Q District

ภาษีมรดกคืออะไร? เราจำเป็นต้องเสียเมื่อไหร่ และวางแผนอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด?

ภาษีมรดกเป็นหนึ่งในภาษีที่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยมากนัก แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนทางการเงินและการส่งต่อทรัพย์สินให้แก่ทายาท โดยในประเทศไทยได้มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 กำหนดให้ผู้ที่ได้รับมรดกที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไปต้องเสียภาษีในอัตรา 5% หรือ 10% ตามประเภทของความสัมพันธ์ บทความนี้จะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีมรดกอย่างละเอียด ทั้งนิยาม ผู้ที่ต้องเสีย ประเภททรัพย์สินที่เข้าข่าย วิธีการคำนวณ และเทคนิคการวางแผนเพื่อประโยชน์สูงสุดของทายาท

ภาษีมรดกคืออะไร? และทำไมรัฐถึงต้องจัดเก็บ?

ภาษีมรดก หรือ Inheritance Tax คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากผู้รับมรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็นทายาททางสายเลือดหรือบุคคลอื่นที่ได้รับการระบุในพินัยกรรม โดยตามกฎหมายไทยจะเรียกเก็บเฉพาะกรณีที่ได้รับมรดกมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป และเป็นการเก็บภาษีจากผู้รับมรดก ไม่ใช่จากกองมรดกหรือเจ้ามรดกผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ มีการออกแบบมาเพื่อกระจายความมั่งคั่งในสังคมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ให้กับรัฐ

ภาษีมรดกมีหลักการพื้นฐานว่า ผู้ที่ได้รับทรัพย์สินมูลค่าสูงโดยไม่ต้องลงแรงเอง ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศผ่านการจ่ายภาษี ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับระบบภาษีอากรทั่วโลกที่มุ่งเน้นความเป็นธรรมทางสังคม โดยการจัดเก็บภาษีมรดกในประเทศไทยเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการหลังจากมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558

ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีมรดก? กฎหมายกำหนดไว้อย่างไร?

การพิจารณาว่าใครต้องเสียภาษีมรดกนั้น มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนตามกฎหมาย โดยครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ดังนี้:

บุคคลธรรมดา

บุคคลธรรมดาที่ต้องเสียภาษีมรดกประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก:

  1. บุคคลที่มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในหรือนอกประเทศไทย
  2. บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยตามกฎหมาย
  3. บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่ได้อาศัยในไทย แต่ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย

สำหรับกลุ่มแรกและกลุ่มที่สอง จะต้องเสียภาษีมรดกจากทรัพย์สินทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ ส่วนกลุ่มที่สามจะเสียภาษีเฉพาะทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น

นิติบุคคล

นิติบุคคลที่ต้องเสียภาษีมรดกแบ่งเป็น 2 ประเภท:

  1. นิติบุคคลสัญชาติไทย ได้แก่:
    • นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
    • นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
    • นิติบุคคลที่มีคนไทยถือหุ้นมากกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน
    • นิติบุคคลที่มีคนไทยเป็นผู้บริหารมากกว่าครึ่งหนึ่งของคณะบุคคล
  2. นิติบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย

สำหรับนิติบุคคลสัญชาติไทย จะต้องเสียภาษีมรดกจากทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ ส่วนนิติบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยจะเสียภาษีเฉพาะทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย

ทรัพย์สินประเภทใดบ้างที่ต้องเสียภาษีมรดก?

ไม่ใช่ทรัพย์สินทุกประเภทที่ต้องเสียภาษีมรดก กฎหมายได้ระบุประเภทของทรัพย์สินที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมรดกไว้อย่างชัดเจน 5 ประเภท ดังนี้:

  1. อสังหาริมทรัพย์ – บ้าน คอนโดมิเนียม ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
  2. หลักทรัพย์ตามกฎหมาย – หุ้น หุ้นกู้ กองทุนรวม หน่วยลงทุน ตราสารหนี้ หรือตราสารอนุพันธ์ต่างๆ ที่ออกโดยนิติบุคคลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
  3. เงินฝาก – เงินฝากในบัญชีธนาคาร สหกรณ์ หรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ที่เจ้าของมรดกมีสิทธิถอนคืนได้
  4. ยานพาหนะ – รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ เครื่องบิน หรือยานพาหนะอื่นๆ ที่มีการจดทะเบียน
  5. ทรัพย์สินทางการเงินอื่นๆ – ตามที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา

ทั้งนี้ มีทรัพย์สินบางประเภทที่ไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีมรดก ได้แก่:

  • สิ่งของที่ไม่ระบุชื่อ – ทรัพย์สินที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนเพื่อระบุชื่อเจ้าของ เช่น เงินสด ทองคำ เครื่องประดับ เพชรพลอย ของสะสม ภาพวาด วัตถุโบราณ รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา
  • เงินค่าสินไหมจากประกันชีวิต – เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหลังจากผู้เอาประกันเสียชีวิตแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินมรดก

อัตราภาษีมรดกเท่าไหร่? และมีวิธีคำนวณอย่างไร?

อัตราภาษีมรดกในประเทศไทยขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของมรดกและผู้รับมรดก โดยมีอัตราที่แตกต่างกันดังนี้:

  1. บุพการีหรือผู้สืบสันดาน – เสียภาษีอัตรา 5% ของมูลค่ามรดกส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท
    • บุพการี ได้แก่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย
    • ผู้สืบสันดาน ได้แก่ ลูก หลาน เหลน
  2. บุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุพการีหรือผู้สืบสันดาน – เสียภาษีอัตรา 10% ของมูลค่ามรดกส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท
    • เช่น พี่น้อง ญาติห่างๆ เพื่อน หรือบุคคลอื่นใดที่ได้รับมรดกตามพินัยกรรม

วิธีการคำนวณภาษีมรดก

การคำนวณภาษีมรดกมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน โดยใช้หลักการพื้นฐานดังนี้:

  1. คำนวณมูลค่ารวมของทรัพย์สินมรดกทั้งหมดที่ได้รับ
  2. หักภาระหนี้สินที่ตกทอดมาพร้อมกับมรดก
  3. หักมูลค่าทรัพย์สินที่ไม่ต้องเสียภาษี (ถ้ามี)
  4. ตรวจสอบว่ามูลค่ามรดกสุทธิเกิน 100 ล้านบาทหรือไม่
  5. ถ้าเกิน 100 ล้านบาท ให้นำส่วนที่เกินมาคูณด้วยอัตราภาษีตามความสัมพันธ์กับเจ้ามรดก

ตัวอย่างการคำนวณ

กรณีที่ 1: บุตรได้รับมรดกจากบิดามูลค่า 150 ล้านบาท

  • มูลค่ามรดกส่วนที่เกิน: 150,000,000 – 100,000,000 = 50,000,000 บาท
  • อัตราภาษี: 5% (เนื่องจากเป็นผู้สืบสันดาน)
  • ภาษีที่ต้องชำระ: 50,000,000 × 5% = 2,500,000 บาท

กรณีที่ 2: เพื่อนได้รับมรดกตามพินัยกรรมมูลค่า 200 ล้านบาท

  • มูลค่ามรดกส่วนที่เกิน: 200,000,000 – 100,000,000 = 100,000,000 บาท
  • อัตราภาษี: 10% (เนื่องจากไม่ใช่บุพการีหรือผู้สืบสันดาน)
  • ภาษีที่ต้องชำระ: 100,000,000 × 10% = 10,000,000 บาท

กรณีใดบ้างที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมรดก?

นอกจากเกณฑ์มูลค่ามรดกที่ต้องเกิน 100 ล้านบาทแล้ว กฎหมายยังกำหนดกรณียกเว้นที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก ดังนี้:

  1. มรดกที่ส่งมอบก่อนพระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้ – มรดกที่ผู้เสียชีวิตส่งมอบให้ผู้รับก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559
  2. มรดกที่ส่งมอบให้คู่สมรสตามกฎหมาย – คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายได้รับการยกเว้นภาษีมรดกทั้งหมด ไม่ว่ามูลค่าจะเท่าใด
  3. มรดกที่ส่งมอบเพื่อสาธารณประโยชน์ – เช่น วัด มูลนิธิ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ
  4. มรดกที่ส่งมอบให้หน่วยงานภาครัฐ – เช่น ส่วนราชการ องค์การมหาชน หรือรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมาย
  5. มรดกที่ส่งมอบให้องค์กรระหว่างประเทศ – ที่มีข้อผูกพันกับประเทศไทย เช่น องค์การสหประชาชาติ หรือสถานทูต

วิธีการยื่นภาษีมรดกและกำหนดเวลาที่ต้องดำเนินการ

การยื่นภาษีมรดกมีขั้นตอนและกำหนดเวลาที่ชัดเจน ซึ่งผู้รับมรดกควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษ ดังนี้:

ขั้นตอนการยื่นภาษีมรดก

  1. กรอกแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดก (ภ.ม.60) ให้ครบถ้วนและถูกต้อง
  2. แนบเอกสารประกอบการยื่นแบบ เช่น เอกสารแสดงการเป็นทายาท พินัยกรรม (ถ้ามี) เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน เป็นต้น
  3. ยื่นแบบและชำระภาษีที่กรมสรรพากร

กำหนดเวลาในการยื่นแบบและชำระภาษี

  • ผู้รับมรดกต้องยื่นแบบและชำระภาษีภายใน 150 วัน นับจากวันที่ได้รับมรดก
  • หากผู้รับมรดกเสียชีวิตก่อนครบกำหนดยื่นแบบ ให้ผู้จัดการมรดกยื่นแบบและชำระภาษีแทนภายใน 150 วัน นับแต่วันที่ผู้รับมรดกเสียชีวิต
  • ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น อาจขอขยายเวลายื่นแบบออกไปได้ไม่เกิน 45 วัน

การผ่อนชำระภาษีมรดก

เนื่องจากภาษีมรดกอาจมีจำนวนเงินสูง กฎหมายจึงเปิดโอกาสให้ผู้รับมรดกสามารถผ่อนชำระได้ โดย:

  • สามารถยื่นคำร้องขอผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี
  • หากสามารถชำระภาษีให้หมดภายใน 2 ปี จะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ย

ผลของการไม่ยื่นหรือหลีกเลี่ยงภาษีมรดก

การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายภาษีมรดกมีบทลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรง ทั้งในรูปแบบของเบี้ยปรับและโทษทางอาญา ดังนี้:

เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

  1. กรณียื่นแบบล่าช้า
    • ต้องเสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ
    • ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนหรือเศษของเดือน นับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนด
  2. กรณียื่นแบบไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงความจริง
    • ต้องเสียเบี้ยปรับ 0.5 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระในส่วนที่ขาดไป

โทษทางอาญา

  1. กรณีไม่ยื่นแบบโดยไม่มีเหตุอันสมควร
    • มีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท
  2. กรณีไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงาน
    • มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. กรณีทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัด
    • มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 400,000 บาท
  4. กรณีจงใจให้ข้อมูลเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
    • มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เทคนิคการวางแผนภาษีมรดกอย่างถูกกฎหมาย

การวางแผนภาษีมรดกอย่างถูกกฎหมายมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก เพื่อให้ผู้รับมรดกได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีเทคนิคที่น่าสนใจดังนี้:

1. การปรับเปลี่ยนรูปแบบทรัพย์สิน

การเปลี่ยนทรัพย์สินให้อยู่ในรูปแบบที่ได้รับการยกเว้นภาษีมรดก เช่น:

  • แปลงสินทรัพย์บางส่วนเป็นเงินสด ทองคำ หรือเครื่องประดับมูลค่าสูง
  • ลงทุนในทรัพย์สินทางปัญญาหรือวัตถุโบราณที่ไม่ต้องจดทะเบียน

2. การทยอยโอนทรัพย์สินขณะยังมีชีวิต

การทยอยโอนทรัพย์สินในรูปแบบของการให้ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย:

  • โอนทรัพย์สินให้ทายาททางสายเลือดปีละไม่เกิน 20 ล้านบาท
  • โอนทรัพย์สินให้บุคคลอื่นปีละไม่เกิน 10 ล้านบาท

การให้แบบนี้จะเสียภาษีการให้ในอัตราที่ต่ำกว่าภาษีมรดก และสามารถกระจายการโอนทรัพย์สินได้ตลอดหลายปี

3. การทำประกันชีวิต

การซื้อประกันชีวิตที่ระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นทายาท เนื่องจาก:

  • เงินสินไหมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตไม่ถือเป็นมรดกที่ต้องเสียภาษี
  • ยิ่งจ่ายเบี้ยประกันมาก ผลตอบแทนก็ยิ่งสูงตามไปด้วย

4. การก่อตั้งองค์กรหรือมูลนิธิ

การก่อตั้งมูลนิธิ สมาคม หรือวิสาหกิจเพื่อชุมชน โดย:

  • ระบุวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณประโยชน์
  • จดทะเบียนกับกรมสรรพากรเพื่อขอรับการยกเว้นภาษี
  • กำหนดให้ทายาทมีบทบาทในการบริหารจัดการ

5. การวางแผนส่วนบุคคลอื่นๆ

  • พิจารณาจดทะเบียนสมรสหากอยู่กินฉันสามีภรรยา เนื่องจากคู่สมรสตามกฎหมายได้รับการยกเว้นภาษีมรดกทั้งหมด
  • กระจายการถือครองทรัพย์สินในครอบครัว เพื่อให้แต่ละคนมีมูลค่าทรัพย์สินไม่เกินเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
  • จัดทำพินัยกรรมอย่างรอบคอบและชัดเจน เพื่อกำหนดการกระจายทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สรุป

ภาษีมรดกถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนที่มีทรัพย์สินจำนวนมากควรทำความเข้าใจและวางแผนล่วงหน้า แม้ว่าจะมีการเรียกเก็บเฉพาะมรดกที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท แต่การวางแผนภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะช่วยให้ทายาทได้รับประโยชน์สูงสุดและลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย

การเข้าใจหลักเกณฑ์ทั้งเรื่องประเภททรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี อัตราภาษี วิธีการคำนวณ กรณียกเว้น และขั้นตอนการยื่นแบบ จะช่วยให้สามารถวางแผนการส่งต่อทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้เทคนิคการวางแผนต่างๆ เช่น การทยอยโอนทรัพย์สิน การทำประกันชีวิต หรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบทรัพย์สิน เพื่อบริหารจัดการภาษีอย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ การวางแผนภาษีมรดกควรดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนบุคคล เพราะการหลีกเลี่ยงภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอาจนำมาซึ่งบทลงโทษที่รุนแรงทั้งในรูปแบบของเบี้ยปรับและโทษทางอาญา


#สาระ #การเงิน #ภาษีมรดก #การวางแผนภาษี #ทรัพย์สิน #ภาษีการรับมรดก #กฎหมายภาษี #ทายาท #การวางแผนทางการเงิน #พินัยกรรม #การจัดการมรดก #ภาษีการให้

อ่านเพิ่ม

หมายเหตุ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ Homeday โดย บริษัท โฮมเดย์ กรุ๊ป จำกัด เท่านั้น บริษัทไม่สามารถให้คำมั่นหรือคำรับประกันเกี่ยวกับเนื้อหา รวมถึงไม่สามารถรับรองความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์เฉพาะใดๆ ตามขอบเขตของกฎหมาย เราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วนสมบูรณ์ ณ เวลาที่จัดทำ ข้อมูลดังกล่าวไม่ควรนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินใจด้านการเงิน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือประเด็นกฎหมายโดยทันที ผู้อ่านไม่ควรอาศัยข้อมูลในบทความนี้แทนคำแนะนำจากผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและสภาวะเฉพาะของท่านได้ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากท่านเลือกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจของท่าน

Sidebar
The Palm (copy)
บทความล่าสุด
สยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม มอบความพิเศษแทนคำขอบคุณ 7 ปีที่เคียงข้างกัน ในเทศกาล THE WAGASHI Japanese Foods, Crafts & IKEBANA ตื่นตากับเมนูขนม WAGASHI รังสรรค์โดย 7 เชฟดังบินตรงจากญี่ปุ่น งดงามกับศิลปะการจัดดอกไม้เก่าแก่ IKEBANA ช็อปงาน Craft Rare Item สุดเก๋ไก๋!! พร้อมรับโปรโมชันลดทั้งห้างสูงสุด 50%!!
ข่าวสาร
เอสบี ดีไซน์สแควร์ เปิดตัว “Condo Solutions Pop Up Store” สาขา บีทีเอส อารีย์ เจาะฐานลูกค้า Premium Urban Living ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ ด้วยบริการออกแบบคอนโดครบวงจรที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมโปรโมชัน 2 ต่อสุดคุ้ม
ข่าวสาร
ทอสเท็ม พาชมไอเดียสถาปนิกไทย สร้างสรรค์ผลงานออกแบบยอดเยี่ยม คว้า 3 รางวัล การประกวด TOSTEM Asia Design award 2025 เวทีเชื่อมโยงแรงบันดาลใจให้สถาปนิกไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ข่าวสาร
หัวใจละลาย! 4EVE ในลุค ‘เจ้าหญิงทั้งเจ็ด’ เปิดแคมเปญ The Magical Stars ฟีลกู๊ดทั่วกันที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ
ข่าวสาร
BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลเบญจกิติเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา กรุงเทพฯ
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ กรุงเทพกรีฑา (The Signature Krungthepkreetha) เปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ New Kaiteki Series เพดานสูง 3.2 เมตร ทำเลบ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติ Brighton College และ Wellington College
Review
รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน
Review
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
Loading..