บลจ.กสิกรไทย ชู 3 กลยุทธ์มุ่งสู่การเป็น Trusted Asset Manager ผู้นำด้านกองทุนที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุนไทยเป็นอันดับ 1 พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและคู่ค้า โดยวางรากฐานทุกกระบวนการทำงานเพื่อสรรค์สร้างอนาคตการลงทุนอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ไว้ที่ 2 ล้านล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2570

นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ร่วมแถลงวิสัยทัศน์เพื่อมุ่งสู่การเป็น Trusted Asset Manager ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกองทุนที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุนไทยเป็นอันดับ 1 ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) Enhance Customer Experience ยกระดับประสบการณ์ด้านการลงทุนผ่านแนวทางการบริหารพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio พร้อมอัพเดทสถานการณ์การลงทุน มีข้อมูลเชิงลึกให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์ 2) Collaboration with Distributors & Partners เสริมแกร่งความร่วมมือผ่านธนาคารกสิกรไทย และตัวแทนผู้สนับสนุนการขาย เพื่อขยายฐานลูกค้า พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกทั้ง J.P. Morgan Asset Management และ Lombard Odier เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ 3) Productivity Enhancement การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้ง AI และ Robotic Process Automation (RPA) มาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ให้แตะระดับ 2 ล้านล้านบาทภายใน 3 ปี (พ.ศ. 2568-2570)
นายวินกล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานโดดเด่นในปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกองทุนรวมของไทย ด้วยการครองอันดับ 1 ในด้านมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) และมีสัดส่วนกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ 4 หรือ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์มากที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการกองทุน และความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าที่สร้างพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) เพิ่มขึ้นจาก 48,000 ราย เป็น 100,000 ราย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อ บลจ.กสิกรไทย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนรวม
“บลจ.กสิกรไทย ประเมินสถานการณ์การลงทุนจากทั่วโลกยังคงมีความไม่แน่นอน โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกอิงจากสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงจากนโยบายรัฐบาลของทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดกลับมาอยู่ในโหมดเฝ้าระวัง อย่างไรก็ดี Fed มีแนวโน้มดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยมองว่ามีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในช่วงกลางปี และอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี
สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอยู่ในกรอบ 2.4-2.7% ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 2.5% ทั้งนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยน่าจะเข้าใกล้จุดต่ำสุดแล้ว โดยซื้อขายในระดับที่ถูกมากเมื่อเทียบกับในอดีต ด้วย Forward PER 12.93 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังที่ 15.88 เท่า อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนควรติดตามมาตรการระยะสั้นที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้นไทย ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย มองว่ายังมีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในปีนี้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้ไทย โดยคาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 2.00-2.30%” นายวินกล่าว
จากสภาวะตลาดทั่วโลกที่ยังมีความผันผวน ผู้ลงทุนจึงควรให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงขาดทุนจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาดได้ โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนแบ่งสัดส่วนการลงทุนออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1: Core Portfolio เน้นลงทุนเสริมพอร์ตให้เติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยแนะนำกองทุน K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-WPULTIMATE ในสัดส่วนประมาณ 70-80% ของพอร์ต ส่วนที่ 2: Satellite Portfolio เน้นลงทุนเพื่อโอกาสทำกำไรในระยะสั้น โดยแนะนำกองทุน K-GSELECT, K-USA, K-GTECH, K-VIETNAM, K-PROPI ในสัดส่วนประมาณ 20% ของพอร์ต และส่วนที่ 3: Liquidity เน้นลงทุนเสริมสภาพคล่อง เพื่อโอกาสทำกำไรที่ได้มากกว่าเงินฝาก ในขณะเดียวกันยังสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ภายใน 1-2 วันทำการ โดยแนะนำกองทุน K-SF, K-SFPLUS, K-FIXED, K-FIXEDPLUS ในสัดส่วนประมาณ 10% ของพอร์ต
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย มีจำนวนผู้ลงทุนผ่านช่องทางดิจิทัลทั้ง K-PLUS และ K-My Funds คิดเป็นสัดส่วน 89% จากจำนวนผู้ลงทุนทั้งหมด และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ในทุกช่องทางรวมได้เป็นจำนวนกว่า 500,000 ราย (
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน