–
ปวดหัวไม่น้อยเลยกับสภาพอากาศที่แสนจะแปรปรวนของประเทศไทย ทั้งฝนตก แดดออก ทำให้เกิดปัญหาน่าเบื่ออย่างสีทาบ้านภายนอก ลอกล่อน ทาไปไม่กี่ปีก็ต้องจ้างช่างมาทาใหม่อีก เสียเวลาแล้วยังต้องมาเสียเงิน เอ๊ะ! หรือว่าจะลองทาสีบ้านด้วยตัวเองดีนะ ใครอยากทาสีบ้านเองมาทางนี้ด่วน! เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่า หากอยากทาสีบ้านด้วยตัวเองต้องเตรียมตัวจัดการอย่างไร กับ 6 ขั้นตอนง่ายๆ ถ้าทำตามนี้ รับรองว่าได้สีบ้านใหม่ที่สวยเหมือนจ้างผู้รับเหมาแน่นอน
1. ตรวจสอบสภาพพื้นผิวผนังบ้าน
ก่อนที่จะเริ่มลงมือปรับเปลี่ยนสภาพผนังเก่าที่ทรุดโทรม สิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือการสำรวจสภาพพื้นผิวผนังเดิมก่อน เช่น เป็นพื้นผิวปูนเก่า พื้นผิวปูนใหม่ หรือพื้นผิวปูนสด อีกทั้งยังสังเกตด้วยว่าพื้นผิวเดิมมีปัญหาหรือมีจุดไหนควรได้รับการซ่อมแซมหรือไม่ เช่น มีรอยแตกร้าวไหม มีคราบสกปรกมากน้อยแค่ไหน เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนและจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับขั้นตอนต่อๆ ไปได้ อีกทั้งยังช่วยให้เรารู้ปัญหาของผนังบ้าน เพื่อที่จะเลือกสีทาบ้านภายนอกที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานนั่นเอง
2. เตรียมอุปกรณ์ทาสี
นอกจากสีทาบ้านภายนอกที่เราต้องจัดเตรียมแล้ว อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แปรงทาสี ลูกกลิ้งทาสี เกรียง แปรงขัดคราบสกปรก อุปกรณ์ทำความสะอาด ไปจนถึงเทปกาวปิดขอบต่างๆ ก็นับเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรเตรียมให้พร้อมเช่นเดียวกัน ซึ่งอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการทาสีจะมีดังนี้
- ลูกกลิ้งทาสี เหมาะสำหรับใช้ในงานทาสีที่มีพื้นที่บริเวณกว้าง โดยปกติแล้วลูกกลิ้งทาสีจะมีขายทั่วไปตามท้องตลาด และมีให้เลือก 3 ขนาด คือ 4 นิ้ว 7 นิ้ว และ 10 นิ้ว ซึ่งเราสามารถเลือกขนาดที่ถนัดกับมือ หรือจะเลือกจากความเหมาะสมของพื้นผิวที่เราต้องการทาสีได้เลย
- แปรงทาสีบ้าน เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในงานทาสีบ้าน เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่บริเวณจำกัด เก็บงานสี ไม่ว่าจะเป็นตามซอกมุมต่างๆ ที่ลูกลิ้งทาสีไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยแปรงทาสีมีขนแปรงหลายแบบ เช่น แปรงขนดอกหญ้า แปรงขนพลาสติก และแปรงขนสัตว์ และยังมีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 1-5 นิ้ว ซึ่งขนาดที่นิยมใช้งานมากที่สุดคือขนาด 2.5 นิ้ว
- เกรียง เกรียงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะนำมาปาดสีให้มีพื้นผิวเรียบเนียนดูสม่ำเสมอ เกลี่ยรอยโป๊วตามผนังที่ซ่อมแซม สร้างลวดลายตามผนัง หรือจะนำมาแซะปูนเก่าเพื่อปรับพื้นผิวผนังเก่า เป็นต้น โดยเกรียงมีให้เลือกหลายแบบ เกรียงสามเหลี่ยม เกรียงเกลี่ยโป๊ว เกรียงเหล็กทรงเหลี่ยม ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานได้เลย
- เทปกาวและพลาสติกรองพื้น เทปกาวจะนำมาใช้ในการปิดตามขอบประตู ป้องกันไม่ให้สีที่ทาเลอะออกนอกขอบ ส่วนพลาสติกรองพื้นจะใช้เพื่อป้องกันสีทาบ้านภายนอกหยดลงพื้นนั่นเอง โดยเทปกาวต้องมีคุณสมบัติกันซึมและไม่ทิ้งคราบกาวเมื่อต้องลอกออกด้วย
3. เตรียมพื้นผิว ทำความสะอาด และซ่อมแซม
การเตรียมพื้นผิวของผนังบ้านแต่ละประเภทนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นผนังที่ไม่เป็นพื้นผิวปูนใหม่สิ่งที่ต้องดูคือความชื้น แต่ถ้าเป็นผนังเก่าที่ต้องลอกสีออกก่อน ต้องดูว่ามีปัญหารอยแตกร้าว ความชื้น เชื้อรา หรือมีส่วนที่ต้องซ่อมแซมเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนการเตรียมพื้นผิวจะช่วยให้สีทาบ้านภายนอกติดทนและมีอายุการใช้งานคงทนมากยิ่งขึ้น
- ปัญหาสีลอกล่อน ปัญหาสีลอกล่อนเป็นสิ่งที่ผนังเก่าที่เคยผ่านการทาสีมาแล้วต้องพบเจอเป็นเรื่องปกติ ทั้งเกิดจากอายุการใช้งานหรือการเผชิญกับสภาพอากาศ ซึ่งหากต้องการจะลงสีทาบ้านภายนอกใหม่จำเป็นต้องแซะลอกสีเก่าออกและปรับพื้นผิวใหม่อีกรอบก่อน
- พื้นผิวผนังแตกร้าว นับเป็นปัญหาที่พบบ่อยไม่ต่างจากปัญหาสีลอกล่อน เนื่องจากผนังปูนเจอความร้อนและไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ ซึ่งรอยแตกร้าวเกิดได้ตั้งแต่ขนาด 1-10 มล. โดยสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อุดรอยแตกร้าวเพื่อซ่อมแซมและปรับพื้นผิวที่เสียหายก่อน
- คราบสกปรก เชื้อรา ตะไคร่น้ำ ปัญหาเหล่านี้แม้จะทำความสะอาดไม่ยาก แต่ก็นับเป็นปัญหากวนใจหลายบ้าน หากจะเปลี่ยนสีทาบ้านภายนอกใหม่ การลงผลิตภัณฑ์กันเชื้อราก่อนลงสีรองพื้นก็นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญเช่นกัน
4. ทาสีรองพื้นให้เหมาะกับพื้นผิว
ขั้นตอนการทาสีรองพื้นนับเป็นขั้นตอนสำคัญที่สามารถช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับผนังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เชื้อรา สีหลุดล่อนเร็ว อายุการใช้งานสั้น ทำให้สีทาบ้านภายนอกที่เราทาทับลงไปใหม่อยู่ติดทนมากขึ้น โดยสีทารองพื้นจะแยกออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
- สีรองพื้นปูนเก่า เหมาะกับสภาพผนังเก่าที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป
- สีรองพื้นปูนใหม่ เหมาะกับสภาพผนังบ้านใหม่ตั้งแต่ 1 – 3 เดือน
- สีรองพื้นปูนสด เหมาะกับสภาพผนังที่เพิ่งฉาบเสร็จประมาณ 2 – 5 วัน
ซึ่งสีรองพื้นก็มีให้เลือกหลากหลายสูตร ขึ้นอยู่กับสภาพผิวผนัง เช่น สีรองพื้นสูตรน้ำมัน สีรองพื้นสูตรน้ำ และปกติแล้วสีทารองพื้นจะมีให้เลือก 2 สีหลัก คือ สีขาว เหมาะกับพื้นผิวที่ผ่านการซ่อมแซม ใช้เพื่อกลบรอยปัญหาต่างๆ และสีใส เหมาะกับพื้นผิวที่ไม่มีปัญหาและไม่จำเป็นต้องกลบรอย เป็นต้น
5. ลงสีทาบ้านภายนอก
มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือการลงสีทาบ้านภายนอก ก่อนจะลงสีเราแนะนำว่าให้ใช้เทปกาวปิดตามขอบประตู หรือกันพื้นที่บริเวณที่ต้องจะทาสีให้เรียบร้อย และใช้แผ่นพลาสติกรองพื้นเพื่อป้องกันสีเลอะพื้น ใช้ลูกกลิ้งทาสีบริเวณพื้นผิวที่มีขนาดกว้าง และใช้แปรงทาสีเก็บงานตามขอบมุมต่างๆ ที่ลูกกลิ้งทาสีไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยสามารถทาสีทับประมาณ 1 – 2 รอบ แต่ละรอบต้องรอให้สีที่ทาก่อนหน้าแห้งสนิทก่อน ซึ่งหลักการเลือกสีทาบ้านภายนอก สามารถเลือกโดยใช้หลักการ 5 ข้อนี้
- เลือกเฉดสีที่ต้องการ โดยสามารถเลือกโทนสีได้ตามความชอบของผู้อยู่อาศัยได้เลย
- สูตรสีน้ำหรือสีน้ำมัน โดยทั่วไปแล้ว หากพื้นผนังบ้านเป็นคอนกรีต ก็สามารถเลือกใช้ทั้งสองสูตรได้เลย แต่ถ้าเป็นพื้นผิวไม้หรือโลหะ สีน้ำมันจะเหมาะมากกว่า
- เลือกเนื้อฟิล์ม ปกติแล้วเนื้อฟิล์มของสีทาบ้านภายนอกจะมีให้เลือกอยู่ 3 แบบ คือ เนื้อฟิล์มเงา เนื้อฟิล์มด้าน และเนื้อฟิล์มกึ่งเงา โดยแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติต่างกัน
- พิจารณาจากคุณสมบัติของสี เช่น กันเชื้อรา สะท้อนแสงแดด ทนทานต่อสภาพอากาศ
- เลือกจากเกรดของสีทาบ้านภายนอก เพราะสีแต่เกรดมีอายุการใช้งานแตกต่างกัน ตั้งแต่ 3 – 15 ปี ดังนั้นใครที่ไม่อยากต้องทาสีบ้านใหม่บ่อยๆ ก็ควรเลือกสีทาบ้ายภายนอกที่มีเกรดสูงได้เลย
6. เก็บงานและตรวจความเรียบร้อย
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว ขั้นตอนนี้จะต้องรอให้สีทาบ้านภายนอกที่ทาลงไปแห้งสนิทก่อน และเก็บสีตามขอบให้เรียบร้อย โดยปกติแล้วระยะเวลาสีแห้งจะอยู่ที่ 1-3 วัน เมื่อมั่นใจว่าสีทาบ้านภายนอกแห้งเรียบร้อยแล้ว ให้ลอกเทปกาวที่ปิดไว้ก่อนหน้าออก จัดเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อยและตรวจเช็กว่า สีทาบ้านภายนอกที่เราทาไปนั้นตรงตามเฉดสีหรือไม่ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
แม้จะดูเหมือนว่าการทาสีบ้านด้วยตนเองจะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ถ้าหากเราจัดเตรียมอุปกรณ์ครบตั้งแต่เริ่มต้นงาน วางแผนและลงมือทำตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ การทาสีบ้านภายนอกด้วยตนเองก็เป็นเรื่องที่ช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากเลยทีเดียว ส่วนใครที่กำลังวางแผนจะเปลี่ยนสีบ้านใหม่ แต่ยังไม่มีแบบในใจ สามารถเข้าไปหาตัวอย่างหรือดูเทคนิคเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ TOAGROUP ผู้นำเรื่องสีทาบ้าน สีทาไม้ เกรดพรีเมียมคุณภาพสูง พร้อมผลิตภัณฑ์สีอีกหลากหลายชนิด ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคนรักบ้านได้มากที่สุด