีที่จำเป็นจะต้องขับรถผ่านในบริเวณที่น้ำท่วมขังจริง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็มีขั้นตอนและวิธีการตามลำดับอยู่ค่ะ เราไม่สามารถขับแบบปกติผ่านไปได้นะคะ เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อรถของเราแล้ว ยังส่งผลต่อเพื่อนร่วมทางของเราอีกด้วย

    1. ก่อนถึงจุดน้ำท่วม ให้ทำการปิดแอร์และเปิดกระจกระบายอากาศให้เรียบร้อย หากไม่ปิดแอร์ใบพัดอาจพัดน้ำเข้าเครื่องได้ ส่งผลเสียต่อระบบไฟฟ้าของรถอย่างแน่นอนค่ะ
    2. เมื่อเข้าถึงจุดที่น้ำท่วม เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำ ควบคุมให้อยู่ที่ประมาณ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากขับเร็วผ่านน้ำไปเลย อาจทำให้เสียการทรงตัวและควบคุมรถไม่อยู่ได้ค่ะ 
    3. รักษาความเร็วให้คงที่ที่ประมาณ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากขับช้าเกินไปก็เสี่ยงรถดับ ขับเร็วไปน้ำก็อาจจะเข้าเครื่องพังเสียหายได้ค่ะ
    4. แรงปะทะจากรถที่สวนมาจะทำให้เกิดคลื่นชนกัน น้ำจะสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้อาจกระฉอกเข้ามาจนเกิดความเสียหายแก่ระบบเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นในกรณีที่ต้องขับรถสวนกัน ให้ลดความเร็วลงอีกเล็กน้อยค่ะ
    5. รักษาระยะห่างคันหน้าให้มาก ๆ ไม่ต้องกลัวคันหลังจะจี้ค่ะ เพราะระบบเบรกแช่น้ำ ทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่ เมื่อพ้นพื้นที่น้ำท่วมแล้วให้ขับช้า ๆ ต่อไป พร้อมเบรกเป็นช่วง ๆ เพื่อให้ผ้าเบรกแห้ง 

4. น้ำเข้าท่อไอเสียทำอย่างไร

           น้ำเข้าท่อไอเสีย ไม่ได้ส่งผลให้เครื่องดับเสมอไปค่ะ หากเราทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว และพ้นออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เมื่อขับรถด้วยความเร็วปกติ ก็จะสามารถไล่ความชื้นและน้ำออกไปจากท่อได้เองค่ะ และหากอยากดูแลรักษา ป้องกันไม่ให้ท่อเกิดสนิม เมื่อถึงบ้านแล้ว จะใช้ผ้ามาเช็ดทำความสะอาดบริเวณท่อด้วยก็ได้ค่ะ

5. รถดับทำอย่างไร

           ห้ามสตาร์ทเครื่องโดยเด็ดขาดค่ะ! เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ของเราพังเสียหาย ให้เปิดไฟฉุกเฉิน แล้วพยายามเข็นรถให้พ้นออกมาจากระดับน้ำที่สูง หากเข็นรถมาจนถึงบริเวณที่น้ำท่วมไม่เกินครึ่งล้อ ให้ลองสตาร์ทรถใหม่อีกครั้ง หากสตาร์ทไม่ติดให้โทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนท้องถนนได้เลยค่ะ

6. ถึงจุดหมาย อย่าเพิ่งดับเครื่อง

           แม้เราจะขับรถบนถนนที่แห้งมาสักพักนึงแล้วก็ตาม ก็แนะนำว่าเพื่อความชัวร์ ให้สตาร์ทรถทิ้งไว้อีกสัก 5 นาทีก็ได้ค่ะ เพื่อให้น้ำในหม้อพักท่อไอเสียระเหยออกมาให้หมดเสียก่อน และขณะเดียวกันก็ให้ย้ำเหยียบเบรคไปเรื่อย ๆ ด้วย เพื่อให้ผ้าเบรคแห้งให้ได้มากที่สุดค่ะ

7. เบอร์โทรฉุกเฉิน ขอความช่วยเหลือ

    • เหตุด่วนเหตุร้าย 191 และ 1190
    • ตำรวจทางหลวง 1193
    • โจรกรรมรถยนต์ 1192
    • ข้อมูลจราจร 1197
    • อุบัติเหตุบนทางหลวง 1193
    • สอบถามเส้นทางบนทางด่วน (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) 1543
    • ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท 1146
    • สายด่วนอุบัติเหตุ 02-711-9161-2
    • สายด่วนรถหาย 02-711-9160
    • หน่วยแพทย์กู้ชีพ 1154
    • ตำรวจท่องเที่ยว 1155
    • สายด่วนประกันภัย 1186
    • แจ้งอุบัติเหตุ รพ.ตำรวจ 1691
    • ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข 1669
    • ศูนย์เอราวัณ 1646
    • หน่วยกู้ชีวิต วชิรพยาบาล 1554
    • สวพ.91 1644
    • จส.100 1137
    • ร่วมด้วยช่วยกัน 1677
    • สถานีวิทยุ สวพ.91 1644
    • สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน 1677
    • ศูนย์วิทยุรามา 02-3546999
    • ศูนย์วิทยุกรุงธน 02-4517227-9
    • ศูนย์วิทยุปอเต๊กตึ๊ง 02-2264444-8

ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://promotions.co.th
www.axa.co.th 
www.grandprix.co.th

           หากวันไหนที่ฝนตกหนัก มีน้ำท่วมขังบางแห่ง ถ้ารู้ก่อน ก็แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงไปเลยจะดีที่สุดนะคะ เพราะนอกจากเราจะไม่ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่คาดหวังแล้ว ยังอาจเกิดความเสียหายกับรถของเราได้อีกด้วย นอกจากจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังต้องเสียค่าซ่อมรถอีกด้วย ไม่คุ้มกันเลยค่ะ แต่หากมีธุระจำเป็นจริง ๆ ก็แนะนำให้เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ๆ ก็จะช่วยหลีกเลี่ยง ไม่ให้รถของเราต้องออกไปเสี่ยงได้นั่นเองค่ะ

อ่านเพิ่ม
House Condo Fair
Sidebar
The Palm (copy)
รีวิวโครงการ
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย วิลล์ ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้าน Design ใหม่ พื้นที่ใหญ่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุก Lifestyle เป็นส่วนตัวเพียง 66 แปลง ส่วนกลางครบครัน บนทำเลที่โดดเด่น โซนปิ่นเกล้า-ศาลายา
Sponsor
รีวิว บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น-ซ.เวิร์คพอยท์ คอนโดแนวคิดใหม่ สไตล์ทาวน์โฮม 2 ชั้น 2 นอน 2 น้ำ บนทำเลรังสิต-ปทุมฯ ใกล้ทางด่วนฯ, โทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต
Sponsor
รีวิว นิรติ ดอนเมือง (NIRATI DONMUEANG) บ้านและทาวน์โฮม NEW SERIES 2.5 ชั้น พร้อมส่วนกลางกว่า 4 ไร่* ที่สุดของทำเลศักยภาพ เพียง 5 นาที* ถึงสนามบินดอนเมือง
Sponsor
Loading..