แม้น้องแมวจะเป็นสัตว์ที่สุดแสนจะอินดี้ ไม่ค่อยมาอ้อน ไม่ค่อยตัวติดกับเราเท่าไหร่นัก แต่จริง ๆ แล้วน้องแมวนั้นรัก และชื่นชอบเจ้าของไม่แพ้กับน้องหมาเลย แตกต่างกันที่วิธีการแสดงออกเท่านั้นเอง ดังนั้น การจะทิ้งน้องแมวไว้ที่บ้านตัวเดียว ไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำได้ง่าย ๆ โดยปราศจากการเตรียมความพร้อม วันนี้ Homeday นำ 10 Checklist ก่อนออกจากบ้านมาฝากกัน หากปฏิบัติตามคำแนะนำทั้ง 10 นี้ได้ครบทุกประการ ก็ออกไปท่องเที่ยวได้อย่างหมดกังวล ไม่ต้องกลัวว่าน้องแมวจะเหงาแล้วล่ะครับ
1. เก็บของอันตรายให้พ้นจากการเข้าถึงของน้องแมว
สิ่งสำคัญลำดับแรก คือการเก็บซ่อนหรือทิ้ง สิ่งของใด ๆ ก็ตาม ที่อาจเป็นอันตรายกับน้องแมวได้เมื่อเราไม่อยู่ เช่น
- สารเคมี อย่างน้ำหอมปรับอากาศ, แผ่นเช็ดทำความสะอาดที่มีน้ำยา, ปุ๋ย, ยาฆ่าแมลง ฯลฯ
- อาหารอันตราย อย่างช็อกโกแลต, ลูกเกด, อะโวคาโด, หัวหอม ฯลฯ
- ยาและอาหารเสริม
- เชือก, เส้นด้าย, ไหมขัดฟัน, หนังยาง ฯลฯ ที่น้องแมวสามารถเผลอกลืนได้โดยไม่ตั้งใจ
- วัตถุมีคม มีด, คัตเตอร์, กรรไกร, เข็ม ฯลฯ
- ถุงพลาสติกทุกชนิด
- ต้นไม้ที่มีพิษกับแมว
- ซ่อนสายไฟให้มิดชิดและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นทั้งหมด
2. ทิ้งของเล่นชิ้นโปรดเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน
แมวเป็นสัตว์เข้าสังคมที่ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ และต้องการเวลาเล่นอย่างมาก แม้ว่าบางครั้งพวกมันอาจดูเหมือนต่อต้านสังคม แต่ความจริงก็คือแมวนั้นรักเจ้าของ และไม่ชอบเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน การปล่อยน้องแมวไว้ตามลำพังเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างรุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่เป็นอันตรายได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าของเล่นทั้งหมดของน้องแมวนั้นสะอาด ใช้งานได้ปกติ และพร้อมใช้งาน
3. เตรียมอาหารและน้ำเอาไว้ให้เพียงพอ
บ้านที่น้องแมวทานเฉพาะอาหารเม็ดแบบปกติ แค่มีเครื่องให้อาหารแบบอัตโนมัติ และน้ำพุแมว ก็เพียงพอสำหรับความต้องการแล้วครับ เพราะเราสามารถตรวจเช็กปริมาณน้ำและอาหารผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนได้ รวมไปถึงสามารถเติมอาหารตามที่ต้องการได้จากทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก แต่หากแมวของเรามีความต้องการพิเศษ เช่น ต้องทานอาหารเปียกเท่านั้น หรือมียารักษาโรคที่ต้องทานต่อเนื่อง การไหว้วานให้เพื่อนบ้านหรือครอบครัวเข้ามาช่วยดูแล จะเป็นทางออกที่ดีและเหมาะสมกว่าครับ
4. ทำความสะอาดกระบะทราย
ก่อนออกจากบ้าน ต้องแน่ใจว่ากระบะทรายทุกกระบะที่มีนั้น สะอาดเอี่ยมอ่อง อย่าลืมเติมทรายให้พูนพอดีกับความต้องการของน้องแมวด้วยนะครับ
5. ลงทุนกับกล้องวงจรปิด
กล้องวงจรปิดในยุคนี้นั้น มีราคาเริ่มต้นที่ไม่ได้แพงเลย แถมยังสามารถสื่อสารผ่านไมค์ และตรวจเช็กน้องแมวได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง การติดตั้งกล้องจะช่วยให้เราจับตาดูแมวได้อย่างใกล้ชิดและให้แน่ใจว่าน้องแมวไม่ได้กำลังหาเรื่องซนให้ตัวเองได้รับอันตราย ในกรณีเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น น้องแมวเผลอเข้าไปติดอยู่ในตู้เสื้อผ้า เราก็สามารถได้ยินเสียงร้องผ่านกล้องได้ หรือเห็นภาพย้อนหลังจากกล้องวงจรปิด ก็สามารถเรียกให้คนรู้จักที่มีกุญแจสำรองของเรา เข้ามาช่วยเหลือน้องแมวได้
6. เช็กให้แน่ใจว่าประตูทุกบานไม่สามารถเปิดหรือปิดเองได้
หากประตูทุกหลังในบ้านของเราไม่ได้เจาะประตูสำหรับแมว ต้องแน่ใจว่าประตูเหล่านั้น จะไม่สามารถเปิดหรือปิดขึ้นมาได้เอง จากแรงลม หรืออะไรก็ตาม เพราะบางครั้งน้องแมวนั้นสามารถเปิดและปิดประตูเองได้ ทั้งจากที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ดังนั้นห้องไหนที่คิดว่าน้องแมวไม่น่าได้ใช้งาน และมีความเสี่ยงที่จะขังตัวเองเอาไว้ด้านใน ก็ให้เราปิดห้องนั้นให้สนิทก่อนออกจากบ้านได้เลย ส่วนห้องไหนที่จำเป็นต้องเปิดเอาไว้ ก็อย่าลืมหาของหนักมากั้นเอาไว้ด้วยครับ ส่วนบ้านไหนที่น้องแมวมีความสามารถมากหน่อย ก็แนะนำให้ล็อกประตูให้สนิทด้วยครับ
7. ทิ้งกลิ่นเจ้าของไว้ให้น้องแมวอุ่นใจ
น้องแมวบางตัวมีความวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากเจ้าของ แนะนำว่าให้เราทิ้งเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักไว้ในที่ที่แมวชอบไปอยู่ หรือที่ที่น้องแมวชอบไปนั่ง ๆ นอน ๆ เป็นประจำ แม้ว่าในชีวิตจริงแมวจะไม่เคยมาอ้อนเราเลยก็ตาม แต่การทิ้งกลิ่นของเราไว้เผื่อ ๆ ก็ไม่เสียหายอะไรแน่นอนครับ
8. อย่าปิดบ้านมืด เพราะน้องแมวชอบแสงแดด
แม้ว่าแดดบ้านเราจะร้อนแรงเพียงไหน แต่น้องแมวก็ยังชอบแสงแดดอยู่ดี ดังนั้นอย่าลืมหาที่ที่เหมาะ เปิดรับแสงเอาไว้สัก 1-2 จุดในบ้านด้วยนะครับ แต่ไม่แนะนำให้เปิดจนหมดนะครับ ใครผ่านไปมา รู้ว่าเจ้าของไม่อยู่บ้านนาน ๆ มองเห็นของในบ้านหมดแบบนี้ อาจจะเป็นอัตรายได้ครับ
9. สร้างบรรยากาศให้เหมือนเราอยู่บ้านปกติ
วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นะครับ อาจเหมาะเฉพาะกับน้องแมวขี้เหงา ที่ติดเจ้าของมาก ๆ และมีความกังวลเยอะ แนะนำให้ลองเปิดทีวีทิ้งไว้ในระดับเสียงต่ำเพื่อให้เสียงอยู่เป็นเพื่อนกับน้องแมว วิธีนี้จะช่วยผ่อนคลายน้องแมวได้มากขึ้นครับ
10. ทิ้งกุญแจไว้ให้ผู้ดูแล
ใครมีแพลนจะทิ้งน้องแมวไว้เกิน 3 วัน แผนการข้างต้นอาจไม่สามารถใช้งานจริงได้ทั้งหมดครับ แนะนำให้เราทิ้งกุญแจสำรองเอาไว้ให้เพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ หรือครอบครัวที่อยู่บ้านใกล้กับเรา คอยเข้ามาดูแลแมวด้วยจะดีกว่าครับ
สำหรับใครที่ไปนานเกินกว่า 1 อาทิตย์ และไม่มีผู้ดูแลเข้ามาช่วย แนะนำว่าพาน้องไปฝากที่โรงแรมแมวที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเอาใจใส่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้องวงจรปิดภายในห้องให้เราคอยพูดคุยกับน้อง ๆ ได้ แบบนั้นจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่าครับ แต่ในกรณีที่น้องแมวมีความเครียดสูงมากกว่าปกติ เจ้าของก็ต้องพิจารณาลดจำนวนวันเที่ยวลง เพื่อไม่ให้น้องแมววิตกมากจนเกินไปครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับบุคลิกลักษณะนิสัยส่วนตัวของแมวด้วย ก็ต้องดูเป็นกรณีไปตามความเหมาะสมครับ
บทความที่คุณอาจสนใจ
- เที่ยววันหยุดยาวปีใหม่ ดูแลน้องหมายังไง ให้อุ่นใจ หายห่วง
- 5 วิธี ดูแลบ้านช่วงวันหยุดยาว ให้ปลอดภัยหายห่วง
- 5 วิธี ช่วยบรรเทาอาการกลัวเสียงพลุของน้องหมา
- ทายบุคลิกภาพของแมวเหมียวจากสีขน
- 5 เครื่องฟอกอากาศ สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ดูดได้ทั้งกลิ่นและขน!
- 15 น้ำพุแมว ยี่ห้อไหนดี ที่โดนใจเจ้านายและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่าทาส
- 10 ไอเดีย บ้านแมวกลางแจ้งระบบปิดแบบ Catio
- ทำความเข้าใจ ภาษากายแมว บอกอะไรเราได้บ้าง?