Q District

ทำอย่างไรให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น? 5 เทคนิคลดระยะเวลาผ่อนบ้านที่คุณต้องรู้

ภาระผ่อนบ้านเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักที่คนส่วนใหญ่ต้องแบกรับยาวนานถึง 20-30 ปี ส่งผลให้เงินส่วนใหญ่ถูกนำไปชำระดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น หลายคนจึงมองหาวิธีปลดภาระหนี้นี้ให้เร็วขึ้น นอกจากจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้อย่างมหาศาลแล้ว ยังทำให้มีอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้นอีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทคนิคการผ่อนบ้านให้หมดเร็ว วิธีคำนวณระยะเวลาในการผ่อน รวมถึงเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำสินเชื่อบ้าน เพื่อวางแผนการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มผ่อนบ้าน

การซื้อบ้านด้วยเงินสดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน การผ่อนบ้านจึงเป็นทางเลือกที่นิยมมากกว่า แต่ก่อนตัดสินใจกู้เงินซื้อบ้าน มีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ควรพิจารณาเพื่อให้การผ่อนชำระเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

การประเมินสถานะทางการเงิน

การประเมินสถานะทางการเงินเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมากก่อนตัดสินใจผ่อนบ้าน คุณควรสำรวจรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด เพราะเป็นตัวกำหนดความสามารถในการชำระหนี้ ตามหลักการวางแผนการเงินที่ดี ภาระหนี้ทั้งหมดไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ นั่นหมายความว่า หากคุณมีรายได้สุทธิ 50,000 บาทต่อเดือน ภาระหนี้ทั้งหมดที่รวมทั้งการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือหนี้บัตรเครดิต ไม่ควรเกิน 20,000 บาท

นอกจากนี้ คุณยังต้องมีเงินออมสำหรับเป็นเงินดาวน์ และควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การตกงาน หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินทางการแพทย์

การเลือกบ้านที่มีราคาเหมาะสม

การเลือกบ้านที่มีราคาเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้เป็นส่วนสำคัญของการกู้ซื้อบ้าน สถาบันการเงินจะประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ก่อนอนุมัติวงเงิน โดยมีหลักการประเมินคร่าวๆ ดังนี้:

  1. กรณีไม่มีภาระหนี้: วงเงินกู้มักอยู่ที่ประมาณ 60 เท่าของรายได้ต่อเดือน เช่น หากมีรายได้ 45,000 บาท อาจกู้ได้ประมาณ 2.7 ล้านบาท
  2. กรณีมีภาระหนี้: สถาบันการเงินจะพิจารณาอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) โดยรวมแล้วไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้ ตัวอย่างเช่น หากมีรายได้ 45,000 บาท และกำลังผ่อนรถอยู่เดือนละ 8,500 บาท จะเหลือความสามารถในการผ่อนบ้านประมาณ 5,000-9,500 บาทต่อเดือน
  3. อัตราส่วนการผ่อนต่อเงินกู้: โดยทั่วไป ผู้กู้ต้องมีความสามารถผ่อนชำระประมาณ 8,000 บาทต่อเงินกู้ 1 ล้านบาท ดังนั้น หากสามารถผ่อนได้เดือนละ 16,000 บาท อาจกู้ได้ประมาณ 2 ล้านบาท

นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ระยะเวลาในการผ่อน ผู้กู้ร่วม และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งล้วนมีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อ

การวางเงินดาวน์อย่างเหมาะสม

เงินดาวน์มีผลโดยตรงต่อภาระดอกเบี้ยและระยะเวลาในการผ่อนบ้าน การวางเงินดาวน์น้อยอาจทำให้ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ทันที แต่ก็ต้องแลกกับการจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน การวางเงินดาวน์ในสัดส่วนที่สูงจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแนะนำให้วางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของราคาบ้าน เพื่อประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว แต่หากไม่สามารถวางเงินดาวน์ในสัดส่วนนี้ได้ ควรพยายามวางอย่างน้อย 5-10% ตามความสามารถทางการเงิน การวางแผนเก็บเงินดาวน์อย่างเป็นระบบจึงเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการตัดสินใจซื้อบ้าน

5 เทคนิคผ่อนบ้านให้หมดเร็วกว่ากำหนด

หนี้บ้านเป็นภาระผูกพันทางการเงินระยะยาวที่อาจใช้เวลาถึง 30 ปี แต่มีเทคนิคหลายวิธีที่จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้คุณหลุดพ้นจากภาระหนี้เร็วขึ้น แต่ยังช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้อีกด้วย นี่คือ 5 เทคนิคที่มีประสิทธิภาพ:

1. ชำระเกินยอดทุกงวด

เทคนิคแรกที่มีประสิทธิภาพในการลดระยะเวลาผ่อนบ้าน คือ การชำระเงินเกินกว่ายอดที่ต้องจ่ายในแต่ละงวด การชำระหนี้บ้านในแต่ละงวดประกอบด้วยเงินต้นและดอกเบี้ย ในช่วงแรกของการผ่อน ส่วนใหญ่ของเงินที่ชำระจะเป็นดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น

เมื่อชำระเกินกว่ายอดที่กำหนด เงินส่วนเกินจะถูกนำไปหักเงินต้นโดยตรง ซึ่งช่วยลดฐานในการคำนวณดอกเบี้ยในงวดถัดไป ตามหลักการลดต้นลดดอก คุณอาจเริ่มต้นด้วยการชำระเพิ่ม 10-20% ของยอดผ่อนปกติ เช่น หากผ่อนงวดละ 10,000 บาท อาจเพิ่มเป็น 12,000 บาท ในระยะยาว การชำระเพิ่มอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดระยะเวลาผ่อนลงได้หลายปี

ที่สำคัญ เมื่อชำระเกินจำนวน ต้องแจ้งธนาคารอย่างชัดเจนว่าต้องการให้นำเงินส่วนเกินไปหักเงินต้น ไม่เช่นนั้น ธนาคารอาจนำไปหักเป็นการชำระล่วงหน้าสำหรับงวดถัดไปแทน ซึ่งจะไม่ช่วยลดดอกเบี้ยและระยะเวลาการผ่อน

2. ชำระเพิ่ม 1 งวดต่อปี

สำหรับผู้ที่ไม่สามารถชำระเกินในทุกงวดได้ การชำระเพิ่ม 1 งวดต่อปีเป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้เป็นก้อนในบางช่วงของปี เช่น โบนัสประจำปี หรือรายได้จากโปรเจ็กต์พิเศษ

หลักการคือ เมื่อได้รับเงินก้อน ให้นำส่วนหนึ่งมาชำระเพิ่มเป็นมูลค่าเท่ากับหนึ่งงวดหรือมากกว่า เช่น หากผ่อนเดือนละ 15,000 บาท เมื่อได้รับโบนัส อาจนำมาชำระเพิ่ม 15,000 บาท หรือมากกว่า เงินที่ชำระเพิ่มนี้จะไปลดเงินต้นโดยตรง ทำให้ดอกเบี้ยลดลงและย่นระยะเวลาผ่อน

การชำระเพิ่มในลักษณะนี้หากทำสม่ำเสมอทุกปี จะสามารถลดระยะเวลาผ่อนลงได้ถึง 4-5 ปี ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ชำระเพิ่มและระยะเวลาผ่อนที่เหลืออยู่ ยิ่งเริ่มชำระเพิ่มเร็วเท่าไร ยิ่งประหยัดดอกเบี้ยได้มากเท่านั้น

3. โปะเงินต้นช่วงดอกเบี้ยต่ำ

ในช่วง 3-5 ปีแรกของการผ่อนบ้าน สถาบันการเงินมักเสนออัตราดอกเบี้ยคงที่ในระดับต่ำ ประมาณ 2-3% ต่อปี หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มเป็น 5-6% หรือตามอัตราตลาด ช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำจึงเป็นโอกาสดีในการโปะเงินต้นเพิ่ม

การโปะเงินต้นในช่วงดอกเบี้ยต่ำจะเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะทำให้ฐานเงินต้นลดลงก่อนที่ดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งสามารถลดเงินต้นได้มากเท่าไรในช่วงนี้ ผลกระทบจากการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในอนาคตก็จะน้อยลงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ว่ามีข้อจำกัดในการชำระเงินต้นเพิ่มหรือไม่ บางสถาบันการเงินอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการชำระคืนก่อนกำหนดในช่วงปีแรกๆ ซึ่งอาจทำให้ประโยชน์ที่ได้รับลดลง

4. ชำระตรงเวลาเสมอ

การชำระหนี้ตรงเวลาเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้การผ่อนบ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่จะช่วยหลีกเลี่ยงค่าปรับและดอกเบี้ยผิดนัดชำระ แต่ยังช่วยสร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดี ซึ่งมีผลต่อการปรับโครงสร้างหนี้ในอนาคต

ประวัติการชำระหนี้ที่ดีและสม่ำเสมอจะเพิ่มโอกาสในการขอรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า นอกจากนี้ ยังช่วยให้สถาบันการเงินมีความยืดหยุ่นมากขึ้นหากคุณต้องการขอปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ในอนาคต

เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลาเสมอ ควรตั้งการแจ้งเตือนการชำระเงิน จัดทำงบประมาณรายเดือนที่รวมค่าผ่อนบ้านเป็นลำดับความสำคัญต้นๆ และอาจพิจารณาตั้งบริการหักบัญชีอัตโนมัติเพื่อไม่ให้พลาดการชำระ

5. ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่

การปรับโครงสร้างหนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการลดระยะเวลาผ่อนบ้าน โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดมีการเปลี่ยนแปลง มีสองวิธีหลักในการปรับโครงสร้างหนี้บ้าน:

รีไฟแนนซ์ (Refinance)

รีไฟแนนซ์ คือการย้ายหนี้บ้านจากสถาบันการเงินเดิมไปยังสถาบันการเงินใหม่ที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า เป็นวิธีที่นิยมทำเมื่อพ้นช่วงดอกเบี้ยพิเศษ 3-5 ปีแรก และอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น

การรีไฟแนนซ์จะคุ้มค่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยใหม่ต่ำกว่าอัตราเดิมอย่างน้อย 2-3% และผลประโยชน์จากการประหยัดดอกเบี้ยมากกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ ค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการปิดบัญชีเงินกู้เดิม ซึ่งอาจรวมกันประมาณ 1-3% ของวงเงินกู้

หากวางแผนรีไฟแนนซ์อย่างเหมาะสม คุณสามารถคงจำนวนเงินที่ผ่อนต่อเดือนเท่าเดิม แต่ระยะเวลาผ่อนจะลดลงเนื่องจากดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรืออาจเลือกลดจำนวนเงินผ่อนต่อเดือนโดยคงระยะเวลาผ่อนเท่าเดิม ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงิน

รีเทนชั่น (Retention)

รีเทนชั่น คือการเจรจากับสถาบันการเงินเดิมเพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยไม่ต้องย้ายไปสถาบันการเงินอื่น วิธีนี้มักทำได้เมื่อผ่อนชำระมาระยะหนึ่งแล้ว (ประมาณ 3 ปีขึ้นไป) และมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี

ข้อดีของรีเทนชั่นคือ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำเรื่องขอสินเชื่อใหม่ ไม่ต้องประเมินหลักทรัพย์ใหม่ และกระบวนการไม่ยุ่งยากเท่ารีไฟแนนซ์ อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจไม่ต่ำเท่ากับการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินอื่น

การเจรจารีเทนชั่นมักได้ผลดีเมื่อคุณมีข้อเสนอจากสถาบันการเงินอื่นในมือ ซึ่งจะเป็นข้อต่อรองให้สถาบันการเงินเดิมพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาลูกค้า

ผ่อนบ้านแต่ละแบบ ใช้เวลานานแค่ไหน?

ระยะเวลาในการผ่อนบ้านขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารจัดการสินเชื่อ มาดูเปรียบเทียบระยะเวลาผ่อนบ้านในแต่ละรูปแบบ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าแต่ละวิธีจะช่วยลดระยะเวลาผ่อนได้มากน้อยแค่ไหน:

ผ่อนตามแผนปกติ

การผ่อนบ้านตามแผนที่สถาบันการเงินกำหนด โดยไม่มีการชำระเพิ่มหรือปรับโครงสร้างหนี้ จะใช้ระยะเวลาตามที่ตกลงไว้ในสัญญา ซึ่งโดยทั่วไปอาจอยู่ที่ 20-30 ปี ขึ้นอยู่กับวงเงินกู้และความสามารถในการผ่อนชำระ

ตัวอย่างเช่น หากกู้ 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 4% ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 30 ปี จะมีค่าผ่อนประมาณ 14,300 บาทต่อเดือน และเมื่อผ่อนครบตามกำหนด จะชำระดอกเบี้ยรวมไปทั้งสิ้นประมาณ 2.15 ล้านบาท รวมจ่ายทั้งหมด 5.15 ล้านบาท

การผ่อนตามแผนปกตินี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้คงที่และต้องการค่าผ่อนที่ไม่สูงเกินไปในแต่ละเดือน อย่างไรก็ตาม จะเสียดอกเบี้ยค่อนข้างมากในระยะยาว

ผ่อนพร้อมโปะเพิ่ม

หากผ่อนบ้านตามแผนปกติ แต่มีการโปะเงินต้นเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งโปะเพิ่มมากและเริ่มโปะเร็วเท่าไร ยิ่งประหยัดเวลาและดอกเบี้ยได้มาก

ยกตัวอย่างกรณีเดิม ถ้ากู้ 3 ล้านบาท ผ่อน 30 ปี แต่เพิ่มเงินผ่อนจาก 14,300 บาท เป็น 18,590 บาท (เพิ่ม 30%) ระยะเวลาผ่อนจะลดลงเหลือประมาณ 18 ปี และประหยัดดอกเบี้ยได้ราว 860,000 บาท หากเพิ่มเป็น 21,450 บาท (เพิ่ม 50%) จะลดระยะเวลาเหลือประมาณ 14.5 ปี และประหยัดดอกเบี้ยได้ถึง 1.2 ล้านบาท

การโปะเงินต้นเพิ่มจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากสำหรับผู้ที่มีเงินเหลือในแต่ละเดือนและต้องการลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว

ผ่อนพร้อมรีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการลดระยะเวลาผ่อนบ้าน โดยเฉพาะเมื่อสามารถได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ หากรีไฟแนนซ์ในช่วงที่เหมาะสม เช่น หลังผ่อนไปแล้ว 3-5 ปี และอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนได้ประมาณ 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย

ตัวอย่างเช่น หากเริ่มผ่อนด้วยอัตราดอกเบี้ย 4% และสามารถรีไฟแนนซ์ให้ได้อัตราดอกเบี้ย 2.5% หลังจากผ่อนไป 5 ปี โดยคงค่าผ่อนเท่าเดิม จะสามารถลดระยะเวลาผ่อนลงได้ประมาณ 5 ปี และประหยัดดอกเบี้ยได้ราว 500,000 บาท

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีการรีไฟแนนซ์หลายครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสม (เช่น ทุก 3-5 ปี) จะยิ่งช่วยลดระยะเวลาผ่อนและประหยัดดอกเบี้ยได้มากขึ้น

ผ่อนพร้อมโปะเพิ่มและรีไฟแนนซ์

การผสมผสานระหว่างการโปะเงินต้นเพิ่มและการรีไฟแนนซ์เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดระยะเวลาผ่อนบ้าน และประหยัดดอกเบี้ย โดยวิธีนี้สามารถลดระยะเวลาผ่อนจาก 30 ปีเหลือเพียง 10-12 ปี ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่โปะเพิ่มและอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์

ยกตัวอย่างเช่น การกู้ 3 ล้านบาท ผ่อน 30 ปี หากเพิ่มยอดผ่อน 50% (จาก 14,300 บาท เป็น 21,450 บาท) และรีไฟแนนซ์ได้ดอกเบี้ย 2.5% หลังจากผ่อนไป 5 ปี จะสามารถลดระยะเวลาผ่อนเหลือเพียง 10 ปี และประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่า 1.5 ล้านบาท

กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีวินัยทางการเงินสูง มีความสามารถในการผ่อนชำระเพิ่มขึ้น และติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในตลาดอย่างสม่ำเสมอ แม้จะต้องใช้ความพยายามในการบริหารจัดการมากกว่าวิธีอื่น แต่ผลตอบแทนก็คุ้มค่ากับความพยายามนั้น

ข้อสงสัยที่มักพบเกี่ยวกับการผ่อนบ้าน

นอกจากวิธีการผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ยังมีข้อสงสัยอื่นๆ เกี่ยวกับการผ่อนบ้านที่ผู้กู้มักสอบถาม โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด

ผ่อนบ้านนานแค่ไหนถึงจะขายได้?

คำถามที่พบบ่อยคือ ต้องผ่อนบ้านนานเท่าไรจึงจะสามารถขายได้ คำตอบคือ คุณสามารถขายบ้านได้ตั้งแต่วันที่คุณได้รับกรรมสิทธิ์ในบ้าน ไม่ว่าจะซื้อด้วยเงินสดหรือผ่อนกับสถาบันการเงิน แต่มีข้อควรพิจารณาดังนี้:

  1. ภาษีธุรกิจเฉพาะ: หากคุณมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่ถึง 1 ปีในวันที่ขาย คุณอาจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3.3% ของราคาขาย
  2. ความคุ้มค่า: การขายบ้านในช่วงต้นของการผ่อนอาจไม่คุ้มค่าเนื่องจากคุณได้ชำระเงินต้นไปเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นการชำระดอกเบี้ย นอกจากนี้ ราคาบ้านอาจยังไม่เพิ่มมูลค่าเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซื้อและขาย
  3. ค่าธรรมเนียมการปิดบัญชีก่อนกำหนด: บางสถาบันการเงินอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนี้หากคุณปิดบัญชีเงินกู้ในช่วงปีแรกๆ ควรตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ให้ละเอียด

โดยทั่วไป การผ่อนบ้านประมาณ 3-5 ปี มักเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดในการขาย เนื่องจากเริ่มชำระเงินต้นไปพอสมควร และบ้านอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามสภาพตลาด

ขั้นตอนการขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด

การขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดสามารถทำได้ แต่มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับการขายบ้านที่ไม่มีภาระผูกพัน ขั้นตอนหลักๆ มีดังนี้:

  1. ตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือกับสถาบันการเงิน: ก่อนตั้งราคาขาย ควรสอบถามยอดหนี้ที่ต้องชำระเพื่อไถ่ถอนจำนอง ซึ่งประกอบด้วยเงินต้นคงเหลือ ดอกเบี้ยค้างชำระ และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
  2. หาผู้ซื้อและตกลงราคา: อาจขายเองหรือผ่านนายหน้า ราคาขายควรครอบคลุมยอดหนี้คงเหลือและค่าใช้จ่ายในการขาย
  3. แจ้งสถาบันการเงินเรื่องการขาย: เมื่อมีผู้ซื้อแล้ว ต้องแจ้งสถาบันการเงินเพื่อขอไถ่ถอนจำนอง โดยสถาบันการเงินจะออกหนังสือแจ้งยอดไถ่ถอนที่มีอายุประมาณ 7-10 วัน
  4. การโอนกรรมสิทธิ์: มีขั้นตอนดังนี้:
    • กรณีผู้ซื้อชำระด้วยเงินสด: ผู้ซื้อจะทำแคชเชียร์เช็คจ่ายให้สถาบันการเงินตามยอดไถ่ถอน และจ่ายส่วนที่เหลือให้ผู้ขาย
    • กรณีผู้ซื้อกู้จากสถาบันการเงิน: ธนาคารของผู้ซื้อจะออกแคชเชียร์เช็คจ่ายให้สถาบันการเงินของผู้ขายและส่วนที่เหลือให้ผู้ขาย
  5. เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินของผู้ขาย ผู้ขาย ผู้ซื้อ และเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินของผู้ซื้อ (กรณีกู้) จะต้องไปที่สำนักงานที่ดินพร้อมกันในวันโอนกรรมสิทธิ์
  6. ชำระค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้อง: รวมถึงค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ถ้ามี) อากรแสตมป์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

กระบวนการขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดจึงซับซ้อนกว่าการขายบ้านที่ไม่มีภาระจำนอง และต้องมีการประสานงานระหว่างหลายฝ่าย แต่หากวางแผนและเตรียมการอย่างดี ก็สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น

สรุป

การผ่อนบ้านเป็นภาระทางการเงินระยะยาวที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญ แต่ด้วยการวางแผนและกลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณสามารถลดระยะเวลาผ่อนและประหยัดดอกเบี้ยได้อย่างมหาศาล โดยเริ่มจากการประเมินสถานะทางการเงินอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน เลือกบ้านที่มีราคาเหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระ และวางเงินดาวน์ในสัดส่วนที่พอเหมาะ

เทคนิคการผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการชำระเกินยอดทุกงวด ชำระเพิ่ม 1 งวดต่อปี โปะเงินต้นช่วงดอกเบี้ยต่ำ การชำระตรงเวลาเสมอ หรือการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการรีไฟแนนซ์และรีเทนชั่น ล้วนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดระยะเวลาผ่อนบ้าน จาก 30 ปี เหลือเพียง 10-15 ปีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผสมผสานหลายวิธีเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้ แม้ในระหว่างที่ยังผ่อนบ้านไม่หมด คุณก็สามารถขายบ้านได้หากจำเป็น โดยต้องดำเนินการตามขั้นตอนการไถ่ถอนจำนองและโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้อง

ท้ายที่สุด การบริหารจัดการหนี้บ้านอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระทางการเงินในระยะยาว แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสู่อิสรภาพทางการเงินและความมั่นคงในอนาคต

#สาระ #การเงิน #ผ่อนบ้าน #โปะหนี้บ้าน #รีไฟแนนซ์บ้าน #ลดระยะเวลาผ่อนบ้าน #หนี้บ้าน #สินเชื่อบ้าน

อ่านเพิ่ม

หมายเหตุ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ Homeday โดย บริษัท โฮมเดย์ กรุ๊ป จำกัด เท่านั้น บริษัทไม่สามารถให้คำมั่นหรือคำรับประกันเกี่ยวกับเนื้อหา รวมถึงไม่สามารถรับรองความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์เฉพาะใดๆ ตามขอบเขตของกฎหมาย เราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วนสมบูรณ์ ณ เวลาที่จัดทำ ข้อมูลดังกล่าวไม่ควรนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินใจด้านการเงิน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือประเด็นกฎหมายโดยทันที ผู้อ่านไม่ควรอาศัยข้อมูลในบทความนี้แทนคำแนะนำจากผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและสภาวะเฉพาะของท่านได้ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากท่านเลือกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจของท่าน

The Palm (copy)
Sidebar
บทความล่าสุด
สยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม มอบความพิเศษแทนคำขอบคุณ 7 ปีที่เคียงข้างกัน ในเทศกาล THE WAGASHI Japanese Foods, Crafts & IKEBANA ตื่นตากับเมนูขนม WAGASHI รังสรรค์โดย 7 เชฟดังบินตรงจากญี่ปุ่น งดงามกับศิลปะการจัดดอกไม้เก่าแก่ IKEBANA ช็อปงาน Craft Rare Item สุดเก๋ไก๋!! พร้อมรับโปรโมชันลดทั้งห้างสูงสุด 50%!!
ข่าวสาร
เอสบี ดีไซน์สแควร์ เปิดตัว “Condo Solutions Pop Up Store” สาขา บีทีเอส อารีย์ เจาะฐานลูกค้า Premium Urban Living ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ ด้วยบริการออกแบบคอนโดครบวงจรที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมโปรโมชัน 2 ต่อสุดคุ้ม
ข่าวสาร
ทอสเท็ม พาชมไอเดียสถาปนิกไทย สร้างสรรค์ผลงานออกแบบยอดเยี่ยม คว้า 3 รางวัล การประกวด TOSTEM Asia Design award 2025 เวทีเชื่อมโยงแรงบันดาลใจให้สถาปนิกไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ข่าวสาร
หัวใจละลาย! 4EVE ในลุค ‘เจ้าหญิงทั้งเจ็ด’ เปิดแคมเปญ The Magical Stars ฟีลกู๊ดทั่วกันที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ
ข่าวสาร
BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลเบญจกิติเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา กรุงเทพฯ
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ กรุงเทพกรีฑา (The Signature Krungthepkreetha) เปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ New Kaiteki Series เพดานสูง 3.2 เมตร ทำเลบ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติ Brighton College และ Wellington College
Review
รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน
Review
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
Loading..