KAVE playground

เหตุใดผักสลัดไฮโดรโปนิกส์มีรสขม? พร้อมวิธีปลูกและเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง

หากคุณเคยลองรับประทานผักสลัดไฮโดรโปนิกส์แล้วพบว่ามีรสขม อาจทำให้รู้สึกเสียดายและไม่อยากทานต่อ บางคนถึงขั้นเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะมีสารเคมีตกค้าง แต่ความจริงแล้ว ความขมของผักสลัดมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่สามารถควบคุมและแก้ไขได้ บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ผักสลัดขม พร้อมแนะนำวิธีการปลูกและเก็บเกี่ยวที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผักสลัดรสชาติดี กรอบ อร่อย และไม่ขม

สาเหตุที่ทำให้ผักสลัดไฮโดรโปนิกส์มีรสขม

เมื่อพบว่าผักสลัดที่ปลูกมีรสขม มีหลายสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดจากการปลูกที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียว มาดูสาเหตุต่างๆ กัน

พันธุ์ผักและลักษณะธรรมชาติของผัก

ชนิดและพันธุ์ของผักสลัดบางชนิดมีรสขมเป็นรสชาติพื้นฐานอยู่แล้ว ทำให้ผักที่กินเข้าไปมีรสขม ซึ่งตรงนี้ไม่เกี่ยวกับการเพาะปลูกหรือการดูแลผักแต่อย่างใด ผักสลัดบางสายพันธุ์โดยเฉพาะผักที่มีสีเข้มหรือใบมีสีแดงมักจะมีสารที่ให้รสขมมากกว่าผักสลัดใบสีเขียวอ่อน ดังนั้นการเลือกสายพันธุ์ที่มีรสชาติดีตั้งแต่แรกจะช่วยลดปัญหาความขมได้

อายุผักที่มากเกินไป

ผักแก่ส่วนใหญ่จะมีรสขม โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาการปลูกผักสลัดไม่ควรเกิน 45 วัน แนะนำให้เพาะต้นกล้าในถาดเพาะ 11 วันและลงแปลง 30 วัน และไม่ควรทิ้งผักสลัดไว้จนเกินอายุ 45 วันหลังเพาะเมล็ด หากปล่อยให้ผักมีอายุมากเกินไป ผักจะเริ่มผลิตน้ำยางที่มีรสขมเพื่อเตรียมออกดอก

ช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยว

ผู้ปลูกผักสลัดส่วนใหญ่จะนิยมเก็บผักในช่วงเช้าหรือเย็น แต่จะไม่นิยมเก็บผักตอนแดดจัด เนื่องจากธรรมชาติของผักสลัดมียางค่อนข้างมาก ในช่วงที่แดดจัดๆ ผักสลัดจะทำการผลิตยางออกมาเพื่อปรับสมดุลให้กับตัวเองเนื่องจากเสียน้ำไปจากสภาวะคายน้ำ จึงส่งผลให้รสชาติของผักในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเกิดความขม

การให้ปุ๋ยที่เข้มข้นเกินไป

ผู้ปลูกที่อาจไม่เข้าใจธรรมชาติของผักสลัดอย่างรอบด้าน อาจปลูกโดยไม่รู้จักการชดเชยปุ๋ยให้กับผักสลัดตามสัดส่วนและช่วงเวลาที่เหมาะสม ทำให้ผักสลัดที่ได้มีรสขม แทนที่จะออกรสหวานน่ากิน การใช้ปุ๋ยที่เข้มข้นเกินไปโดยเฉพาะช่วง 7-10 วันก่อนเก็บเกี่ยวจะทำให้ผักมียางเยอะ ยิ่งยางเยอะยิ่งขม

สภาพแวดล้อมและอุณหภูมิ

หากปลูกผักสลัดในบริเวณที่อากาศไม่อบอ้าว มีการถ่ายเทและได้แดดเช้าอย่างเต็มที่ ผักสลัดจะสังเคราะห์แสงได้ดีและอุณหภูมิของสารละลายจะต่ำก็จะช่วยทำให้ผักสลัดไม่ขมแถมยังโตไวอีกด้วย แต่หากสถานที่ไม่เหมาะสม ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิให้ดี ผักที่ปลูกในพื้นที่อากาศร้อนจัดหรือมีอุณหภูมิของสารละลายสูงจะมีแนวโน้มที่จะมีรสขมมากกว่า

ค่า pH และ EC ไม่เหมาะสม

ผักสลัดที่อยู่ในภาวะอุณหภูมิของสารละลายสูงจะผลิตยางออกมาทำให้เกิดความขม นอกจากนี้ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) และค่าการนำไฟฟ้า (EC) ที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลต่อการดูดซึมธาตุอาหารของพืช ทำให้พืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์

วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ให้ได้คุณภาพดี ไม่มีรสขม

การปลูกผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ให้มีรสชาติดีและไม่ขมต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการปลูก มาดูวิธีการปลูกที่ถูกต้องกัน

การเพาะเมล็ด

เริ่มต้นด้วยการเพาะเมล็ดผักสลัดให้ถูกวิธี ซึ่งจะส่งผลต่อความสมบูรณ์ของต้นกล้าและคุณภาพของผลผลิต

  1. นำทิชชู่ชุ่มน้ำวางในกล่องมีฝาปิด หรือใช้ฟองน้ำสำหรับเพาะเมล็ดไฮโดรโปนิกส์ หากใช้ฟองน้ำ ให้นวดฟองน้ำให้ช้ำเพื่อให้สามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้น เนื่องจากฟองน้ำมีคุณสมบัติอุ้มน้ำแต่ไม่ดูดซับน้ำ
  2. วางเมล็ดลงบนทิชชู่หรือใส่ลงในช่องของฟองน้ำที่กรีดไว้ ช่องละ 1 เมล็ด โดยใช้ตะเกียบหรือไม้จิ้มฟันที่จุ่มน้ำแตะที่เมล็ดแล้วนำมาวางที่ฟองน้ำ
  3. ปิดฝา นำเข้าตู้เย็น 1 วัน และนำออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง 1 วัน เพื่อให้เมล็ดงอกราก

การเพาะต้นกล้า

เมื่อเมล็ดเริ่มงอกแล้ว ต้องดูแลต้นกล้าให้ถูกต้องเพื่อให้เติบโตอย่างสมบูรณ์

  1. เมื่อเมล็ดเริ่มงอก (ประมาณวันที่ 2) นำฟองน้ำมาวางในถาดที่มีน้ำเปล่า โดยเติมน้ำให้เต็มถาด
  2. นำถาดไปวางในที่ที่มีแสงแดดอ่อนๆ หรือแสงแดดรำไร อย่าให้โดนแดดจัดเกินไปเพราะต้นกล้ายังไม่แข็งแรง และควรระวังไม่ให้โดนฝน
  3. ใช้ฟอกกี้ฉีดพรมหน้าฟองน้ำให้ชุ่มทุกวัน เช้า-เย็น ให้ฟองน้ำชุ่มอยู่เสมอ
  4. เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 7 วัน ให้เปลี่ยนจากการใช้น้ำเปล่าเป็นน้ำผสมปุ๋ย A และ B อย่างละ 5 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร
  5. นำไปตากแดดอีก 7 วัน จะได้ต้นกล้าอายุ 14 วัน

การย้ายต้นกล้าและการปลูก

เมื่อต้นกล้าเติบโตพอสมควร จะต้องย้ายลงระบบปลูกที่เหมาะสม

  1. เมื่อต้นกล้ามีอายุครบ 14 วัน ให้ย้ายลงในกล่องอนุบาล
  2. ใส่น้ำปุ๋ยลงในภาชนะสำหรับปลูก (น้ำปุ๋ย 3.5 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร)
  3. นำต้นกล้าใส่ถ้วยปลูก วางลงกล่องอนุบาล 14 วัน
  4. หลังจากนั้น ย้ายต้นกล้าลงกล่องปลูก โดยใส่น้ำปุ๋ยลงในภาชนะสำหรับปลูกในอัตราส่วนเดิม
  5. คอยเช็กระดับน้ำเมื่อครบ 30 วัน ถ้าน้ำแห้งเติมน้ำเปล่าลงไป พอครบ 38-45 วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้

การดูแลระหว่างการปลูก

การดูแลผักสลัดระหว่างการปลูกอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ได้ผักที่มีคุณภาพและรสชาติดี

  1. ดูแลระดับน้ำและค่า EC ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับผักสลัดค่า EC ที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 1.3-2.0 mS/cm
  2. รักษาค่า pH ให้อยู่ในช่วง 5.5-6.0 สำหรับการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ โดยค่าที่เหมาะสมที่สุดคือ 5.8
  3. หมั่นตรวจสอบอุณหภูมิของสารละลาย อย่าให้ร้อนเกินไป หากจำเป็นให้หาวิธีลดอุณหภูมิ เช่น การพรางแสงหรือการใช้ระบบระบายความร้อน
  4. ก่อนเก็บเกี่ยว 7 วัน ให้เติมน้ำเปล่าให้เต็มเพื่อลดปริมาณความเข้มข้นของธาตุอาหารพืช ช่วยลดความขมของผักสลัด

เทคนิคการเก็บเกี่ยวผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ให้ไม่ขม

การเก็บเกี่ยวผักสลัดให้ได้รสชาติดี ไม่ขม มีเทคนิคดังนี้

เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม

เก็บผักในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นเท่านั้น เนื่องจากในช่วงนี้ผักจะมีการผลิตน้ำยางน้อย ทำให้มีรสขมน้อยกว่าช่วงที่มีแดดจัด นอกจากนี้ ช่วงเช้าผักยังมีความสดกรอบมากกว่าและเต่งน้ำด้วย

เก็บตามอายุที่เหมาะสม

เก็บผักตามอายุ 38-45 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่ผักเจริญเติบโตเต็มที่แต่ยังไม่แก่จนเกินไป หากปล่อยให้ผักอายุมากเกินไปจะทำให้มีรสขมมากขึ้น และอาจจะเริ่มมีการออกดอกซึ่งจะทำให้รสชาติขมยิ่งขึ้น

การแช่น้ำก่อนแพ็ก

หลังจากเก็บเกี่ยวผัก ให้แช่น้ำก่อนแพ็กสัก 30 นาที เพื่อช่วยลดความขม ล้างน้ำยางออก และทำให้ผักดูดซึมน้ำ มีความกรอบมากขึ้น

การเก็บเกี่ยวอย่างระมัดระวัง

วิธีเก็บเกี่ยวให้ดึงผักขึ้นมาทั้งต้น ต้องทำแบบเบาๆ เพื่อไม่ให้ผักช้ำ เพราะการช้ำจะทำให้น้ำยางไหลออกมามากขึ้นและทำให้ผักมีรสขม

การจัดการค่า pH และ EC ให้เหมาะสมกับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

ค่า pH และ EC เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของผักไฮโดรโปนิกส์ การควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้ผักเจริญเติบโตได้ดีและมีรสชาติอร่อย

ค่า pH ที่เหมาะสม

ค่า pH คือค่าความเป็นกรด-ด่างของสารละลาย สำหรับผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ ค่า pH ที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 5.5-6.0 โดยค่าที่เหมาะสมที่สุดคือ 5.8

การปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์จะมีการกำหนดค่า pH ของการปลูกพืชเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (ระยะเจริญเติบโต) อยู่ในช่วงวันที่ 1-28 กำหนดค่า pH อยู่ที่ 5.8-6.5 และระยะที่ 2 (ระยะสร้างผลผลิต) อยู่ในช่วงวันที่ 29 ขึ้นไป กำหนดค่า pH อยู่ที่ 6.5-7.0

หากค่า pH สูงเกิน 7.0 จะทำให้พืชไม่สามารถดูดซึมธาตุอาหารบางชนิดได้ เช่น ฟอสฟอรัส เหล็ก แมงกานีส ส่งผลให้การเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ ในทางกลับกัน หากค่า pH ต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 4.0) จะทำให้รากพืชถูกกัดกร่อนจากความเป็นกรด ทำให้อ่อนแอและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค

ค่า EC ที่เหมาะสม

ค่า EC (Electrical Conductivity) คือค่าการนำไฟฟ้า เป็นตัวบ่งชี้ความเข้มข้นของธาตุอาหารในสารละลาย สำหรับผักสลัดค่า EC ที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 1.3-2.0 mS/cm

ในการปลูกไฮโดรโพนิกส์ ค่า EC หมายถึงปริมาณแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในของเหลว โดยปกติน้ำบริสุทธิ์จะมีค่านำกระแสไฟฟ้าต่ำหรือมีค่าเป็นศูนย์ แต่เมื่อมีการเติมสารละลายต่างๆ ลงในน้ำนั้นจะทำให้ค่าสารละลายหรือค่านำกระแสไฟฟ้าสูงขึ้น

หากค่า EC สูงเกินไป จะทำให้พืชเกิดความเครียดจากออสโมซิส ทำให้ไม่สามารถดูดน้ำและธาตุอาหารได้ดี ส่งผลให้การเจริญเติบโตลดลงและอาจทำให้มีรสขมมากขึ้น ในทางกลับกัน หากค่า EC ต่ำเกินไป พืชจะไม่ได้รับธาตุอาหารที่เพียงพอ

การใช้ปุ๋ย AB สำหรับผักไฮโดรโปนิกส์อย่างเหมาะสม

ปุ๋ย AB เป็นส่วนสำคัญในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ การใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี

ปุ๋ย AB คืออะไร

ปุ๋ย AB คือ ปุ๋ยเคมีแบบปุ๋ยน้ำที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารหลักที่จำเป็นสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ การเตรียมสารละลายธาตุอาหารพืชโดยการนำปุ๋ยเคมีตามสูตรที่คำนวณแล้ว มาเตรียมเป็นสารละลายธาตุอาหารที่มีความเข้มข้นสูง แยกเป็น 2 ถัง เรียกว่า Stock Solution A และ Stock Solution B หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า ปุ๋ย AB

วิธีเตรียมปุ๋ย AB

ปุ๋ย AB สามารถซื้อสำเร็จรูปหรือเตรียมเองได้ การเตรียมเองมีสูตรดังนี้

ส่วนผสมปุ๋ย A

  • น้ำสะอาด 20 ลิตร
  • แคลเซียมไนเตรท 15-0-0 จำนวน 2.3 กิโลกรัม
  • เหล็ก DP (Fe-DTA7%) 80 กรัม
  • ถังดำสำหรับเก็บ

ส่วนผสมปุ๋ย B

  • น้ำสะอาด 20 ลิตร
  • โปแตสเซียมไนเตรท (13-0-46) 1.2 กิโลกรัม
  • แมกนีเซียมซัลเฟต 1 กิโลกรัม
  • โมโนโพแตสเซียมฟอสเฟต (0-52-34) 530 กรัม
  • นิคสเปรย์ 100 กรัม
  • ถังดำสำหรับเก็บ

วิธีใช้ปุ๋ย AB

เวลาใช้ปุ๋ย AB ให้นำปุ๋ยน้ำ AB ผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:200 ตัวอย่างเช่น ใช้ปุ๋ย A และปุ๋ย B อย่างละ 5 มิลลิลิตร ผสมกับน้ำเปล่า 1 ลิตร

การใช้ปุ๋ย AB ควรปรับตามระยะการเจริญเติบโตของพืช ดังนี้:

  1. ระยะเพาะต้นกล้า (1-14 วัน): ใช้น้ำเปล่าในช่วงแรก 7 วัน จากนั้นใช้ปุ๋ย AB ในอัตราส่วนอ่อนๆ (ประมาณ 5 ซีซีต่อน้ำ 1 ลิตร)
  2. ระยะเจริญเติบโต (15-37 วัน): ใช้ปุ๋ย AB ในอัตราส่วนปกติ (3.5 ซีซีต่อน้ำ 1 ลิตร)
  3. ระยะก่อนเก็บเกี่ยว (7 วันก่อนเก็บ): ลดความเข้มข้นของปุ๋ยหรือใช้น้ำเปล่าแทน เพื่อลดการสะสมของธาตุอาหารที่อาจทำให้ผักมีรสขม

สรุป

การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ให้ได้ผลผลิตที่มีรสชาติดี ไม่ขม ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การดูแลระหว่างการปลูก ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สาเหตุหลักที่ทำให้ผักสลัดมีรสขม ได้แก่ การเก็บเกี่ยวในช่วงที่มีแสงแดดจัด การปล่อยให้ผักมีอายุมากเกินไป การใช้ปุ๋ยที่เข้มข้นเกินไปในช่วงใกล้เก็บเกี่ยว และการปลูกในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

การควบคุมค่า pH และ EC ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 5.5-6.0 และค่า EC ควรอยู่ระหว่าง 1.3-2.0 mS/cm

การเก็บเกี่ยวควรทำในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น เมื่อผักมีอายุประมาณ 38-45 วัน และควรแช่น้ำประมาณ 30 นาทีก่อนแพ็ก เพื่อให้ได้ผักที่สด กรอบ และไม่มีรสขม

ด้วยการปฏิบัติตามวิธีการปลูกและเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง คุณจะสามารถปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่มีคุณภาพดี รสชาติอร่อย เหมาะสำหรับการบริโภคเองหรือจำหน่ายได้อย่างมั่นใจ


#สาระ #ผักไฮโดรโปนิกส์ #ผักสลัด #วิธีปลูกผัก #การปลูกผักไฮโดร #ผักสลัดขม #การเก็บผักสลัด #เทคนิคปลูกผัก

อ่านเพิ่ม
The Palm (copy)
Sidebar
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Review
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Review
Loading..