KAVE playground

Yield คืออะไร? ทำไมมันสำคัญต่อนักลงทุนและวิธีคำนวณที่คุณต้องรู้

Yield หรืออัตราผลตอบแทนเป็นตัวแปรสำคัญในระบบเศรษฐกิจที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ ไม่น้อยไปกว่าปัจจัยอื่นๆ อย่างเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ บทความนี้จะอธิบายความหมาย ประเภท และวิธีการคำนวณ Yield ที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาดและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า

ความหมายของ Yield ที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจ

Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยแสดงผลในรูปของเปอร์เซ็นต์ต่อปี ผลตอบแทนนี้อาจหมายถึงผลตอบแทนที่แน่นอนหรือผลตอบแทนที่คาดการณ์ว่าจะได้รับ ขึ้นอยู่กับความผันผวนของสินทรัพย์ที่ลงทุน

ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป เช่น การลงทุนในหุ้นจะได้รับผลตอบแทนในรูปของ “เงินปันผล” การลงทุนในตราสารหนี้จะได้รับ “ดอกเบี้ย” และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะได้รับ “ค่าเช่า”

นอกจากนี้ Yield ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในอนาคตได้ เช่น ในช่วงที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก อาจบ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มที่ธนาคารกลางอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ประเภทของ Yield ที่นักลงทุนควรรู้จัก

การทำความเข้าใจประเภทของ Yield จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์และเปรียบเทียบการลงทุนได้อย่างเหมาะสม Yield มีหลายประเภทที่สำคัญ ดังนี้

อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน (Current Yield)

Current Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างง่าย คำนวณจากผลตอบแทนต่อปีที่ได้รับเทียบกับราคาในตลาดหรือต้นทุนที่ซื้อมา สูตรคำนวณคือ:

อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน = (ผลตอบแทนต่อปี ÷ ราคาตลาด) × 100%

อัตราผลตอบแทนประเภทนี้ไม่ได้คำนึงถึงมูลค่ากระแสเงินสด ส่วนต่างราคา หรือผลตอบแทนจากการนำดอกเบี้ยไปลงทุนต่อ จึงเป็นการคำนวณที่ง่ายแต่อาจไม่สะท้อนผลตอบแทนที่แท้จริงในระยะยาว

อัตราผลตอบแทนคำนวณถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน (Yield to Maturity)

Yield to Maturity คือ อัตราผลตอบแทนที่คำนวณตั้งแต่วันที่ซื้อไปจนถึงวันที่ครบกำหนดไถ่ถอน เป็นอัตราผลตอบแทนที่นิยมใช้มากที่สุดในตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ราคาซื้อ ราคาไถ่ถอน ระยะเวลาถือครอง และดอกเบี้ยที่ได้รับระหว่างทาง

สูตรคำนวณมีความซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของตราสารหนี้แต่ละประเภท จึงมักใช้โปรแกรมคำนวณหรือเครื่องคิดเลขทางการเงินช่วยในการคำนวณ

วิธีการคำนวณ Rental Yield ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์

สำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ Rental Yield เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ประเมินผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งมีวิธีคำนวณแตกต่างกันไป

วิธีคำนวณ Gross Rental Yield

Gross Rental Yield หรืออัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าเบื้องต้น เป็นวิธีคำนวณที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ด้วยเงินสดทั้งจำนวน โดยไม่ได้กู้ยืมจากธนาคาร สูตรคำนวณคือ:

Gross Rental Yield (%) = (ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้ต่อปี ÷ ราคาอสังหาริมทรัพย์) × 100

ตัวอย่าง: หากคุณซื้อคอนโดในราคา 3,500,000 บาท และปล่อยเช่าในราคาเดือนละ 30,000 บาท โดยผู้เช่าจะอยู่เป็นเวลา 12 เดือน
ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี = 30,000 × 12 = 360,000 บาท
Gross Rental Yield = (360,000 ÷ 3,500,000) × 100 = 10% ต่อปี

วิธีคำนวณ Net Rental Yield

Net Rental Yield หรืออัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าสุทธิ คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ เช่น ค่าส่วนกลาง ค่านายหน้า ค่าบำรุงรักษา สูตรคำนวณคือ:

Net Rental Yield (%) = [(ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้ต่อปี – ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายปี) ÷ ราคาอสังหาริมทรัพย์] × 100

ตัวอย่าง: หากคุณซื้อคอนโดในราคา 2,000,000 บาท ปล่อยเช่าเดือนละ 15,000 บาท มีค่าส่วนกลางเดือนละ 1,250 บาท (ปีละ 15,000 บาท) และเสียค่านายหน้าหาผู้เช่า 15,000 บาท
Net Rental Yield = [(15,000 × 12) – (15,000 + 15,000)] ÷ 2,000,000 × 100 = 7.5% ต่อปี

วิธีคำนวณ Cash-on-Cash Rental Yield

Cash-on-Cash Rental Yield หรืออัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าจากเงินสดในรอบปี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่กู้ยืมเงินจากธนาคารมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ สูตรคำนวณคือ:

Cash-on-Cash Rental Yield (%) = [(ค่าเช่าตลอดปี – ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายปี – เงินผ่อนธนาคารตลอดปี) ÷ เงินลงทุนจริง] × 100

ตัวอย่าง: หากคุณซื้อคอนโดราคา 2,000,000 บาท ดาวน์ 300,000 บาท ตกแต่ง 1,000,000 บาท (รวมเงินลงทุนจริง 1,300,000 บาท) ผ่อนธนาคารเดือนละ 20,000 บาท เสียค่าส่วนกลางปีละ 15,000 บาท และปล่อยเช่าเดือนละ 25,000 บาท
Cash-on-Cash Rental Yield = [(25,000 × 12) – ((20,000 × 12) + 15,000)] ÷ 1,300,000 × 100 = 3.4% ต่อปี

Yield Guarantee คืออะไร?

นอกจาก Rental Yield ที่เกิดจากการคำนวณแล้ว ยังมี Yield Guarantee หรือการรับประกันผลตอบแทนจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมักเสนอให้กับนักลงทุนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า

Yield Guarantee เป็นข้อเสนอที่ผู้ประกอบการรับประกันว่านักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่กำหนดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น 5-7% ต่อปี เป็นเวลา 3-5 ปี ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในผลตอบแทนที่จะได้รับในช่วงแรกของการลงทุน

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขของ Yield Guarantee อย่างละเอียด รวมถึงความน่าเชื่อถือและฐานะทางการเงินของผู้ประกอบการ เนื่องจากหากผู้ประกอบการประสบปัญหาทางการเงิน อาจไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนตามที่สัญญาไว้ได้

วิธีคำนวณ Yield ในอุตสาหกรรมการผลิต

นอกจากการลงทุนในตลาดการเงินและอสังหาริมทรัพย์แล้ว ในอุตสาหกรรมการผลิตก็มีการใช้แนวคิดของ Yield เช่นกัน โดยเรียกว่า Production Yield หรือ Yield ในการผลิต

Production Yield หมายถึงปริมาณที่สามารถใช้ได้จริงหลังการคัดเลือกหรือตัดแต่งวัตถุดิบ เทียบกับปริมาณวัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต มีความสำคัญอย่างยิ่งในการคำนวณต้นทุนการผลิตที่แท้จริง

สูตรการคำนวณ:
Yield (%) = (ปริมาณที่สามารถใช้ได้จริง ÷ ปริมาณซื้อเข้า) × 100

ตัวอย่าง: ร้านอาหารซื้อปลาแซลมอนหนึ่งตัว น้ำหนัก 5 กิโลกรัม ราคา 4,000 บาท หลังจากการตัดแต่ง มีส่วนที่สามารถใช้งานได้จริงเพียง 2.8 กิโลกรัม
Yield = (2.8 ÷ 5) × 100 = 56%

การคำนวณต้นทุนจริงต่อจานอาหารที่ใช้ปลาแซลมอน 100 กรัม:
ต้นทุนจริง = (100 × 4,000) ÷ (5,000 × 56/100) = 142.86 บาท

การคำนวณและติดตาม Yield ในการผลิตช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นเกณฑ์ให้พนักงานใส่ใจในการตัดแต่งวัตถุดิบ เพื่อลดการสูญเสียให้อยู่ในกรอบที่กำหนด

Yield ควรอยู่ที่ระดับเท่าไรจึงจะคุ้มค่าต่อการลงทุน?

การพิจารณาว่า Yield ระดับใดที่คุ้มค่าต่อการลงทุนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งนักลงทุนควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

โดยทั่วไป ยิ่ง Yield มีเปอร์เซ็นต์สูง โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงก็มีมากขึ้น และอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ลดลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระวังว่าบางครั้ง Yield ที่สูงเกินไปอาจเกิดจากราคาของสินทรัพย์ที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาในตัวสินทรัพย์หรือตลาดนั้นๆ

สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ Rental Yield ควรอยู่ที่ประมาณ 6-8% ต่อปีจึงจะถือว่าคุ้มค่าแก่การลงทุน หากนักลงทุนกู้ยืมเงินมาเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ควรได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยธนาคารอย่างน้อย 2% จึงจะถือว่าคุ้มค่า

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ Yield ในการลงทุน

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ Yield ในการลงทุน ซึ่งนักลงทุนควรทำความเข้าใจเพื่อวิเคราะห์การลงทุนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

  1. ราคาสินทรัพย์: ราคาสินทรัพย์ที่สูงขึ้นจะทำให้ Yield ลดลง หากผลตอบแทนคงที่ ในทางกลับกัน ราคาสินทรัพย์ที่ลดลงจะทำให้ Yield เพิ่มขึ้น
  2. อัตราดอกเบี้ย: การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลต่อ Yield ของการลงทุนต่างๆ โดยตรง เช่น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาพันธบัตรมักจะลดลง ทำให้ Bond Yield เพิ่มขึ้น
  3. สภาวะเศรษฐกิจ: ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงอาจลดลง ส่งผลให้ราคาลดลงและ Yield เพิ่มขึ้น ในขณะที่ช่วงเศรษฐกิจเติบโต อาจเกิดผลในทางตรงกันข้าม
  4. ความเสี่ยงของการลงทุน: การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมักให้ Yield ที่สูงกว่าเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องแบกรับ
  5. ภาษีและค่าใช้จ่าย: ภาษีและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนจะส่งผลโดยตรงต่อ Yield สุทธิที่นักลงทุนจะได้รับ
  6. ระยะเวลาการลงทุน: การลงทุนระยะยาวมักให้ Yield ที่แตกต่างจากการลงทุนระยะสั้น โดยทั่วไป การลงทุนระยะยาวมักมี Yield ที่สูงกว่าเพื่อชดเชยการขาดสภาพคล่อง

ความสำคัญของ Yield ในการวางแผนการเงิน

Yield มีบทบาทสำคัญในการวางแผนการเงินส่วนบุคคลและการตัดสินใจลงทุน ดังนี้

  1. การสร้างรายได้ประจำ: นักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำ เช่น ผู้เกษียณอายุ มักเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ Yield สูง เพื่อใช้เป็นแหล่งรายได้หลัก
  2. การเปรียบเทียบการลงทุน: Yield ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น เปรียบเทียบระหว่างการลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์
  3. การประเมินความคุ้มค่า: การคำนวณ Yield ช่วยให้นักลงทุนประเมินได้ว่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับคุ้มค่ากับเงินลงทุนและความเสี่ยงหรือไม่
  4. การวางแผนภาษี: การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มี Yield แตกต่างกันอาจส่งผลต่อภาระภาษีที่แตกต่างกัน นักลงทุนจึงควรพิจารณาผลกระทบทางภาษีควบคู่ไปกับ Yield
  5. การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ: ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง นักลงทุนมักมองหาสินทรัพย์ที่ให้ Yield สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ เพื่อรักษามูลค่าที่แท้จริงของเงินลงทุน

สรุป

Yield หรืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนประเมินความคุ้มค่าและเปรียบเทียบการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้ การเข้าใจความหมาย ประเภท และวิธีการคำนวณ Yield ที่ถูกต้องจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม Yield เป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ควรพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ความเสี่ยง สภาพคล่อง ระยะเวลาการลงทุน และเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล เพื่อให้การลงทุนประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว


#สาระ #การเงิน #yield #อัตราผลตอบแทน #การลงทุน #rentalyield #อสังหาริมทรัพย์ #การลงทุนมือใหม่ #ผลตอบแทนการลงทุน #วิธีคำนวณyield

อ่านเพิ่ม

หมายเหตุ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ Homeday โดย บริษัท โฮมเดย์ กรุ๊ป จำกัด เท่านั้น บริษัทไม่สามารถให้คำมั่นหรือคำรับประกันเกี่ยวกับเนื้อหา รวมถึงไม่สามารถรับรองความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์เฉพาะใดๆ ตามขอบเขตของกฎหมาย เราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วนสมบูรณ์ ณ เวลาที่จัดทำ ข้อมูลดังกล่าวไม่ควรนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินใจด้านการเงิน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือประเด็นกฎหมายโดยทันที ผู้อ่านไม่ควรอาศัยข้อมูลในบทความนี้แทนคำแนะนำจากผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและสภาวะเฉพาะของท่านได้ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากท่านเลือกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจของท่าน

The Palm (copy)
Sidebar
บทความล่าสุด
Casio ฉลองครบรอบ 50 ปี เปิดตัว Ring Watch รุ่น CRW-001G-9DR ตัวเรือนสีทอง ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นสีเงินสุดฮิต
ข่าวสาร
สิงห์ เอสเตท รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรก ปี 2568 โตต่อเนื่อง ยืนยันศักยภาพความมั่นคงจากฐานรายได้ประจำ หนุนกำไรเติบโตตามคาด
ข่าวสาร
เอพี ไทยแลนด์ ย้ำบริษัทอสังหาอันดับ 1 ประกาศรายได้รวม 9 เดือน 33,368 ล้าน กำไรสุทธิสูงถึง 3,025 ล้าน
ข่าวสาร
เซ็นทรัลพัฒนา หนึ่งในผู้สนับสนุนหลัก “SEA GAMES 2025” และ “ASEAN PARA GAMES 2026” ร่วมรับส่งต่อคบเพลิงในพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ทั่วประเทศ
ข่าวสาร
SCOPE ยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยพรีเมียมแบบที่แตกต่างอย่างแท้จริง ด้วย 4 ซิกเนเจอร์บริการอยู่อาศัยโดย ACQUA ที่ไม่มีที่ใดเคยมีมาก่อน พร้อมเปิดตัว MTCH พาร์ตเนอร์มัทฉะคุณภาพระดับสูงสำหรับลูกบ้านสโคป
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ กรุงเทพกรีฑา (The Signature Krungthepkreetha) เปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ New Kaiteki Series เพดานสูง 3.2 เมตร ทำเลบ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติ Brighton College และ Wellington College
Review
รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน
Review
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
Loading..