เลือกพัดลมไอเย็นอย่างไร? ให้ประหยัดและคุ้มค่า

             เมื่ออากาศร้อนจัด ๆ บางครั้งก็สามารถเปลี่ยนพัดลมธรรมดาให้กลายเป็นพัดลมไอร้อนไปเสียอย่างนั้น หลายคนก็เลยต้องยอมเปิดเครื่องปรับอากาศแทน เพราะพัดลมธรรมดา ไม่สามารถช่วยดับร้อนได้ และแน่นอนว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศ ก็มักจะมากับค่าไฟที่พุ่งกระฉูดในเดือนนั้น ๆ ยิ่งตอนนี้ค่าไฟขึ้นราคาแล้วด้วย จะเปิดทีก็ลำบากใจใช่มั้ยล่ะคะ วันนี้ Homeday ก็เลยอยากแนะนำพัดลมไอเย็นให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ บอกเลยว่าเจ้าตัวนี้ช่วยคลายร้อนได้ดีกว่าพัดลมธรรมดาอย่างแน่นอน แล้วจะเลือกแบบไหนดี ที่จะประหยัดและคุ้มค่าที่สุด อ่านต่อกันที่บทความนี้ได้เลยค่ะ

พัดลมไอเย็นคืออะไร ต่างจากพัดลมไอน้ำและพัดลมธรรมดาอย่างไร?

         พัดลมไอเย็น มีลักษณะการทำงานด้วยใบพัดเช่นเดียวกันกับพัดลมแบบปกติค่ะ แต่จะมีการติดตั้งแผ่นรังผึ้งทำความชื้นที่ด้านหลังตัวใบพัด ตัวแผ่นก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับกระดาษลัง หรืออาจจะเป็นวัสดุอื่น ๆ ตามแต่เทคโนโลยีของแต่ละแบรนด์ โดยเจ้าแผ่นนี้จะมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำเป็นพิเศษ ซึ่งจะรับความชื้นมาจากตัวถังบรรจุน้ำผ่านรางท่อน้ำ ซึ่งทำหน้าที่หยดน้ำเพื่อคงความชุ่มชื้นให้กับแผ่นรังผึ้งตลอดเวลา เมื่อเราเปิดเครื่อง ใบพัดก็จะดูดเอาลมร้อนภายนอกเข้ามายังแผ่นรังผึ้ง ลมที่เบาออกมาโดนตัวเราก็เลยมีอุณหภูมิที่ลดลง และเย็นสดชื่น เพราะได้รับความชื้นจากแผ่นรังผึ้งนั่นเองค่ะ ดังนั้นก็เลยส่งผลให้พัดลมไอเย็น ทำความเย็นได้กว่าพัดลมแบบปกตินั่นเอง ส่วนพัดลมไอน้ำนั้น ก็เหมือนกันกับชื่อเลยค่ะ คือตัวเครื่องจะสามารถพ่นหมอกหรือไอน้ำออกมาจากตัวเครื่องได้ จึงเหมาะที่จะใช้กลางแจ้งมากกว่าห้องที่ปิดค่ะ เพราะอาจจะส่งผลในเรื่องของเชื้อราได้ ส่วนพัดลมไอเย็น แม้ว่าจะไม่ได้พ่นน้ำออกมาเหมือนกันกับพัดลมไอน้ำ แต่ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของความชื้นและเชื้อราภายในห้องเช่นกัน อย่างน้อยถ้าหากจะใช้งาน ก็ต้องเลือกขนาดเครื่องที่มีความเหมาะสมกับขนาดของห้อง และต้องเปิดช่องระบายอากาศอย่างประตูหรือหน้าต่างเอาไว้ด้วย เพราะถ้าเราใช้งานในห้องปิด นอกจากจะเสี่ยงกับเชื้อราและเชื้อโรคแล้ว พัดลมอาจทำความเย็นได้ไม่ดีเท่าที่ควรด้วย เพราะหลักการของตัวเครื่องคือการดึงลมร้อนเข้าสู่ตัว และปล่อยออกมาเป็นลมเย็น หากห้องไม่มีลมร้อนให้เครื่องดูด เครื่องก็จะไม่สามารถปล่อยลมเย็นออกมาให้เราได้นั่นเองค่ะ

พัดลมไอเย็น ใช้งานยุ่งยากหรือไม่?

         การใช้งานพัดลมไอเย็น ไม่ได้เสียบปลั๊กและใช้งานได้ง่าย ๆ เลยแบบพัดลมธรรมดาค่ะ เพราะตัวเครื่องมีถังน้ำที่เราต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำ และคอยเติมน้ำให้ตัวเครื่องอยู่เสมอ รวมถึงเราต้องคอยเปิดตัวเครื่องออกมาทำความสะอาด และคอยตรวจเช็กอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นเครื่องที่อยู่กับน้ำแทบจะตลอดเวลา ดังนั้นก็มักจะมีปัญหาในเรื่องของเชื้อราหรือเชื้อโรคได้อยู่เหมือนกันค่ะ หรืออาจจะมีการรั่วไหลของน้ำได้ หากเกิดการชำรุดเสียหายตามอายุการใช้งาน นอกจากนี้ตัวเครื่องก็ค่อนข้างมีขนาดใหญ่ ถึงจะไม่ได้หนักมากนัก แต่การเคลื่อนย้ายจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง หรือย้ายจากชั้นล่าง ขึ้นไปชั้นบนก็จะค่อนข้างลำบากค่ะ แต่หากเคลื่อนย้ายไปมาภายในห้องที่อยู่ในชั้นเดียวกัน ถือว่าสะดวกกว่าพัดลมธรรมดาค่ะ เพราะส่วนใหญ่พัดลมไอเย็นจะมีล้อมาให้ สามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายดายค่ะ

เลือกซื้อพัดลมไอเย็นอย่างไรให้ประหยัดแล้วคุ้มค่า?

          พัดลมไอเย็น แม้ว่าจะมีคุณสมบัติที่สูงกว่าพัดลมธรรมดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกินไฟมากกว่านะคะ ความจริงแล้วทั้งพัดลมไอเย็นและพัดลมธรรมดา กินไฟอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่า ถ้าจะเอาให้เย็นกว่า ใช้พัดลมไอเย็นไปเลยก็ได้ค่ะ ค่าไฟไม่แพงขึ้นแน่นอน และถ้าอยากคุ้มค่า ซื้อมาแล้วไม่เสียของ อย่าลืมเช็กระยะการทำความเย็นให้ตรงกับขนาดของห้องที่เราจะใช้งานด้วยนะคะ ถ้าเราซื้อพัดลมไอเย็นเครื่องเล็กที่มีความสามารถในการกระจายความเย็นได้เพียงไม่กี่เมตรในห้องที่มีเนื้อที่กว้างมาก ๆ พัดลมไอเย็น อาจจะกลายเป็นแย่กว่าพัดลมธรรมดาเสียอีก ดังนั้นเราต้องเลือกซื้อขนาดของพัดลมไอเย็นให้สอดคล้องกับขนาดของห้องที่เราจะใช้งาน เพื่อให้ตัวเครื่องได้ทำงานอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ จึงจะถือว่าคุ้มค่ากับราคาเครื่องและค่าไฟที่ต้องจ่ายค่ะ อย่าลืมเปรียบเทียบการกินไฟของแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่นที่มีขนาดใกล้เคียงกันด้วยนะคะ จะได้ได้เครื่องที่ประหยัดและคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก

         เพียงเท่านี้ เราก็สามารถเลือกพัดลมไอเย็นให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัด และคุ้มค่าแล้วล่ะค่ะ ใครที่กำลังสนใจอยากซื้อพัดลมไอเย็นสักเครื่อง ก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ รับรองว่ามีติดบ้านไว้สักเครื่อง จะช่วยเราได้อย่างมาก ในช่วงฤดูและสภาพอากาศที่ร้อนจัด แถมยังประหยัดไฟไปได้มาก ไม่ต้องเปิดแอร์ก็อยู่ได้สบายค่ะ ตัวเครื่องทำความเย็นได้ค่อนข้างดีเลย อาจจะไม่เทียบเท่าแอร์ แต่ดีกว่าพัดลมธรรมดาอย่างแน่นอน ใครที่ขี้เกียจ ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเครื่อง ก็อาจจะต้องพิจารณาสักเล็กน้อย เพราะอาจจะเป็นการทำให้เครื่องเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นนั่นเอง

Related posts:

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด