KAVE playground

ปุ๋ยไส้เดือนคืออะไร และทำไมถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรอินทรีย์?

ปุ๋ยไส้เดือนหรือเวอร์มิคอมโพสต์ได้กลายเป็นหนึ่งในวิธีการเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นปุ๋ยธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ปุ๋ยชนิดนี้ผลิตจากกระบวนการย่อยสลายเศษอินทรีย์วัตถุโดยไส้เดือนดิน ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณธาตุอาหารในดิน ปรับปรุงโครงสร้างดิน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การศึกษาวิจัยต่างๆ พบว่าปุ๋ยไส้เดือนมีธาตุอาหารที่พืชนำไปใช้ได้ในปริมาณสูงกว่าปุ๋ยหมักทั่วไป และยังช่วยเพิ่มจุลินทรีย์มีประโยชน์ในดินอีกด้วย

ปุ๋ยไส้เดือนคืออะไรและมีที่มาอย่างไร?

ปุ๋ยไส้เดือนหรือปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนเป็นผลผลิตที่เกิดจากกระบวนการย่อยสลายเศษอินทรีย์วัตถุต่างๆ โดยไส้เดือนดิน กระบวนการนี้เรียกว่า “เวอร์มิคอมโพสติ้ง” ซึ่งเป็นการนำไส้เดือนดินมาเลี้ยงเพื่อเปลี่ยนองค์ประกอบของเศษอินทรีย์วัตถุและเพิ่มจุลินทรีย์มีประโยชน์ ไส้เดือนจะกินเศษอินทรีย์วัตถุเข้าไป ผ่านกระบวนการย่อยสลายภายในลำไส้ แล้วขับถ่ายออกมาเป็นมูลที่อุดมไปด้วยธาตุอาหาร

ลักษณะของปุ๋ยไส้เดือนมีรูปทรงเป็นเม็ดร่วนละเอียด สีดำหรือสีน้ำตาล โปร่งเบา มีความพรุนสูง สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดีมาก ปุ๋ยชนิดนี้มีความจุความชื้นสูงและประมาณอินทรีย์วัตถุสูงมาก เนื่องจากเป็นผลจากการย่อยสลายโดยกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้และน้ำย่อยของไส้เดือนดิน

ไส้เดือนที่นิยมใช้ในการผลิตปุ๋ยมี 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ ไทเกอร์ วอร์ม แอฟริกัน ไนท์ คลอเลอร์ และขี้ตาแร่ โดยแอฟริกัน ไนท์ คลอเลอร์เป็นสายพันธุ์ที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถย่อยสลายมูลวัวและมูลควายได้ดี สายพันธุ์ไส้เดือนที่มีประสิทธิภาพในการผลิตเวอร์มิคอมโพสต์ ได้แก่ Eisenia foetida, Amyanthes differigens และ Eudrillus eugineae

วิธีการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อผลิตปุ๋ยมีกี่แบบ?

การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อทำปุ๋ยสามารถทำได้หลายวิธี โดยส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก คือ วิธีเลี้ยงในกะละมังและวิธีเลี้ยงในบ่อซีเมนต์1 การเลือกวิธีขึ้นอยู่กับปริมาณปุ๋ยที่ต้องการและพื้นที่ที่มีอยู่

วิธีเลี้ยงไส้เดือนในกะละมัง

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปุ๋ยในปริมาณไม่มาก หรือเป็นการทดลองเลี้ยงไส้เดือนครั้งแรก1 วัสดุที่ต้องใช้ประกอบด้วย ไส้เดือนดินประมาณ 3 ขีด มูลวัวที่ปราศจากเศษฟาง กากมะพร้าวสับที่ล้างยางแล้ว และกะละมังขนาดกว้างประมาณ 1 ศอก

ขั้นตอนเริ่มต้นด้วยการเจาะรูเล็กๆ ให้ทั่วกะละมังเพื่อการระบายน้ำ1 จากนั้นรดน้ำใส่มูลวัวทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์เพื่อล้างแก๊สและความร้อน ผสมกากมะพร้าวกับมูลวัวในอัตราส่วน 30:70 เพื่อเพิ่มความเย็น ใส่ส่วนผสมในกะละมังประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วปล่อยไส้เดือนลงไปบนผิวหน้าโดยไม่ต้องฝัง

วิธีเลี้ยงไส้เดือนในบ่อซีเมนต์

วิธีนี้เหมาะสำหรับการผลิตปุ๋ยในปริมาณมาก1 ใช้ไส้เดือนประมาณ 2 กิโลกรัมต่อบ่อ มูลวัวประมาณ 1-1.5 กระสอบ และบ่อซีเมนต์ทรงกลมขนาดกว้าง 80-100 เซนติเมตร1

กระบวนการเริ่มต้นด้วยการใส่มูลวัวลงในบ่อแล้วรดน้ำเป็นประจำ 1-2 สัปดาห์เพื่อล้างแก๊สและความร้อน1 เมื่อมูลวัวเย็นลงแล้ว ให้ปล่อยไส้เดือนลงไปบนผิวหน้า การดูแลรักษาต้องหมั่นรดน้ำให้ความชื้นและรักษาสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม

อีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้คือ Bed method ซึ่งทำการหมักบนพื้นปูนหรือพื้นดินโดยสร้างแปลงขนาด 6x2x2 ฟุต วิธีนี้ง่ายต่อการดูแลรักษาและปฏิบัติ ส่วน Pit method ทำในหลุมซีเมนต์ขนาด 5x5x3 ฟุต แต่ไม่นิยมเท่าไรเนื่องจากมีปัญหาเรื่องการระบายอากาศและน้ำขัง

อาหารและการดูแลไส้เดือนต้องทำอย่างไร?

ไส้เดือนที่ใช้ทำปุ๋ยส่วนใหญ่กินมูลวัวและมูลควายเป็นอาหารหลัก1 แต่สามารถให้อาหารเสริมเพื่อความหลากหลาย เช่น ของเสียจากอาหาร ของเสียจากกระดาษ และเศษพืชจากการเกษตร1 วัสดุที่สามารถนำมาใช้เป็นอาหารไส้เดือนรวมถึงเศษพืชผัก เศษใบไม้ ขยะจากครัวเรือน และของเสียจากอุตสาหกรรมเกษตร

การเตรียมอาหารต้องผสมมูลวัวกับวัสดุอินทรีย์สับที่แห้งในอัตราส่วน 3:1 และทิ้งไว้ให้หมักย่อยบางส่วนเป็นเวลา 15-20 วัน ควรวางชั้นวัสดุรองพื้นหนา 15-20 เซนติเมตรที่ด้านล่างของแปลง แต่ละแปลงควรมีวัตถุดิบประมาณ 1.5-2.0 ควินตัล และปล่อยไส้เดือนแดง 1,500-2,000 ตัวบนชั้นบนสุด

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงไส้เดือนควรเป็นบริเวณที่เย็น ชื้น และมีร่มเงา ต้องรดน้ำทุกวันเพื่อรักษาความชื้น และคลุมด้วยกระสอบหรือผ้าใบ หลังจากผ่านไป 30 วัน ควรพลิกแปลงหนึ่งครั้งเพื่อรักษาการระบายอากาศและการหมักที่เหมาะสม ปุ๋ยจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 45-50 วัน

ปุ๋ยไส้เดือนมีประโยชน์อย่างไรต่อพืชและดิน?

ปุ๋ยไส้เดือนมีประโยชน์หลากหลายด้านที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับเกษตรอินทรีย์ ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดคือการปรับปรุงคุณภาพดินและการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ปุ๋ยชนิดนี้มีธาตุอาหารที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันทีในปริมาณสูงกว่าปุ๋ยหมักทั่วไป

ประโยชน์ต่อดิน

ปุ๋ยไส้เดือนช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ร่วนซุย ทำให้เกิดช่องว่างสำหรับการไหลของอากาศและน้ำ การปรับปรุงนี้ทำให้รากพืชสามารถชอนไชและแพร่กระจายได้กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำของดิน ลดการชะล้างของธาตุอาหาร

ปุ๋ยไส้เดือนยังเป็นแหล่งจุลินทรีย์มีประโยชน์ที่สำคัญ เพิ่มกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดินมากกว่าดินธรรมดา 10-20 เท่า จุลินทรีย์เหล่านี้ช่วยสร้างเอนไซม์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เช่น เอนไซม์ฟอสฟาเตสและเซลลูเลส นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียตรึงไนโตรเจน แบคทีเรียละลายฟอสเฟต และเชื้อราที่ย่อยสลายเซลลูโลส

ประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช

ปุ๋ยไส้เดือนส่งเสริมการงอกของเมล็ด การเจริญเติบโตของพืช และผลผลิตของพืชผล ปุ๋ยชนิดนี้มีฮอร์โมนพืชที่สำคัญ เช่น ออกซิน กิบเบอเรลลิน และไซโตไคนิน ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช การใช้ปุ๋ยไส้เดือนยังช่วยเพิ่มความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช เนื่องจากมีวิตามิน ฮอร์โมนการเจริญเติบโต และสารปฏิชีวนะ นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงรสชาติ ความเงา และคุณภาพของผลผลิต การศึกษาพบว่าพืชที่ปลูกด้วยปุ๋ยไส้เดือนมีคุณภาพและอายุการเก็บรักษาที่ดีกว่า

การใช้ปุ๋ยไส้เดือนกับพืชต่างชนิดต้องทำอย่างไร?

การใช้ปุ๋ยไส้เดือนกับพืชแต่ละชนิดมีวิธีการและอัตราการใช้ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ต้องคำนึงถึงลักษณะของพืช ขนาดของต้น และสภาพแวดล้อมในการปลูก

การใช้กับไม้ใบ ไม้ดอก และไม้ประดับ

สำหรับพืชประเภทเฟิร์น กุหลาบ มะลิ และดาวเรือง หากปลูกในกระถาง ให้ใส่ปุ๋ยไส้เดือนรอบโคนต้นในอัตรา 200-300 กรัมต่อกระถาง ทุก 7-15 วัน ควรใช้ร่วมกับน้ำหมักไส้เดือนเจือจาง 5 เท่า1 สำหรับการปลูกในแปลง ให้ใส่ปุ๋ยลงบนหน้าดินหรือผสมกับดินปลูกในอัตรา 1.5-2 กิโลกรัมต่อตารางเมตร พร้อมคลุมด้วยฟางข้าว

การใช้กับผัก

ผักใบเขียว เช่น ผักกาด ผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง และผักผลอื่นๆ เช่น ถั่วฝักยาว แตงกวา หากปลูกในแปลง ให้ใส่ปุ๋ยไส้เดือนในอัตรา 1.5-2 กิโลกรัมต่อตารางเมตร วิธีการคล้ายกับไม้ประดับ คือใส่บนหน้าดินหรือผสมกับดินปลูก พร้อมคลุมด้วยฟางข้าว และใช้น้ำหมักไส้เดือนเจือจาง 5 เท่ารดเป็นประจำทุกสัปดาห์ การใช้ปุ๋ยไส้เดือนกับผักจะช่วยเพิ่มคุณภาพและรสชาติของผัก ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และทำให้ได้ผักปลอดสารพิษ ปุ๋ยชนิดนี้เหมาะสำหรับการปลูกผักในสวนครัวบ้านเป็นอย่างมาก

การใช้กับผลไม้

สำหรับต้นไม้ผลขนาดเล็กกว่า 1-5 เมตร เช่น มะม่วง ลำไย ส้มโอ ชมพู่ ให้พรวนดินรอบต้นแล้วใส่ปุ๋ยไส้เดือนรอบโคนต้นในอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้น ใส่ซ้ำทุก 4 เดือน และใช้น้ำหมักไส้เดือนเจือจาง 2 เท่ารดรอบโคนต้นทุกเดือน

สำหรับต้นไม้ขนาดกลางระหว่าง 1-5 เมตร ใช้ปุ๋ยไส้เดือนในอัตรา 5-15 กิโลกรัมต่อต้น ส่วนต้นไม้ขนาดใหญ่กว่า 5 เมตร ใช้ในอัตรา 15-20 กิโลกรัมต่อต้น ทั้งสองขนาดใช้วิธีการเดียวกัน คือใส่ซ้ำทุก 4 เดือนและใช้น้ำหมักเจือจาง 2 เท่ารดทุกเดือน

น้ำหมักไส้เดือนคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร?

น้ำหมักไส้เดือนหรือเวอร์มิวอช (Vermiwash) เป็นปุ๋ยน้ำสีน้ำตาลที่ได้จากการให้น้ำไหลผ่านคอลัมน์เพาะเลี้ยงไส้เดือน เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตของพืชในรูปแบบของเหลวที่มีเอนไซม์ วิตามิน และฮอร์โมนในปริมาณสูง

น้ำหมักไส้เดือนมีองค์ประกอบที่หลากหลาย ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ขับถ่ายและสารหลั่งของไส้เดือน รวมทั้งจุลธาตุจากโมเลกุลอินทรีย์ในดิน มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสีในปริมาณสูง และมีสภาพเป็นด่าง นอกจากนี้ยังมีน้ำตาล ฟีนอล และกรดอะมิโน

วิธีการผลิตน้ำหมักไส้เดือน

การผลิตน้ำหมักไส้เดือนทำได้โดยการเตรียมถังใหญ่และแก้วหนึ่งใบ ติดตั้งก๊อกน้ำที่ด้านล่างสุดของถัง ใส่ชั้นของเศษอิฐหรือหินหนา 10-15 เซนติเมตร ตามด้วยชั้นทรายหนา 10-15 เซนติเมตร จากนั้นใส่ชั้นมูลวัวที่หมักบางส่วนหนา 30-45 เซนติเมตร และชั้นดินหนา 2-3 เซนติเมตร

หลังจากนั้นปล่อยไส้เดือน 100-200 ตัวลงในถัง แล้วคลุมด้วยฟางข้าวหนา 6 เซนติเมตร เปิดก๊อกน้ำและพ่นน้ำเป็นประจำเป็นเวลา 7-8 วัน7 หลังจากผ่านไป 10 วัน น้ำหมักไส้เดือนจะเริ่มออกมาจากถัง การผลิตต่อเนื่องทำได้โดยการแขวนกระถางที่มีรูด้านล่างเหนือถัง เพื่อให้น้ำหยดลงทีละหยด ทุกวันเทน้ำ 4-5 ลิตรลงในกระถางแขวน และสามารถเก็บน้ำหมักไส้เดือน 3-4 ลิตรต่อวัน

การใช้น้ำหมักไส้เดือน

น้ำหมักไส้เดือนต้องเจือจางก่อนใช้เสมอ เพราะหากใช้เข้มข้นเกินไปอาจทำให้พืชตาย สูตรการใช้พื้นฐานคือเจือจางด้วยน้ำในอัตราส่วน 1:10 ก่อนพ่นใส่พืช สูตรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นประกอบด้วย น้ำหมักไส้เดือน 1 ลิตร น้ำปัสสาวะวัว 1 ลิตร และน้ำ 8 ลิตร สำหรับการรดดินหรือการให้ปุ๋ยผ่านระบบน้ำ ใช้ 5 ลิตรต่อไร่ทุกเดือนเพื่อประโยชน์ด้านจุลินทรีย์

ข้อดีของปุ๋ยไส้เดือนเมื่อเปรียบเทียบกับปุ๋ยชนิดอื่น?

ปุ๋ยไส้เดือนมีข้อดีหลายประการเมื่อเปรียบเทียบกับปุ๋ยชนิดอื่น ทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในรูปแบบที่พืชสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที

เปรียบเทียบกับปุ๋ยหมักทั่วไป

การศึกษาวิจัยพบว่าปุ๋ยไส้เดือนมีธาตุอาหารมากกว่าปุ๋ยหมักที่ผลิตด้วยวิธีอื่น ปุ๋ยไส้เดือนมีไนโตรเจนรวม 0.5-1.5% ฟอสเฟต 0.5-0.9% และโพแทสเซียม 1.2-1.4% พร้อมด้วยธาตุอาหารหลักและรองอื่นๆ สิ่งที่โดดเด่นคือปุ๋ยไส้เดือนมีเมือกของไส้เดือนที่ช่วยป้องกันการชะล้างของธาตุอาหารและเก็บความชื้นได้ดีกว่าดินทั่วไป

กิจกรรมของจุลินทรีย์ในปุ๋ยไส้เดือนสูงกว่าในดินและวัสดุอินทรีย์ที่ไส้เดือนกิน 10-20 เท่า นอกจากนี้ยังมีการลดลงของโลหะหนักและปรับปรุงคุณภาพดินได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การศึกษาบางชิ้นพบว่าปุ๋ยไส้เดือนที่ทำที่บ้านอาจมีมวลชีวภาพของจุลินทรีย์และกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดินต่ำกว่าปุ๋ยหมักจากเทศบาล

เปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมี

ปุ๋ยไส้เดือนมีข้อดีเหนือปุ๋ยเคมีในหลายด้าน โดยเฉพาะการปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าและต่อเนื่อง ไม่ทำให้เกิดการเผาไหม้ของรากพืช ปุ๋ยเคมีให้ธาตุอาหารอย่างรวดเร็วแต่ระยะสั้น ในขณะที่ปุ๋ยไส้เดือนให้ผลในระยะยาว นอกจากนี้ปุ๋ยไส้เดือนยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มจุลินทรีย์มีประโยชน์ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

การผลิตปุ๋ยไส้เดือนช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่ต้องทิ้งในหลุมฝังกลบ และลดการปนเปื้อนของวัสดุรีไซเคิลอื่นๆ การผลิตนี้สร้างงานในระดับท้องถิ่นที่ไม่ต้องการทักษะสูง ใช้เงินลงทุนน้อย และเทคโนโลยีที่เรียบง่าย ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่เกษตรกรรมในประเทศกำลังพัฒนา

ด้านสิ่งแวดล้อม การผลิตปุ๋ยไส้เดือนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น มีเทน และไนตริกออกไซด์ที่เกิดขึ้นในหลุมฝังกลบหรือเตาเผาขยะ นอกจากนี้ยังช่วยปิดช่องว่างทางเมตาบอลิซึมผ่านการรีไซเคิลขยะในพื้นที่

สรุป

ปุ๋ยไส้เดือนเป็นนวัตกรรมทางการเกษตรที่มีศักยภาพสูงในการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยกระบวนการผลิตที่เรียบง่าย ใช้เวลาเพียง 1-2 เดือน และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง ปุ๋ยชนิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงคุณภาพดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรอีกด้วย

การใช้ปุ๋ยไส้เดือนร่วมกับน้ำหมักไส้เดือนจะให้ประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับการปลูกพืชทุกชนิด ตั้งแต่ผักใบเขียว ไม้ดอก ไม้ประดับ ไปจนถึงไม้ผล การลงทุนในการผลิตปุ๋ยไส้เดือนมีความคุ้มค่า เนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี ปรับปรุงคุณภาพดินในระยะยาว และผลิตอาหารปลอดสารพิษ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น


#สาระ #ปุ๋ยไส้เดือน #เกษตรอินทรีย์ #ปุ๋ยธรรมชาติ #เวอร์มิคอมโพสต์ #ปุ๋ยหมัก #การปลูกผัก #ปุ๋ยอินทรีย์ #น้ำหมักไส้เดือน #เลี้ยงไส้เดือน #การจัดสวน #เกษตรยั่งยืน #ปุ๋ยชีวภาพ

อ่านเพิ่ม
Sidebar
The Palm (copy)
บทความล่าสุด
Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 สร้างสถิติใหม่ ดันอุตสาหกรรมความงามอาเซียนเติบโต
ข่าวสาร
“โฮมโปร” ปักหมุดแลนด์มาร์กใหม่ “บ่อวิน” ไฮบริดสโตร์แห่งอนาคต ย้ำจุดยืนผู้นำค้าปลีก “ครบเรื่องบ้านและงานช่าง” เดินเกมรุก EEC พร้อมอัดโปรแรงฉลองเปิดตัว
ข่าวสาร
CMC จัดแคมเปญ “โปรแรงส์สะเทือนใจ” อยู่วันนี้ ผ่อนปีหน้า หนุนมาตรการภาครัฐ
ข่าวสาร
2-3 สิงหาคม นี้ Grand Opening เฟส 2 เปิดชมบ้านตัวอย่าง “แบบใหม่” ครั้งแรก! โครงการ ศุภาลัย พาร์ควิลล์ นิมิตใหม่-วงแหวน
ข่าวสาร
ไอซีเอส ผนึก SIRIRAJ H SOLUTIONS ฉลองครบรอบ 2 ปี ตอกย้ำความสำเร็จ ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เปิด 2 คลินิกใหม่ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพครอบคลุมทุกด้าน
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Review
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Review
Loading..