หากพูดถึงวิธีการลดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดแล้ว หลายคนมักคิดว่า “รีไฟแนนซ์” เป็นทางออกเดียวที่สามารถช่วยลดภาระด้านนี้ลงได้

เพราะการรีไฟแนนซ์ คือ การเปลี่ยนหรือย้ายไปขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อปิดยอดภาระหนี้เดิม และเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ต่ำลง จึงช่วยลดยอดที่ต้องชำระคืนในแต่ละเดือนลง ซึ่งโดยทั่วไป การรีไฟแนนซ์จะมีอยู่ 3 รูปแบบ นั่นคือ การรีไฟแนนซ์บ้าน รถยนต์ และบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความสนใจในปัจจุบัน
แต่ที่จริงแล้วการรีไฟแนนซ์นั้นอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ต้องพิจารณา นอกจากนั้นยังมีทางเลือกอื่น ๆ ที่สามารถช่วยลดดอกเบี้ยได้เช่นกัน เราไปทำความเข้าใจเรื่องของดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดและรีไฟแนนซ์พร้อม ๆ กัน
ทำความเข้าใจ ‘ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด’ ใช้ให้เป็น ลดภาระได้ง่ายกว่าที่คิด
ก่อนจะเข้าสู่วิธีการลดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดและข้อมูลเบื้องต้นของเครื่องมือทางการเงินนี้กันก่อน เพื่อให้สามารถจัดการลดดอกเบี้ยได้อย่างตรงจุด
- โครงสร้างดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสด
ดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดมักจะคำนวณแบบรายวัน โดยคิดจากยอดเงินต้นที่คงเหลืออยู่ในแต่ละวัน ซึ่งหมายความว่ายิ่งเราจ่ายเงินคืนเร็วเท่าไร ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงเท่านั้น โดยวิธีการคำนวณดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดเบื้องต้น มีดังนี้
ยอดเงินต้นคงค้าง x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันที่ใช้เงิน /365 = ดอกเบี้ย
- สิ่งที่ควรระวังเมื่อใช้บัตรกดเงินสด
ปัญหาการจ่ายขั้นต่ำ ทำให้ดอกเบี้ยไม่ลดลง
เพราะการจ่ายขั้นต่ำเป็นเพียงการชำระยอดหนี้ส่วนหนึ่งเท่านั้น และมักจะครอบคลุมเฉพาะดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมบางส่วน จึงทำให้เงินต้นยังคงอยู่และดอกเบี้ยถูกคิดเพิ่มต่อเนื่อง
การชำระคืนล่าช้า
แน่นอนว่าวันชำระคืนมีผลต่อดอกเบี้ย เพราะหากยิ่งปล่อยให้ยอดค้างนาน ดอกเบี้ยก็จะทบต้นเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะปิดยอดได้
- ดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบกับเงินในชีวิตประจำวัน
เนื่องจากต้องจ่ายดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจำนวนมากในแต่ละเดือน อาจทำให้หลายคนมีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต่อเดือนน้อยลง ส่งผลให้เกิดภาระทางการเงินและอาจต้องกู้ยืมเพิ่มเติมได้ จึงแนะนำให้กดเงินมาใช้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น
เข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดมากขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นหากมีแผนการใช้อย่างรอบคอบ ก็จะช่วยให้ภาระทางการเงินลดลงได้ แต่เพื่อให้จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปดูวิธีลดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดที่เรานำมาฝากด้านล่าง
รู้จักกับ 3 วิธี ไม่ต้องรีไฟแนนซ์ ก็ลดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดได้
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจเกิดความกังวลว่า หากมีภาระดอกเบี้ยและไม่เลือกวิธีรีไฟแนนซ์จะสามารถลดดอกเบี้ยได้อย่างไร แต่ที่จริงแล้ว ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเรารู้วิธีรับมืออย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถทำได้ ด้วย 3 วิธี คือ
เพิ่มค่างวดจ่ายแต่ละเดือน
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการจ่ายขั้นต่ำ ส่งผลต่อดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นหากสามารถชำระค่างวดมากกว่าขั้นต่ำในแต่ละเดือน ก็จะช่วยให้เงินต้นลดลงได้เร็วขึ้น ทำให้ดอกเบี้ยที่ถูกคิดลดลงไปตามสัดส่วน การเพิ่มยอดชำระแม้เพียงเล็กน้อยแต่สม่ำเสมอ จะสามารถช่วยลดภาระหนี้ในระยะยาวได้
โปะหนี้เมื่อมีเงินก้อน
เพราะดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดคิดแบบลดต้นลดดอก ดังนั้นจึงเท่ากับว่า ยิ่งจ่ายเงินต้นเร็วหรือนำเงินก้อนเมื่อมีรายได้พิเศษ เช่น โบนัส หรือเงินคืนภาษี ไปโปะหนี้โดยตรง ก็จะช่วยให้ดอกเบี้ยลดลงได้
ใช้สินเชื่อที่ลดเงินต้น ช่วยให้ดอกเบี้ยลดตาม
สินเชื่อบุคคลที่มีโครงสร้างการชำระแบบลดเงินต้นลดดอก เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการพิจารณานำมาใช้เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพราะสำหรับการรีไฟแนนซ์แล้ว อาจมีค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขเพิ่มเติมที่มากกว่า จึงควรเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจเลือก
การรีไฟแนนซ์ VS. การลดต้นลดดอก ต่างกันอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง?
การเลือกวิธีลดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด ระหว่างรีไฟแนนซ์และการลดต้นลดดอกขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินและเป้าหมายของแต่ละบุคคล ไปดูตารางเปรียบเทียบด้านล่าง เพื่อให้เห็นความแตกต่างของทั้งสองวิธีอย่างชัดเจน
รายละเอียดด้านต่าง ๆ | รีไฟแนนซ์ | ลดต้นลดดอก |
ข้อดีด้านดอกเบี้ย | ได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทำให้สามารถลดค่างวดในแต่ละเดือนได้ | ลดดอกเบี้ยได้ทันทีเมื่อจ่ายเงินต้นมากขึ้น |
ข้อดีด้านการชำระคืน | สามารถขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้ค่างวดได้ | หากชำระคืนเร็วหรือชำระเต็มจำนวน ช่วยให้ดอกเบี้ยลดลงได้ |
ข้อจำกัด | อาจมีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม | หากชำระขั้นต่ำหรือล่าช้าอาจทำให้ดอกเบี้ยยิ่งสูงขึ้นได้ |
เงื่อนไขและระยะเวลา | ต้องยื่นขอใหม่และรอการอนุมัติ | ใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม |
จากตารางข้างต้น อาจสรุปได้ว่าวิธีการจัดการดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดแต่ละแบบ เหมาะกับกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
การรีไฟแนนซ์ : เหมาะกับผู้ที่มีสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยสูง เช่น บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล และอยากรวมหนี้หลายรายการเข้าด้วยกันเพื่อให้ชำระหนี้สะดวกขึ้น การรีไฟแนนซ์จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยและลดจำนวนเงินผ่อนชำระรายเดือนลง รวมทั้งยังเหมาะกับใครที่ต้องการขยายระยะเวลาการชำระเงินออกไป
การลดต้นลดดอก : เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดการหนี้เร็วขึ้น ไม่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ และต้องการลดความยุ่งยากในการยื่นเรื่องใหม่เพราะมีแผนจัดการเงินที่ชัดเจน สามารถคำนวณและมีวินัยชำระคืนได้ตามแผนทางการเงินที่วางไว้
เคล็ด (ไม่) ลับ วางแผนการเงินเพื่อลดหนี้หรือดอกเบี้ยให้หมดเร็วขึ้น
หากใครยังคงลังเลหรือยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกจัดการดอกเบี้ยที่มีให้หมดเร็วขึ้นด้วยวิธีการไหนดี ไปลองดูเคล็ดลับการจัดการการเงินที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากกันดีกว่า หากทำตามนี้ก็จะช่วยให้มีอิสรภาพทางการเงินได้ไม่ยาก
กำหนดเป้าหมายชำระหนี้ให้ชัดเจน
แนะนำให้ตั้งเป้าหมายในการชำระหนี้โดยระบุระยะเวลาเป็นตัวเลขที่ชัดเจน เช่น ต้องการปลดหนี้ภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้ดีขึ้น และช่วยให้สามารถคำนวณได้ว่าต้องจ่ายต่อเดือนเท่าไรจึงจะบรรลุเป้าหมาย
หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่
การใช้บัตรกดเงินสดเพิ่มขณะที่ยังมีหนี้เดิมอยู่ อาจทำให้ภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและใช้เวลานานกว่าที่จะปลดหนี้ได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการกดเงินมาใช้จ่ายเพิ่ม และควรควบคุมการใช้จ่ายให้อยู่ในกรอบที่กำหนด
มีวินัยทางการเงิน
สิ่งสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือการรักษาวินัยทางการเงินให้ได้ตามแผน อย่างการซื้อของเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น รวมทั้งการกดเงินมาใช้เท่าที่เรามีกำลังในการส่งคืน ซึ่งจะช่วยให้จัดการหนี้และลดภาระทางการเงินได้ในระยะยาว
เลือกวิธีลดดอกเบี้ยอย่างไรให้เหมาะที่สุด ระหว่างรีไฟแนนซ์กับลดต้นลดดอก
สำหรับใครที่ยังมีคำถามว่าวิธีไหนที่จะช่วยให้คุณสามารถลดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดได้ดีที่สุด ก็ต้องบอกว่าทั้ง 2 วิธีเป็นทางเลือกที่ออกแบบมาตอบโจทย์ทั้งคู่
แต่ทั้งนี้การรีไฟแนนซ์อาจไม่ใช่คำตอบเดียวในการลดดอกเบี้ย เพราะการเลือกสินเชื่อที่ลดดอกเบี้ยอัตโนมัติเมื่อจ่ายเงินต้นเพิ่มเติม เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้จริง แต่เพื่อให้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ แนะนำให้ศึกษาข้อดีของแต่ละวิธีอย่างละเอียด เพื่อประเมินสถานการณ์การเงินในแต่ละเดือนให้แม่นยำที่สุด
ทั้งนี้หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยด้านการเงินในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ทำให้สามารถวางแผนการเงินและวิธีการชำระคืนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องรีไฟแนนซ์และไม่ต้องกังวลกับภาระดอกเบี้ย บัตรกดเงินสด Umay+ ตอบโจทย์คุณ!
บัตรกดเงินสดยูมะพลัส มาพร้อมการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก หากชำระยอดเกินขั้นต่ำ ก็จะช่วยให้เงินต้นลดเร็ว ส่งผลให้ดอกเบี้ยลดตาม นอกจากนั้นยังมอบสิทธิประโยชน์มากมาย เพียงสมัครทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือสมัครผ่าน Umay+ Application เช่น
รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 30 วัน* หากสมัครแล้วไม่ได้ใช้ ก็ไม่เสียดอกเบี้ย
สะดวกทุกเมื่อ สั่งเงินโอนเข้าบัญชีได้ตลอด 24 ชม. ผ่าน Umay+ Application หมดกังวลหากเจอสถานการณ์ไม่คาดฝัน
สามารถผ่อนสินค้าได้ในอัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุดถึง 20 เดือน** (ขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชันในแต่ละช่วงเวลา) ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าที่ร่วมรายการ ทั่วประเทศ
หากสนใจ สามารถสมัครได้ที่ https://www.umayplus.com/cashcard/applyform หรือดาวน์โหลดแอปฯ ได้ทั้ง iOS และ Android หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2695-0000
หมายเหตุ :
*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ย 19.8% – 25% ต่อปี **อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อผ่อนชำระ 16.44% – 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส