Kave Playground (copy)

ทำอย่างไรให้บ้านกลายเป็นโฮมออฟฟิศที่สมบูรณ์แบบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน?

ในยุคที่ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โฮมออฟฟิศจึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดเล็ก การปรับเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยการวางแผนที่ดี บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ในการสร้างโฮมออฟฟิศที่ลงตัว เพื่อให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ที่คุ้นเคย

โฮมออฟฟิศคืออะไร และทำไมจึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน?

โฮมออฟฟิศ (Home Office) คือการเปลี่ยนแปลงบ้านให้กลายเป็นสถานที่ทำงาน โดยการออกแบบและตกแต่งให้มีลักษณะคล้ายกับออฟฟิศ พร้อมทั้งอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ ที่ใช้ในการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นที่พักอาศัยได้ด้วย โฮมออฟฟิศมีลักษณะคล้ายกับทาวน์โฮม แต่มีการออกแบบภายในที่เหมาะสมสำหรับเป็นพื้นที่ทำงาน ส่วนใหญ่จะมี 2-3 ชั้นขึ้นไป โดยปรับพื้นที่แต่ละชั้นให้เป็นห้องทำงาน ห้องประชุม ห้องสตูดิโอ และที่พักในสถานที่เดียวกัน

โฮมออฟฟิศกำลังได้รับความนิยมอย่างมากเพราะบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลาย เสมือนอยู่บ้าน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น พนักงานไม่รู้สึกกดดัน และยังช่วยประหยัดต้นทุนในการเช่าสำนักงานราคาแพงอีกด้วย สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME การทำงานในรูปแบบโฮมออฟฟิศจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะไม่ต้องลงทุนเช่าสำนักงานขนาดใหญ่ราคาสูง

นอกจากนี้ ธุรกิจของคนรุ่นใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสถานที่ทำงานมากนัก พวกเขาชอบความอิสระและความยืดหยุ่นในการทำงาน โฮมออฟฟิศจึงตอบโจทย์ในด้านความสะดวกสบาย ความเป็นกันเอง และไม่ตึงเครียด

อะไรคือข้อดีและข้อจำกัดของการมีโฮมออฟฟิศ?

การมีโฮมออฟฟิศนั้นมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ซึ่งควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ

ข้อดีของโฮมออฟฟิศ:

  • ช่วยลดเวลาการเดินทางไปทำงาน ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
  • สามารถออกแบบพื้นที่ได้ตามใจชอบ สร้างบรรยากาศการทำงานที่เหมาะสมกับตัวเอง
  • ลดต้นทุนในการเช่าสำนักงาน โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจเริ่มต้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจากบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
  • บริหารจัดการเวลาได้ยืดหยุ่นมากขึ้น สร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
  • สามารถแบ่งสัดส่วนหรือโซนได้ชัดเจนในแต่ละชั้น
  • ต้นทุนในการดูแลบำรุงรักษาน้อยกว่าออฟฟิศขนาดใหญ่
  • บรรยากาศทำงานเป็นกันเอง ทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจและมีความสุขในการทำงานมากขึ้น

ข้อจำกัดของโฮมออฟฟิศ:

  • อาจมีพื้นที่จอดรถไม่เพียงพอสำหรับพนักงานและผู้มาติดต่อ
  • ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้หากธุรกิจเติบโตขึ้น
  • หากอยู่ในโครงการที่มีระบบรักษาความปลอดภัย อาจมีข้อจำกัดในการเข้าออกของลูกค้าหรือผู้มาติดต่อ
  • กรณีเป็นทาวน์โฮมหรือทาวน์เฮ้าส์ อาจมีข้อจำกัดเรื่องการรบกวนเพื่อนบ้าน
  • ธุรกิจบางประเภทที่ต้องใช้เครื่องจักรหรือมีการขนส่งตลอดเวลาอาจไม่เหมาะสม

จะจัดสรรพื้นที่อย่างไรให้เหมาะสมกับการทำโฮมออฟฟิศ?

การจัดสรรพื้นที่อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโฮมออฟฟิศที่มีประสิทธิภาพ เริ่มต้นด้วยการหามุมที่เหมาะสมและแบ่งพื้นที่ให้ตรงกับความต้องการ

หากคุณทำงานคนเดียว การบริหารพื้นที่อาจไม่ยากนัก แต่หากมีพนักงาน ควรคำนวณพื้นที่ให้เพียงพอ โดยทั่วไปห้องทำงานควรมีพื้นที่ประมาณ 35.14 ตารางเมตรต่อ 14 คน ส่วนห้องประชุมควรมีพื้นที่ประมาณ 1.12 ตารางเมตรต่อคน นอกจากนี้ ยังต้องจัดสรรพื้นที่สำหรับส่วนอื่นๆ เช่น ห้องเก็บเอกสาร ห้องเก็บของ และพื้นที่ส่วนกลาง

การเลือกตำแหน่งโต๊ะทำงานก็มีความสำคัญ ไม่ควรตั้งโต๊ะทำงานติดกับห้องน้ำหรือในมุมอับที่แสงเข้าไม่ถึง เพราะจะส่งผลเสียต่อดวงตาและประสิทธิภาพในการทำงาน ควรเลือกมุมที่มีแสงสว่างจากธรรมชาติเพียงพอ ช่วยเพิ่มความสบายตาและสมาธิในการทำงาน

สำหรับบ้านทาวน์โฮมหรือทาวน์เฮ้าส์ ที่มีพื้นที่ติดกับเพื่อนบ้าน ควรคำนึงถึงธุรกิจที่จะไม่สร้างความรบกวน ไม่มีเสียงดังจากเครื่องจักร หรือต้องใช้รถขนส่งเข้าออกตลอดเวลา ส่วนบ้านเดี่ยวมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง สามารถแบ่งพื้นที่ชั้นบนไว้พักอาศัย และพื้นที่ชั้นล่างทำเป็นออฟฟิศได้ แต่มักอยู่ในทำเลชานเมือง อาจไม่สะดวกสำหรับการพบปะลูกค้า

สไตล์การตกแต่งโฮมออฟฟิศแบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

การเลือกสไตล์การตกแต่งโฮมออฟฟิศที่ถูกใจจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มีหลากหลายสไตล์ให้เลือกตามความชอบส่วนตัว:

  1. Modern Style – สไตล์โมเดิร์นเน้นความเรียบง่ายแต่ดูทันสมัย ใช้รูปทรงเรขาคณิตสร้างความโปร่งโล่ง จัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างเรียบง่าย คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก ใช้สีเพียง 2-3 สี เช่น สีขาว สีเทา สีดำ หรือปูนเปลือย ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  2. Japandi Style – เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวีย เน้นความอบอุ่น เรียบง่าย ใช้วัสดุจากธรรมชาติ โทนสีเป็นกลาง เช่น สีเบจ สีเขียวพาสเทล ตัดกับโทนเข้ม เช่น น้ำตาลเข้ม เทาเข้ม ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ดีไซน์เรียบง่าย เน้นความเป็นมินิมัลลิสม์
  3. Eco Style – ตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศสงบ ผ่อนคลายด้วยโทนสีธรรมชาติ และพืชพรรณสีเขียว
  4. Colourful Style – ใช้สีสันสดใสเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศสนุกสนาน มีชีวิตชีวา
  5. Retro Style – ย้อนยุคด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มีดีไซน์คลาสสิก สร้างบรรยากาศอบอุ่น มีเสน่ห์เฉพาะตัว

การตกแต่งโฮมออฟฟิศไม่ควรใช้ของตกแต่งมากเกินไป ควรเก็บพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้สำหรับการทำงาน และควรมีพื้นที่สีเขียวบ้างเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และตามหลักฮวงจุ้ย สีเขียวยังสื่อถึงการเจริญเติบโตอีกด้วย

อุปกรณ์สำนักงานใดบ้างที่จำเป็นสำหรับโฮมออฟฟิศ?

การเตรียมอุปกรณ์สำนักงานที่ครบครันและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโฮมออฟฟิศยุคใหม่ อุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมี ได้แก่:

  1. คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก – อุปกรณ์สำคัญที่สุดสำหรับการทำงานในยุคดิจิทัล ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการด้านการใช้งานและงบประมาณ
  2. เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ และเครื่องถ่ายเอกสาร – สำหรับงานเอกสารต่างๆ ปัจจุบันมีเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันที่รวมหลายฟังก์ชันไว้ในเครื่องเดียว
  3. อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง – จำเป็นมากในการทำงานยุคนี้ ควรเลือกแพ็กเกจที่มีความเร็วเพียงพอและเสถียร สามารถรองรับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน
  4. เก้าอี้ทำงานที่ถูกหลักสรีรศาสตร์ – ช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดคอ ทำให้นั่งทำงานได้นานและมีประสิทธิภาพ
  5. โต๊ะทำงานที่เหมาะสม – ควรมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางอุปกรณ์ต่างๆ และมีความสูงที่เหมาะสม
  6. ตู้เก็บเอกสาร – ช่วยจัดระเบียบเอกสารและทำให้พื้นที่ทำงานเป็นระเบียบ
  7. อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากและปลั๊กพ่วง – ช่วยปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
  8. อุปกรณ์เบ็ดเตล็ด – เช่น กระดาษ แฟ้ม ซองจดหมาย ซองเอกสาร เครื่องคิดเลข และอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ
  9. กระดานโน้ตหรือกระดานไวท์บอร์ด – ช่วยในการจดบันทึกไอเดีย หรือวางแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากอุปกรณ์ดังกล่าว ยังควรคำนึงถึงแสงสว่างที่เพียงพอ เพื่อถนอมสายตาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย

ทำอย่างไรให้โฮมออฟฟิศมีบรรยากาศดี น่าทำงาน?

การสร้างบรรยากาศที่ดีในโฮมออฟฟิศจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสุขในการทำงาน มีวิธีการหลายอย่างที่จะทำให้โฮมออฟฟิศน่าทำงานมากขึ้น:

  1. จัดให้มีแสงสว่างเพียงพอ – แสงธรรมชาติดีที่สุด ช่วยประหยัดพลังงานและให้ผลดีต่อสุขภาพ หากแสงธรรมชาติไม่เพียงพอ ควรติดตั้งไฟที่ให้แสงสว่างทั่วถึงและไม่แยงตา
  2. เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้ – ช่วยเพิ่มออกซิเจน ลดความเครียด และสร้างความสดชื่น ควรเลือกต้นไม้ที่ดูแลง่าย เช่น ต้นไม้อวบน้ำ หรือต้นเฟิร์น
  3. จัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน – แบ่งโซนการทำงานให้ชัดเจน แยกจากพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่พักผ่อน ช่วยให้เกิดสมาธิเมื่อต้องทำงาน
  4. มุมพักเบรค – จัดมุมสำหรับพักผ่อนระหว่างทำงาน เช่น มุมกาแฟ มุมอ่านหนังสือ หรือมุมนั่งเล่น ช่วยให้ได้ผ่อนคลายเมื่อเหนื่อยล้าหรือคิดงานไม่ออก
  5. ปรับแต่งพื้นที่ให้สะท้อนตัวตน – เพิ่มสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวเอง เช่น รูปถ่าย งานศิลปะ หรือวัตถุที่มีความหมาย จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความรู้สึกเป็นเจ้าของพื้นที่
  6. ควบคุมเสียงรบกวน – หากพื้นที่ทำงานอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีเสียงดัง อาจต้องติดตั้งวัสดุซับเสียงหรือใช้ม่านหนาเพื่อลดเสียงรบกวน
  7. อากาศถ่ายเทสะดวก – ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการถ่ายเทอากาศที่ดี หากจำเป็นอาจต้องใช้พัดลมหรือเครื่องฟอกอากาศ
  8. ใช้ผ้าม่านหรือฉากกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว – โดยเฉพาะในกรณีที่โฮมออฟฟิศอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง

สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบในโฮมออฟฟิศควรทำอย่างไร?

ความสะอาดและความเป็นระเบียบเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในโฮมออฟฟิศ เพราะนอกจากจะส่งผลต่อภาพลักษณ์แล้ว ยังมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานด้วย ต่อไปนี้เป็นวิธีการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบในโฮมออฟฟิศ:

  1. กำหนดกฎเกณฑ์การใช้พื้นที่ – หากมีพนักงานหลายคน ควรมีข้อปฏิบัติร่วมกัน เช่น การใช้ห้องน้ำ การรับประทานอาหาร การแยกขยะ และการใช้พื้นที่ส่วนกลาง
  2. ทำความสะอาดประจำวัน – เก็บโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังเลิกงาน กวาดพื้น เช็ดฝุ่นเป็นประจำ
  3. จัดระเบียบเอกสาร – ใช้แฟ้มหรือตู้เก็บเอกสารให้เป็นระบบ ไม่วางเอกสารระเกะระกะบนโต๊ะทำงาน
  4. ทำความสะอาดครั้งใหญ่เป็นประจำ – เช่น ทุกเดือนหรือทุก 3 เดือน เพื่อทำความสะอาดในส่วนที่ไม่ได้ทำเป็นประจำวัน เช่น ซอกมุม หลังตู้ หรือพัดลม
  5. จัดการสายไฟและสายเคเบิล – ใช้ที่รัดสายหรือท่อร้อยสายไฟเพื่อไม่ให้สายพันกันยุ่งเหยิง
  6. พิจารณาจ้างแม่บ้านรายเดือน – หากมีพนักงานหลายคน การจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดเป็นประจำอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
  7. ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีคุณภาพ – เพื่อให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลา
  8. กำจัดความชื้นและป้องกันเชื้อรา – โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ควรมีการถ่ายเทอากาศที่ดีเพื่อป้องกันปัญหาเชื้อรา

การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบไม่เพียงแต่ทำให้โฮมออฟฟิศดูดี แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจอีกด้วย

การเปลี่ยนบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่และธุรกิจขนาดเล็ก แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ข้อดีที่ได้รับทั้งในเรื่องการประหยัดต้นทุน บรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลาย และความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้โฮมออฟฟิศเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน การจัดสรรพื้นที่อย่างเหมาะสม การเลือกสไตล์ตกแต่งที่ถูกใจ การมีอุปกรณ์สำนักงานที่ครบครัน และการรักษาความสะอาด จะช่วยให้โฮมออฟฟิศของคุณเป็นพื้นที่ทำงานที่มีประสิทธิภาพและน่าอยู่ในระยะยาว

สรุป

#สาระ #โฮมออฟฟิศ #การตกแต่งออฟฟิศ #ทำงานที่บ้าน #อุปกรณ์สำนักงาน #ฮวงจุ้ยออฟฟิศ #พื้นที่ทำงาน #ดีไซน์ออฟฟิศ #ธุรกิจสตาร์ทอัพ #การบริหารพื้นที่ #ประสิทธิภาพการทำงาน

อ่านเพิ่ม

หมายเหตุ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ Homeday โดย บริษัท โฮมเดย์ กรุ๊ป จำกัด เท่านั้น บริษัทไม่สามารถให้คำมั่นหรือคำรับประกันเกี่ยวกับเนื้อหา รวมถึงไม่สามารถรับรองความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์เฉพาะใดๆ ตามขอบเขตของกฎหมาย เราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วนสมบูรณ์ ณ เวลาที่จัดทำ ข้อมูลดังกล่าวไม่ควรนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินใจด้านการเงิน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือประเด็นกฎหมายโดยทันที ผู้อ่านไม่ควรอาศัยข้อมูลในบทความนี้แทนคำแนะนำจากผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและสภาวะเฉพาะของท่านได้ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากท่านเลือกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจของท่าน

The Palm (copy)
Sidebar
บทความล่าสุด
สยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม มอบความพิเศษแทนคำขอบคุณ 7 ปีที่เคียงข้างกัน ในเทศกาล THE WAGASHI Japanese Foods, Crafts & IKEBANA ตื่นตากับเมนูขนม WAGASHI รังสรรค์โดย 7 เชฟดังบินตรงจากญี่ปุ่น งดงามกับศิลปะการจัดดอกไม้เก่าแก่ IKEBANA ช็อปงาน Craft Rare Item สุดเก๋ไก๋!! พร้อมรับโปรโมชันลดทั้งห้างสูงสุด 50%!!
ข่าวสาร
เอสบี ดีไซน์สแควร์ เปิดตัว “Condo Solutions Pop Up Store” สาขา บีทีเอส อารีย์ เจาะฐานลูกค้า Premium Urban Living ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ ด้วยบริการออกแบบคอนโดครบวงจรที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมโปรโมชัน 2 ต่อสุดคุ้ม
ข่าวสาร
ทอสเท็ม พาชมไอเดียสถาปนิกไทย สร้างสรรค์ผลงานออกแบบยอดเยี่ยม คว้า 3 รางวัล การประกวด TOSTEM Asia Design award 2025 เวทีเชื่อมโยงแรงบันดาลใจให้สถาปนิกไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ข่าวสาร
หัวใจละลาย! 4EVE ในลุค ‘เจ้าหญิงทั้งเจ็ด’ เปิดแคมเปญ The Magical Stars ฟีลกู๊ดทั่วกันที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ
ข่าวสาร
BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลเบญจกิติเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา กรุงเทพฯ
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ กรุงเทพกรีฑา (The Signature Krungthepkreetha) เปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ New Kaiteki Series เพดานสูง 3.2 เมตร ทำเลบ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติ Brighton College และ Wellington College
Review
รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน
Review
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
Loading..