การลงทุนคอนโด ปี 2567

“ทำไมต้องปี 2567?”

หากบอกว่าอีกหน่อย “การลงทุนคอนโดจะเปลี่ยนไป” เพราะคำว่า “รถไฟฟ้าได้ถือกำเนิดจนครบลูป” เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว(ต่อขยาย), สีน้ำเงิน(ต่อขยาย),สีแดง ,สีชมพู ,สีเหลือง บลา บลา บลา.. แล้วสายอนาคตที่อยู่ขั้นตอนมติ ครม. อีกหลายสายด้วยเช่นกัน แต่! มีอยู่ 1 สาย! ที่บอกเลยว่า “สุดพีค” นั้นก็คือ

เนื่องด้วยแผนเปิดตัวชุดแรกในปี 2567 และจะเป็นเส้นรถไฟฟ้าที่จะมาเคลียร์ทุกความขัดแย้งกับการตัดเชื่อมสถานี Interchangeไปเบาๆซะ 8 สถานี! และเป็นการเชื่อมกรุงเทพฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้กลายมาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันอย่างแท้จริงอีกด้วย แล้วสถานี Interchange ที่ว่ามีสถานีอะไรกันบ้าง? แอดสรุปมาให้แล้วจ้า ดังนี้

สายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) กำหนดแล้วเสร็จปี 2566

1. สถานีมีนบุรี (OR28) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู (อนาคต) กับสถานีมีนบุรี (PK30)

2. สถานีลำสาลี (OR20) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (อนาคต) กับสถานีแยกลำสาลี (YL9)

3. สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ (OR13) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ปัจจุบัน) กับสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ (BN1)

สายสีส้มตะวันตก (ตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรมฯ) อยู่ระหว่างข้อสรุปตามมติ ครม. (ยังไม่มีกำหนด)

4. สถานีราชปรารภ (OR9) : Interchange กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ (ปัจจุบัน) กับสถานีราชปรารภ (A7)

5. สถานีราชเทวี (OR7) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ปัจจุบัน) กับสถานีราชเทวี (N1)

6. สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (OR4) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (อนาคต) กับสถานีผ่านฟ้า (N/A)

7. สถานีศิริราช (OR2) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (อนาคต) กับสถานีศิริราช (N/A)

8. สถานีบางขุนนนท์ (OR1) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ปัจจุบัน) กับสถานีบางซื่อ (BN9)

จากภาพปลากรอบ(ประกอบ) ต้องสารภาพตามตรงว่า ปี 2567 นี้ยังไม่สุดน่ะ! เพราะมีเพียงสายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) ที่จะนำผู้บริโภคที่เจริญแล้วในบริเวณถนนเส้นรามคำแหง เข้า-ออกเมืองได้ง่ายขึ้นนั้นเอง

แต่! เส้นที่แอดรอมากกว่า คือ สายสีส้มตะวันตก (ตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรมฯ) เนื่องด้วยจะเป็นตัวเชื่อมเส้นเมืองเข้าหากันนั้นเองน่ะ แถมมีอุโมงค์ในตำนานอย่าง “ช่วงสถานีศิรีราช-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” ที่จะเป็นรถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาสายที่สองต่อจากรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บาง นั้นเองครับ ไอหย่ะ! แอดอยากไปลองหมุดใต้น้ำมองเห็นตัวปลาซะครั้งในชีวิตครับ! ฮ่าๆ

กลับมาเรื่องของเรากันต่อเถอะ! สรุปแอดจะสื่ออะไร? จะบอกว่ารถไฟฟ้าสีส้มมันดีใช่ไหมล่ะ? แล้วไงแจ๊ะ! ฮ่าๆ เอางี้สรุปเลย! จริงๆที่เล่ามามันแค่เกริ่นให้เห็นภาพ แต่คีย์หลักคือ “สายสีส้ม” มันจะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้ :

“การเชื่อมรถไฟฟ้าครบลูป”

และมันเกิดขึ้นจริงแบบไม่อิงนิยายด้วยน่ะจ๊ะ! และเมื่อมันครบลูป การลงทุนคอนโดมันจะถูกขยายไปกว้างมากขึ้น กับแม่เหล็กใหม่ที่จะเริ่มกระจายไปทั่วกรุงเทพฯทั้งในและนอก รวมถึงต่างชาติที่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ และมีโอกาสจะขยับขยาย ไม่อยู่แถวอโศก-ทองหล่อก็เป็นได้ ซึ่งวันนี้แอดจะพาทุกคนไปช่วยทำนายอนาคตอีก 6 ปีข้างหน้าไปพร้อมๆกันกับแอดเลยครับ :

มีหลายผู้เชี่ยวชาญบอกว่า “คอนโดตัวเมือง Never Die” ใครที่ถือที่ดินมารอขาย ก็พร้อมจะมี Dev. รอช้อนกันอย่างไว ต่อให้ราคาจะหนักหน่วงเท่าไรก็ตาม เพราะเชื่อในเรื่องของ %Cap Gain ที่มันโตและดีกว่า หรือจะเรียกง่ายๆว่า มันคือทำเลที่ “ไม่ต้องลุ้น” จะเลือกซื้ออยู่เองหรือลงทุนระยะยาวก็ได้หมด ซึ่งจริงๆแอดเห็นด้วยน่ะ แต่พอเรามาลง Detail กันหน่อยๆเกี่ยวกับเรื่อง :

“กำลังซื้อเพื่อลงทุนคอนโดตัวเมืองในอนาคต”

จะเป็น Target Group แบบไหนดีเน้อ? ก็ตอบเลยว่าสำหรับ “คนมีตัง” ซึ่งโดยเฉลี่ยก็ยังมีไม่ถึง 10% ของประเทศปัจจุบันเนอะ หรือถ้าให้แอดนับกลุ่ม “Millionaire” หรือ กลุ่มรวยเร็วจากธุรกิจออนไลน์หรือทำธุรกิจส่วนตัวก็ดี ที่สามารถบรรลุการสร้างเงินออนไลน์จนสำเร็จวิชาขั้นสุดยอดได้ก็จริง

แต่! มันก็ยังเป็นคนกลุ่มน้อยเช่นเดิมอยู่ดีเนอะ ซึ่งแอดยอมรับว่า “เด็กสมัยนี้รู้จักการลงทุนมากขึ้น” และเริ่มที่จะศึกษาลงทุนตั้งแต่วัยมหาลัยกันเลยทีเดียว! แล้วถามต่อ? จะเอาเงินมาจากไหน? ตอบเลยว่าา.. ไหม้รู้จ้า ฮ่าๆ ดังนั้น “การลงทุนคอนโดราคาไม่สูง” สำหรับการเริ่มต้นมีอสังหาฯ ซะแท่งมันต้องมา และจะเลือกการลงทุน :
“คอนโดนอกเมือง ติดรถไฟฟ้าอนาคต ในระยะเดิน”

นี้คือข้อสรุปของข้อที่ 1 ของแอดนั้นเองจ้า.. เพราะแอดเป็นคนนึ่งที่ไม่ได้มีทุนมากน่ะ แต่ก็คิดจะสร้าง Passive เหมือนคนอื่นนั้นล่ะ ดังนั้นการได้ฟังไอเดียของทุกยุคที่แตกต่าง มันทำให้เรานำมาวิเคราะห์เป็นสไตล์ตัวเองมันก็สนุกดีเช่นกันเนอะ

จากข้อที่ 1 อนาคตคอนโดตัวเมืองจะยิ่งใหญ่ก็จริง! พร้อมกับแม่เหล็กที่รอการปล่อยของในหลายๆพื้นที่ผังเมืองสีแดงก็ดี ซึ่งแอดไม่กล้าเถียงแน่นอนว่าคอนโดตัวเมืองไม่ดี! แต่รู้ไหมว่าการลงทุนคอนโดและได้กำไรจากมัน มันมีสเต็ปง่ายๆ ของการสร้างเงินจากอสังหาฯ 3 ลำดับขั้นตอน คือ

ลงทุนคอนโดราคาต่ำกว่าตลาด
ปล่อยเช่าคอนโดให้เป็นบวก
ขายคอนโดเมื่อราคาขึ้น

จบคอร์สจ้า!! ฮ่าๆ สุดท้ายศึกษามาแทบตาม สรุปก็ทำวนอยู่ 3 ข้อนี้ล่ะครับ! ถถถ+ แต่มันพีค! ข้อไหนรู้ไหม? นั้นก็คือข้อ 2.3 ที่บอกเลยว่าเป็นหัวใจของการลงทุนคอนโดเลยก็ว่าได้ ไอ้พวกข้อ 2.1 และ 2.2 มันเป็นเรื่องการเจรจาล้วนๆ เน้นคุยดีๆ คนขายหัวร้อนหน่อย! เอ้ย! ของร้อน! (หรือรีบขาย) 555 ก็ได้ค่าหนมรายเดือนมาแล้ว เฉลี่ยต่อปีได้บวกเดือนล่ะ 2-3 พันนี้ก็ถือว่า WIN-WIN ในการลงทุนแล้วจ้า
แต่ข้อ 2.3 นี้สิคือข้อยาก! ที่ถ้าสมมุติเราคิดลงทุนกับคอนโด 5-10 ล้านบาท! แล้วอนาคตเมื่อเราจะขายออก? เราจะขายใครล่ะ? ซึ่งแอดก็มองว่ามีแค่ 2 กล่มใหญ่ๆ คือ

“คนรวยประมาณ 10% และนักลงทุนต่างชาติ”

ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งคือช่วงนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะมีเพื่อนบ้านคือ “นักลงทุนต่างชาติ” มาในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ กับภาษาที่ควรเรียนคือ “ภาษาจีน” ที่ทุกวันนี้แอดก็พูดไม่ได้555 แถแต่ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆไปครับ

สำหรับ LOT แรกที่ปล่อยมาคือ “คนรวยจีน” ซึ่งเค้าทุนเยอะ การลงทุนกับคอนโด Segment 5-10 ล้านบาท มันคงไม่ทำให้รู้สึกคันๆเท่าไร555 แต่อนาคตกับนักลงทุนใหม่ๆ LOT 2 และ 3 และ บลา บลา.. บอกเลยว่า “เริ่มคิดเยอะ” พอคิดเยอะเท่านั้นล่ะ! บวกกับรถไฟฟ้ามันทั่วถึงกันหมดแล้วล่ะก็.. หึๆ แก๊เตรียมตัวเจอพี่จีนหรือนักลงทุนต่างชาติ กระจายล้อมประเทศไทยอีกครั้ง! เป็นสงครามกลางเมืองกันเลยทีเดียว ฮ๋าๆ
นั้นก็คือ ต่างชาติจะเริ่มหันไปลงทุนพื้นที่นอกเมืองมากขึ้น และทำให้คอนโดตัวเมืองเหลือผู้ที่จะมาหวังซื้อต่อมือ 2 น้อยลง บวกกับแม่เหล็กใหม่เริ่มไม่มีขึ้นแล้วด้วย เพราะพื้นที่อาจจะเริ่มเต็ม การมาหวัง %Cap Gain บนตัวเมืองก็จะเริ่มอิ่มตัว และขึ้นอย่างช้าๆ สุดท้ายนักลงทุนก็เลือกที่จะ “ลดราคาขาย” กันไปเองและจบด้วยสภาพของ “การซื้อเท่าทุนกับขาดทุน” กันไปนั้นเองครับ น่าสนุกไหมล่ะ? หึๆ

ลองมาลุ้นอนาคตไปพร้อมๆกันกับแอดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงไหมครับ ซึ่งไม่นับปัจจุบันที่ช่วงนี้ “ยังซื้อขายเปลี่ยนมือ” กันได้น่ะเอ่อ.. หรือถ้าลองไปดูสถานการณ์บนเส้นสีลมดูครับว่า “คำว่าการอิ่มตัว” มันเป็นอย่างไร? ซึ่งปัจจุบันเน้นเป็นการเก็บ Asset ไว้และปล่อยเช่าต่างชาติ มากกว่าการเล่นสั้นเพื่อ %Cap gain ที่โตก็เป็นได้เนอะ

มาขยายความเพิ่มเกี่ยวกับคำว่า “ต่างชาติบุกไทย” กันอีกซะหน่อย แล้วทำไมต้องประเทศไทยรู้ไหม? ซึ่งให้แอดพูดตรงๆแบบนายกตู๋ไม่มาเรียกแอดไปปรับทัศนคติน่ะ555 นั้นก็คือ “กฎหมายประเทศไทยยังอ่อน” แต่มันไม่ได้หมายความว่า การศึกษาเรื่องกฎหมายไทยไม่ดีน่ะ หลักสูตรมันเหมือนกัน แต่! การนำไปใช้ มันไม่ศักดิ์สิทธิ์พอนั้นเองจ้า และเมืองต่างชาติเก่งๆ ที่เค้าก็รู้เรื่องกฎหมายมาอย่างดีเค้ามองเห็น

“ช่องว่างของกฎหมายเพื่อการทำเงิน”

หรืออาจจะเป็นสิ่งที่กฎหมายไทยมี แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดนั้นเอง หรือการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันยังมีอยู่จริง ฯลฯ เหมือนแอดจะพูดไปเรื่อยน่ะ! ไหนเอาปริญญามาโชว์สิ ฮ่าๆ แอดไม่มีหรอกจ๊ะ! แต่สิ่งพวกนี้มันเป็น “ภาพรวม” ที่คนทั่วๆไป ที่พอนึกถึงคำว่ากฎหมายไทยก็พอเดาเกมส์ได้ใช่ไหมล่ะ ชิชะ! ฮ่าๆ

คำว่า “ต่างชาติอยู่ทุกที่” ก็คือตามแนวรถไฟฟ้าที่มีแหล่งแม่เหล็กที่กำลังงอกนอกเมืองนั้นล่ะครับ แต่เดี๋ยว! อย่าพึ่งมองไปไกลน่ะ! เส้นรถไฟฟ้านอกเมืองที่ว่า แอดก็ยังมองว่าเป็นช่วงระยะห่างประมาณ 5-10 กิโลเมตร จากตัวเมืองหรือแหล่ง CBD นั้นล่ะครับ
ดังนั้นใครคิดจะไปลุยลงทุนแบบโครตชานเมืองเนี้ย! กับรถไฟฟ้าที่อยู่ในระหว่างรอมติ ครม. เนี้ย! แก๊รีบกลับมาลงทุนใกล้ๆ เดี๋ยวนี้น่ะเอ่อ!! 555 ความเจริญมันยังไปไม่ถึงน่ะครับพี่น้องครับผม!!

ซึ่งมันรวมถึงต่างชาติ LOT 2 และ 3 และอีกมากมายในอนาคตเค้าก็เลือกลงทุน “ของถูกที่มีอนาคต” และเป็นสิทธิ์ที่จะได้เลือกล่ะ เช่น เดินทางเพิ่มขึ้นซะ 5-10 นาที แต่ค่าเช่าลดลง 20,000 บาท/เดือน อืม.. มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ..

คนล่ะอพาร์ทเม้นต์น่ะ แอดแปะเอาฮ่าเฉยๆ 555 ใครๆ ก็บอกว่าถ้าหวัง %Yield สูงให้ลงทุนอพาร์ทเม้นต์ กับอพาร์เม้นต์ทำเลดีที่จะทำให้ได้ Yield 8% ขึ้นอย่างง่ายดายใช่ไหมล่ะ แอดก็คิดน่ะ.. ถ้าสมมุติให้เราเลือกห้องพัก 2 ห้อง ในทำเลเดียวกันระหว่าง :
“ห้องเก่า 20 ปี ค่าเช่า 6,000 บาท กับห้องใหม่ 4 ปี ค่าเช่า 7,500 บาท”
จะเลือกเช่าอันไหนดีล่ะ? และเชื่อหรือไม่? ว่าปัจจุบันก็ยังคงมีการสร้างอพาร์ทเม้นต์ใหม่เกิดขึ้นในหลายๆทำเลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ผิดหรอก คนเราคิดได้หลากหลายมุมมองเนอะ เพราะคำว่า :
“ต้นทุนมันถูกกว่าคอนโดเยอะ”
นั้นล่ะ มันถึงน่าลงทุนอพาร์ทเม้นต์ก็เป็นได้ ร่วมถึงการวาง Segment ให้ถูกต้องในแต่ล่ะกำลังซื้อด้วยเช่นกันครับ พอต้นทุนมันถูก กำไรเยอะไงล่ะ ซึ่งจริงๆมันต่างจากโรมแรมน่ะ สมมุติโรงแรมเก่า 20 ปี ทุกวันนี้ทำไมมันยังดูดี! สิ่งแรกเลยคือเรื่องของ “เครดิตนักท่องเที่ยว” ที่เค้าให้ความเชื่อถือกับโรงแรมมากกว่าอพาร์ทเม้นต์ ทำให้ Agoda หรือ Trivago เป็นตัวช่วยในการสร้างเงินหมุนให้กับเจ้าของโรงแรม ที่พอจะนำเงินกำไรและนำมา :

“สร้างเงินหมุนเพื่อปรับปรุงโรงแรมให้ดีขึ้น”
ซึ่งตรงกันข้ามกับอพาร์ทเม้นต์ 20 ปี! เมื่อถึงเวลาอันสมควรกับความแก่ที่รอการย่อยสลาย จากช่วงวัยหนุ่มอายุ 1-5 ขวบแรกคงไม่กระทบชีวิตเท่าไร ถึงแม้จะคอนโดใหม่ขึ้นข้างๆ ก็ไม่หวั่น ความห้าวเป้งมันยังมี! ฉันคืออพาร์มเม้นต์ถูกเว้ย! ค่าเช่าถูกกว่าคอนโดแก๊อีก! ทำเลไม่ต่างกัน! ใครไปเช่าคอนโดเนี้ย ถือว่าคิดสั้นน่ะจ๊ะ! ฮ่าๆ แอดก็กวนเค้าไปเรื่อยย!

แต่พอเริ่มแก่ อพาร์ทเม้นต์เริ่มเก่า สิ่งอำนวยความสะดวกอะไรก็ไม่มี ผู้เช่าก็เริ่มหนีไปบ้าง จะใช้มุกแบบโรงแรม ไปปล่อยอพาร์ทเม้นต์ในเวป Agoda หรือ Trivago บ้างที ก็แลดูไม่น่าสนใจแบบการเช่ารายวันหรือรายเดือนใช่ไหมล่ะ.. พอผู้เช่าเริ่มหายกับตึกเริ่มเก่าก็เข้าโหมดของ “การขายทิ้ง”

ซึ่งถ้าไหวตัวทัน ก็ยังพอมีนักลงทุนที่เค้ามองเห็นศักยภาพเรื่องทำเลมาซื้อต่อและปรับปรุงตึกให้ดูดีขึ้นได้เนอะ แต่สุดท้ายเมื่อครบ 20 ปี แอดบอกเลยว่า “อยู่ยากขึ้น” ทำไมน่ะเหรอ? ให้นึกถึง “ผู้บริโภคในอนาคต” อย่างเด็กยุค GEN Z ที่จะเป็น “ผู้เช่าอยู่” จะชอบแบบไหนมากกว่ากันครับ

ทุกวันนี้ยุค GEN Y ถ้าจะเลือกเช่าอยู่ ไม่มีส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก เดินทางลำบาก เค้าก็เริ่มไม่เอาแล้วน่ะ! บางทียังยอมจ่ายแพงเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวกสบายก็มีจ้า

ดังนั้นสรุปว่า อพาร์ทเม้นต์ไม่ดีใช่ไหม? บอกเลยว่าตอนนี้ “ยังไม่สรุป” แต่อนาคตไม่แน่น่ะครับผม! ให้นึกภาพหนัง Sci-fi ในยุคอนาคต และมีตึกเก่าตั้งตรงกลางชุมชนเมืองกับสไตล์การใช้ชีวิตของยุค GEN Y และ Z ที่มันชอบอะไรไวๆ กับเทคโนโลยีทันสมัย ดูอีกทีเนอะ! นั้นล่ะคือคำตอบครับ

ปัจจุบัน (Aug-61) โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EASTERN ECONOMIC CORRIDOR) มันเป็นอะไรที่ซื้ออนาคตกันเช่นเดิม และมันแลเหมือนจะ Over-Supply กันหน่อยๆน่ะ แล้วทำไมมันถึงเป็นอย่างงั้นล่ะ? ทั้งๆที่มีแผนพัฒนาตั้งมากมายที่รอการปล่อยของ

ซึ่งสรุปง่ายๆคือ “ก็มันยังสร้างไม่เสร็จ” ยังไงล่ะแก๊! แต่สื่อนำไปก่อน 2-3 ปี กันแล้วเนอะ! เพื่อบอกให้นักลงทุนเค้ามาซื้ออนาคตกันครับ ซึ่งรวมไปถึง Dev. ที่แห่มาขอขันหมาก จับจองซื้อที่ดินราคาถูกจากชาวบ้านบริเวณรอบข้างด้วยเช่นกัน กับทำเลที่ต้องจินตนาการ ว่า ECC มันจะเกิดบริเวณนี้ ถ้าฉันลงทุนตรงนี้ บอกเลยว่า “รวยเกิ๊น!” ก็เป็นได้ไงล่ะครับ งานหลอกตัวเองต้องมาซะพัก555

แต่พอตัดภาพมาโลกแห่งความเป็นจริง! Supply ที่เกิดขึ้นนับวันนี้ มันไม่รองรับ Demand ที่มันกำลังคืบคลานมาอย่างช้าๆ จนห้องพักที่สร้าง ถึงแม้จะราคาขายจะไม่สูงก็จริง แต่มันก็ล้นเกินตลาดไปแล้วครับ

 

แต่! (อีกแล้ว) เมื่อถึง 2567 ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรถไฟฟ้าสีส้ม แต่เรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะเชื่อมโซน กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง มันจะทำให้การลงทุนบริเวณนี้มันยิ่งใหญ่มากขึ้นนั้นเองก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรจะสนใจต่อ คือ

“การเลือกเวลาการลงทุนที่เหมาะสม”

นั้นเองครับ โดยต้องให้ ECC มันจะเกิดขึ้นจริงๆก่อนเนอะ หรือต้องเห็นการตอกเสาเข็มในพื้นที่ให้ชัดๆกันไปเลย! แล้วเมื่อถึงเวลานั้นก็ให้บวกไปอีกซะ 2-3 ปี ค่อยทำการถอยหรือลงทุนโครงการในทำเลที่สามารถเชื่อมได้ทั้งสนามบิน รถไฟฟ้าความเร็วสูง แหล่งพักผ่อน นั่งชิว ฯลฯ ให้มันได้ความสะดวกในระยะที่เดินทางได้ง่ายนั้นล่ะครับ

สรุป : “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง” ควรศึกษาการลงทุนจากแหล่งที่มีการเติบโตด้วยน่ะจ๊ะ! ซึ่งปัจจุบันรถไฟฟ้าเกิดขึ้นจริงแน่นอนเนอะ แต่กว่าจะผลิดอกออกผลก็อย่างเร็วปี 2567 นั้นล่ะ! ซึ่งมันคงส่งผลให้เห็นภาพแค่ 50-60% เท่านั้น

ถ้าจะให้ได้เหมือนแบบพี่ยุ่นที่เค้าครบลูปจริงๆน่ะ คงต้องรอไปเลย 15-20 ปีครับ! ก็เป็นได้ครับ ก็นึกดูสิ! กว่าพี่ยุ่นจะได้ขนาดนี้! เค้าคิดเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดินเชื่อมให้ครบลูปมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว และกว่าเค้าจะสร้างเสร็จก็ไม่ใช่แปบเดียวใช่ไหมล่ะ แต่ดีที่ประเทศญี่ปุ่น “เค้าร่วมมือร่วมใจกัน” กันดีกว่าประเทศไทยด้วย ทำให้ไม่ค่อยล่าช้าเท่าไรเนอะ

ส่วนประเทศไทยน่ะเหรอ555 หึๆ อย่าให้เหลาเยอะ! มันเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วจ้า ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรครับ เพียงแค่ว่าเด็กยุคใหม่อย่างเรา “ยอมรับไม่ได้” และพยายามจะเปลี่ยนแปลงมันด้วยระบบ “Social” นั้นเองครับผม

แล้วแอดจะบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไม? ก็ทุกวันนี้เราอยู่กับเรื่องของ “กระแส” ไงน่ะจ๊ะ! สิ่งที่ต้องทำคือ ตามให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเนอะ และอนาคตบอกเลยว่า “สิ่งปลูกสร้างเพื่อพักอาศัยใหม่ๆ” ที่เกิดมันต้องเป็นการออกแบบ Universal Design ให้สอดคล้องกับยุค Millennials ที่เป็นกลุ่มที่พร้อมจะปรับเปลี่ยน คล่องตัว สร้างสรรค์ และต้องการความจริงใจ มาเป็นลำดับแรกๆเนอะ

แล้วเมื่อปัจจัยทุกอย่างมันมาครบทั้งรถไฟฟ้า, แหล่งแม่เหล็กใหม่, ECC และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มันจะทำให้การลงทุนอสังหาฯ และการสร้างคอนโดใหม่ในอนาคตนั้นเปลี่ยนแปลงไปนั้นเองครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด