คุณนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด (ลำดับที่ 2 จากฝั่งขวา) ผู้นำด้าน Security Solution เพื่อยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับธุรกิจ ร่วมเป็นวิทยากรในงาน POSTTODAY Thailand Smart City 2025 ปีที่ 3 “การจัดการเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต” ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเป็น Smart City ที่ยั่งยืน โดยพูดถึงประเด็นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานเพื่อความปลอดภัยและยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับธุรกิจ โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนขับเคลื่อนความเป็น Smart City และ Smart Life ในประเทศไทย ร่วมเป็นวิทยากรภายในงาน ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ โรงแรม อิสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ
คุณนิรมล เปิดเผยภายในงานถึงการสร้าง Smart Life ด้านความปลอดภัยผ่านเทคโนโลยี AI ว่า “ความท้าทายด้านความปลอดภัยในปัจจุบันมีหลายมิติ ทั้งจากความเสี่ยงในการรักษาความปลอดภัยที่พึ่งพาคนเพียงอย่างเดียว ประกอบกับต้นทุนในการรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้น การขาดการเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์ และการปรับตัวต่อการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งาน ส่งผลให้หลาย ๆ ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง โดยการจะปิดรอยรั่วเหล่านี้ LIV-24 เล็งเห็นถึงการนำศักยภาพของ ‘คน’ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และ ‘เทคโนโลยีอัจฉริยะ’ มาผสานกันเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจ ไม่เพียงแค่ความปลอดภัยภายในที่อยู่อาศัย แต่สามารถใช้เพื่อยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานให้กับหลากหลายภาคส่วน ทั้งในภาคอุตสาหกรรม การศึกษา ธุรกิจด้านสุขภาพ และธุรกิจด้านงานบริการ เป็นต้น”
ผสานความเก่งกาจของ AI และ ความเชี่ยวชาญของมนุษย์
LIV-24 ดึง 3 องค์ประกอบสำคัญ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการในการรักษาความปลอดภัยและผลักดันศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ Hardware – อุปกรณ์ติดตั้งที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละโครงการและใช้งานได้จริง Software – ระบบ AI อัจฉริยะในการตรวจจับและวิเคราะห์ความผิดปกติที่ learning จากกว่า 5 แสนเคส และยังคง learning อย่างต่อเนื่อง และ Humanware – ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมวิเคราะห์ความเสี่ยงและประสานงานระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที โดยเมื่อ AI ตรวจพบเหตุการณ์ผิดปกติภายในพื้นที่ จะส่งเรื่องเข้าไปยัง LIV-24 Command Center โดยทันที และจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบ วิเคราะห์ และระงับเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง รายงานและติดตามผลในรูปแบบ real-time ซึ่งส่งผลให้สามารถยับยั้งเหตุก่อนลุกลามได้ถึง 5 แสนครั้ง เข้าระงับเหตุได้ภายในเวลา 5 นาที ทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินเป็นศูนย์ และสามารถลดต้นทุนด้านแรงงานลงถึง 20%
“เราพัฒนาการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ ผ่านการลดต้นทุนด้านแรงงาน ลดความผิดพลาดในขั้นตอนการดำเนินงาน เสริมประสิทธิภาพและความเติบโตให้กับธุรกิจ เพื่อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค ทั้งนี้ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Smart City และ Smart Life ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านการนำเทคโนโลยี AI รวมถึงโซลูชันด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ มาช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนความเติบโตด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมส่งเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน” คุณนิรมล กล่าว