ในยุคที่การเป็นแฟนด้อมและ “การติ่ง” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความหลงใหลอีก แต่กลายเเป็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งของคน Gen Z ที่ทั้งจริงจังและใช้เงินไม่แพ้งานอดิเรกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออัลบั้มหลายเวอร์ชันเพื่อล่าการ์ดสุ่ม จองบัตรคอนเสิร์ตราคาหลักพันหลักหมื่น ไปจนถึงการบินตามศิลปินไปต่างประเทศ หรือลงทุนทำโปรเจ็กต์ป้ายวันเกิดทั่วกรุงเทพฯ หลายคนรักศิลปินจนพร้อมควักเงินโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ก่อนจะรู้ตัวอีกทีก็ต้องใช้ชีวิตสิ้นเดือนแบบเครียดๆ หรือหนักกว่านั้นคือมีหนี้จากการ “เปย์แบบไม่วางแผน” แต่ความรักที่ดีควรสร้างความสุข ไม่ใช่ความเครียดทางการเงิน และแน่นอนว่าการเป็นติ่งสามารถอยู่ร่วมกับการบริหารเงินอย่างยั่งยืนได้ หากรู้จักวางแผนอย่างชาญฉลาด
รู้จักตัวเองก่อนว่าเป็นติ่งแบบไหน
ไม่ใช่ติ่งทุกคนจะเปย์เหมือนกัน บางคนเป็นสายบินตามไอดอลข้ามประเทศ บางคนเลือกซัพพอร์ตแบบเงียบๆ ค่อยๆ ซื้อทีละชิ้น ในขณะที่บางคนเน้นทำโปรเจ็กต์หรือซื้ออัลบั้มเพื่อเข้าแฟนไซน์ วัยรุ่น Gen Z จำนวนไม่น้อยยอมจ่ายหนักเพียงเพื่อได้คุยกับศิลปิน 1 นาที ซึ่งถ้าไม่มีการวางแผนการเงินให้ดี อาจกลายเป็นภาระในระยะยาว
ปัญหาใหญ่ของติ่งสายเปย์
หลายคนพบว่าเงินเดือนหมดตั้งแต่ต้นเดือน ไม่มีเงินเก็บ และบางคนถึงขั้นใช้บัตรเครดิตกดเงินสดหรือกู้ยืมมาซื้อบัตรคอนเสิร์ต ยิ่งถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วย หรือต้องย้ายที่อยู่กะทันหัน ปัญหาทางการเงินจะยิ่งทวีคูณ ดังนั้น ทางรอดของติ่งยุคใหม่คือ “เปย์อย่างมีสติ” และ “แยกอารมณ์ออกจากแผนการเงิน”
บริหารเงินแบบติ่งฉลาด ทำอย่างไร?
เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของชีวิตก่อน ใช้สูตรการแบ่งเงินแบบ 50/30/20 หรือ 60/20/20 คือ
1. 50–60% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย อาหาร ค่าประกัน และหนี้สิน
2. 20–30% สำหรับความสุขส่วนตัว (รวมถึงงบติ่ง)
3. 20% สำหรับเงินออม
หากตั้งงบเปย์ไว้เดือนละ 2,000 บาท ก็ควรใช้แค่นั้น ถ้างบหมดก็ต้องหยุด ไม่ใช้เงินส่วนอื่นมาเสริม เพราะทุกบาทที่ใช้ไปคือความรับผิดชอบต่อตัวเองในอนาคต
อีกวิธีที่ได้ผลดีคือ แยกบัญชีเปย์ออกจากบัญชีหลัก โอนเงินเข้าบัญชีนี้ตั้งแต่ต้นเดือน และใช้จ่ายเฉพาะจากบัญชีนี้เท่านั้น จะช่วยควบคุมการใช้เงินได้ง่ายขึ้น
ออมเงินแบบสนุก สนองความติ่ง
การออมไม่จำเป็นต้องเครียด ลองเปลี่ยนเป็นเกม เช่น Bias Saving Challenge: ทุกครั้งที่เมนลงรูปหรืออัปเดตโซเชียล มีเดีย เก็บเงินเข้าบัญชี 20–50 บาท Comeback Countdown: รู้วันปล่อยอัลบั้มแล้ว ก็เริ่มเก็บเงินทุกวันรอศิลปินคัมแบ็ก สองวิธีนี้ทำให้เราเก็บเงินได้โดยไม่รู้สึกบีบคั้น แถมยังผูกอารมณ์กับสิ่งที่รักได้อย่างลงตัว
เปย์ให้คุ้มค่า ใช้เงินอย่างมีแผน
K-pop ไม่ได้มีแค่ความฟิน แต่มีกลยุทธ์การตลาดเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นต้องรู้ทัน เช่น รอโปรพรีออเดอร์ ราคาถูกกว่าหน้าร้าน เปรียบเทียบราคาหลายเจ้า ใช้บัตรเครดิตที่ให้คะแนนสะสมหรือเครดิตเงินคืน เช่น บัตรเครดิตเคทีซีที่ทุก 25 บาทรับ 1 คะแนน KTC FOREVER และยังใช้แลกส่วนลด หรือผ่อน 0% ได้นานสูงสุดถึง 10 เดือน
ต่อยอดความติ่งให้กลายเป็นรายได้
อย่าแค่ใช้เงินเพราะรัก ลอง “หาเงินเพราะรัก” ด้วย เช่น รับพรีออเดอร์สินค้า ขายแฟนอาร์ตหรือของแฮนด์เมด ทำคอนเทนต์ TikTok หรือรีวิวอัลบั้ม รับแต่งหน้าวันคอนเสิร์ต ใครที่ใช้ชีวิตติ่งอยู่แล้ว การต่อยอดความสามารถตรงนี้จะช่วยสร้างรายได้เสริมที่มั่นคงขึ้น
เปย์ด้วยแผน ไม่ใช่อารมณ์
อย่าซื้อของเพราะกลัว “ของหมด” หรือเพราะทุกคนซื้อ แต่ควรถามตัวเองว่า “จำเป็นจริงไหม?” ลองให้เวลา 24 ชั่วโมงทบทวนก่อนกดสั่งซื้อ เพราะบางครั้งแค่เวลาผ่านไป ความอยากได้ก็ลดลงแล้ว และถ้าซื้อตอนนี้ไม่ได้ เดือนไหนที่มีงบก็ค่อยซื้อ ยังไม่สาย
การเป็นแฟนคลับ คือ การรักใครบางคนในแบบที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ และการรักในแบบที่ดีที่สุด คือ การไม่ทำร้ายตัวเองทางการเงิน เพราะความสุขของการได้ติ่งจะยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อเราไม่ต้องเครียดกับยอดเงินในบัญชี ติ่งได้ เปย์ได้ ถ้าวางแผนได้!
