การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของคนเรา เพื่อการนอนหลับให้สบายตลอดคืน จำเป็นจะต้องใส่ใจเรื่องของที่นอนด้วย เพราะการนอนบนที่นอนที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลเสียมากมาย เช่น ปวดหลัง ไม่สบายตัว นอนหลับได้ไม่สนิท ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ถ้าใครมีที่นอนที่ดี ก็จะทำให้การนอนหลับพักผ่อนมีคุณภาพที่ดีตามไปด้วย ทำให้ตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ถ้าใครเริ่มรู้สึกมีอาการปวดหลัง ปวดตัว นอนหลับไม่สนิท อยากให้ลองกลับไปสังเกตดูว่าที่นอนของเรา มีลักษณะที่เหมาะสม กับตัวเราหรือไม่ วันนี้แอดมินจึงอยากแนะนำวิธีการเลือกที่นอน และที่นอนประเภทต่างๆ ให้กับผู้อ่านทุกท่านค่ะ
การเลือกขนาดของที่นอน
ที่นอนมีหลายขนาด สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการซื้อที่นอน คือ ขนาดตัวของผู้นอน และจำนวนผู้นอน ขนาดที่นอนมีหลายขนาด ตั้งแต่ 3.5 ฟุต 4 ฟุต 5 ฟุต 6 ฟุต และ 7 ฟุต หรือที่เรียกว่าควีนไซส์ คิงไซส์ โดยขนาดที่นอนสำหรับนอนคนเดียว ได้แก่ 3.5 ฟุต กับ 4 ฟุต ส่วนที่นอนสำหรับสองคน ควรเลือกขนาด 5 ฟุตขึ้นไป
นอกจากความกว้างแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความหนาของฟูกที่นอน ความหนาที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 8-10 นิ้ว ซึ่งเป็นความหนาที่นอนหลับได้อย่างสบาย โดยเฉพาะคนที่ใช้ที่นอนวางพื้นโดยตรง ยิ่งควรเลือกที่นอนที่มีความหนามากขึ้น อย่างน้อยหนา 6 นิ้วขึ้นไป เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีในการนอน
ที่นอนประเภทต่างๆ
การแบ่งประเภทที่นอน สามารถแบ่งได้ตามวัสดุของที่นอนแบบนั้นๆ ที่นอนแต่ละประเภท จะเหมาะสมกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยู่ที่เรื่องพฤติกรรมการนอน สรีระ รวมถึงความชอบส่วนตัวของแต่ละคนด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อที่นอนควรศึกษาให้ดี และควรไปลองนอนบนที่นอนนั้นจริงๆ เพื่อจะได้รู้ว่า เราชอบที่นอนแบบไหนกันแน่ ประเภทของที่นอนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มี 4 ประเภท ได้แก่
ที่นอนสปริง
ที่นอนสปริง มีการฝังสปริงไว้ด้านใน ข้อดี คือ สามารถรองรับทุกน้ำหนัก และสรีระได้เป็นอย่างดี มีความยืดหยุ่นสูง สามารถคืนตัวได้ทันทีหลังจากที่ลุกออกจากเตียง ถึงแม้ว่าจะนอนท่าไหน เช่น ท่าตะแคง ที่นอนก็จะสามารถปรับรูปร่างให้เข้ากับการนอนได้ทันที โดยไม่รู้สึกเจ็บ หรือถูกกดทับ เพราะมีสปริงที่ยืดหยุ่นคอยรองรับเอาไว้ ข้อเสีย คือถ้าเสื่อมสภาพแล้วอาจจะทำให้สปริงทะลุออกมาไม่อยู่ในที่ที่ควรอยู่ เวลานอนจะทำให้รู้สึกถึงสปริงและรู้สึกเจ็บได้
ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง
ที่นอนพ็อกเก็ตสปริงพัฒนามาจากที่นอนสปริง เป็นที่นอนสปริงแบบแยกอิสระ ซึ่งช่วยกำจัดปัญหาเรื่องที่นอนขยับ เมื่อเวลาที่คนข้างๆ พลิกตัว หรือลุกขึ้น เนื่องจากตัวสปริงที่แยกออกจากกัน และยังคงไว้ซึ่งข้อดีของที่นอนสปริงทุกๆ ข้อ ทำให้ที่นอนประเภทนี้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
ที่นอนฟองน้ำ
ข้อดี คือ มีความนุ่มมาก ทำให้รู้สึกสบายเมื่อนอน อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นอย่างมาก แต่ข้อเสีย คือ จะคืนตัวได้ช้ากว่าที่นอนสปริงมาก ที่นอนแบบฟองน้ำ ไม่เหมาะกับคนที่มักมีอาการปวดหลัง และคนที่ชอบนอนตะแคง เนื่องจากฟองน้ำนั้น มีความนุ่มมาก ไม่มีแรงต้านพอที่จะรองรับสรีระ ปรับตามรูปร่างของผู้นอนได้ อีกทั้งที่นอนฟองน้ำ ยังมีอายุการใช้งานน้อยกว่าที่นอนชนิดอื่นๆ
ที่นอนยางพารา
ที่นอนยางพารา เป็นที่นอนอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมสูง เพราะมีข้อดีหลากหลาย เช่น มีความยืดหยุ่นที่สูง ไม่นุ่มจนเกินไป จึงเหมาะกับคนที่มักจะมีอาการปวดหลัง ปวดตัว นอกจากนั้นที่นอนยางพารา ยังไม่กักเก็บฝุ่นละออง และความชื้น ดังนั้นที่นอนยางพารา ถือเป็นที่นอนเพื่อสุขภาพที่ดี อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่าที่นอนชนิดอื่นๆ ส่วนข้อเสียของที่นอนยางพารา คือ มีราคาที่สูง และมีน้ำหนักมาก ทำให้ยากต่อการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และการเคลื่อนย้าย
ที่นอนใยมะพร้าว
ที่นอนใยมะพร้าว จะมีความยืดหยุ่น และนุ่มน้อยกว่าที่นอนชนิดอื่นๆ ซึ่งจะเหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่ชอบนอนที่นอนนุ่มๆ เนื่องจากจะทำให้ปวดหลัง แต่ที่นอนใยมะพร้าว ก็อาจจะแข็งเกินไปสำหรับหลายๆ คน อีกทั้งยังมีข้อเสีย คือ ใยมะพร้าวภายในที่นอน เสื่อมสภาพได้ง่าย หลังจากเสื่อมสภาพจะกลายเป็นฝุ่นผง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ สำหรับคนที่ชอบนอนที่นอนใยมะพร้าวจริงๆ จึงขอแนะนำให้เปลี่ยนที่นอนอยู่เป็นระยะ
เมื่อรู้จักประเภทของที่นอนชนิดต่างๆ แล้ว อยากให้ทุกคนไปลองนอนบนที่นอนแต่ละประเภทจริงๆ โดยใช้เวลานอนอย่างน้อย 5-10 นาที ถ้าเราชอบ และรู้สึกว่าเหมาะกับสไตล์การนอนของเราจริงๆ จึงค่อยตัดสินใจซื้อ เพราะที่นอนดีๆ นั้น มีราคาที่ค่อนข้างสูง คงไม่มีใครอยากจะซื้อที่นอนใหม่บ่อยๆ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อที่นอนกันอยู่นะคะ