KAVE playground

ปี 2566 จุดกลับตัวอสังหาริมทรัพย์ไทยจริงหรือไม่

           “วิกฤตในโอกาส” เป็นประโยคคลาสสิกของนักลงทุนที่รู้จักทิศทางลมและจังหวะการกอบโกยกำไรในช่วงเวลาที่หลายคนเลือกจะสละเรือหรือรัดเข็มขัด รวมระยะเวลาเกือบ 3 ปี กับ ที่ Covid-19 ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะ “รัดเข็มขัด” และ “ชะลอ” การลงทุนในทุกด้าน Covid-19 ถือเป็นวิกฤตใหญ่ระดับโลกที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ และเข้าสู่สภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” หรือ “Recession” อย่างแท้จริง

          “แล้ววิกฤตนี้กระทบกับอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างไร?”

           หากย้อนกลับไปทบทวนประวัติศาสตร์ วิกฤตอสังหาฯ ที่มีผลกระทบกับประเทศไทยอย่างหนัก คือ ช่วงปี พ.ศ. 2540 หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ที่รัฐบาลไทย ถูกบังคับให้ลอยค่าเงินบาท เนื่องจากประเทศขาดเงินตราสำรอง จนส่งผลให้คนทั่วไปที่กู้เงินธนาคาร มีหนี้เพิ่มเป็น 2 เท่าภายในไม่กี่วัน กระทบกับเหล่านักลงทุนที่กู้เงินต่างประเทศมหาศาล จนไม่สามารถคืนหนี้ได้ นำไปสู่การยื่นขอสถานะล้มละลายนั่นเอง แต่หลังจากวิกฤตต้มยำกุ้งผ่านพ้นไป อสังหาริมทรัพย์ก็กลับมาบูมอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2555-2563 และเกิดการชะลอตัวอีกครั้งตั้งแต่การมาถึงของ Covid-19 จนถึงปัจจุบัน

             ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึง 2563 เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 23 ปี สำหรับเศรษฐกิจประเทศขนาดเล็กอย่างประเทศไทย เมื่อเทียบกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่เกิด Recession บ่อยครั้งกว่า ตั้งแต่สมัยสงครามโลก, ราคาน้ำมันร่วง, ภาระหนี้ครัวเรือนสูง, เงินเฟ้อ เป็นต้น แต่ก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาโดยตลอดคือช่วงเวลาที่ “มีขึ้นและมีลง” นั่นเอง จึงพอสรุปได้เป็น “สถิต (Static)” ที่สามารถนำมาประเมินและวิเคราะห์ออกมาเป็น “Real Estate Cycles” หรือ “วัฎจักรอสังหาทรัพย์” ที่มี Pattern ซ้ำเดิมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบัน (ระยะเวลา 93 ปี โดยประมาณ) ผู้เชี่ยวชาญจึงสรุปได้เป็น 4 ช่วงระยะเวลา ดังนี้

ระยะเวลาที่ 1 : Recovery

ระยะเวลาที่ 2 : Expansion

ระยะเวลาที่ 3 : Hyper supply

ระยะเวลาที่ 4 : Recession 

โดยลำดับ Timeline การเกิดวิกฤตการณ์นี้เป็นการเดินทางแบบ Supply Chain ที่ต่อกัน ดังนี้
1.Recovery→2.Expansion→3.Hypersupply→4.Recession (และวนกลับไปจุดแรกอีกครั้ง)

“แล้ว ณ ปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2565 เรากำลังยืนอยู่ในช่วงเวลาไหนกันแน่?”

ระยะเวลาที่ 4 : Recession สภาวะถดถอยรอการฟื้นตัว

           ผลกระทบต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ที่บริษัทอสังหาทรัพย์ผลิต Supply มาอย่างต่อเนื่อง จากการอนุมัติให้ก่อสร้างรถไฟฟ้าทั่วทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ส่งผลให้เหล่าบริษัทอสังหาทรัพย์เทเงินเก็บตัดสินใจลงทุนซื้อที่ดิน โดยถือหลักการ “ซื้อก่อนได้เปรียบ” และเน้นตามแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทเป็นแหล่งเก็บเงินหลัก พร้อมขยายตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย โดยที่ไม่รู้ว่าต่อมาในปี พ.ศ. 2563 จะเกิดวิกฤตโรคระบาด Covid-19

            บริษัทอสังหาทรัพย์จึงชะลอการเปิดโครงการใหม่และจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถม เพื่อระบาย Stock กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในมุมกลับกันนี่เป็น “โอกาส” ให้กับผู้บริโภคที่คิดจะมีบ้านหลังแรก พร้อมกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดโปรชนิดพิเศษจากแบงก์ชาติ ให้ทุกธนาคารสนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน ดอกเบี้ยถูก โดยเป็นดาบ 2 คม ที่อาจเกิดขึ้นคล้ายคลึงกันกับ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เมื่อปี พ.ศ. 2551 แต่ดีกว่า คือช่วงเวลาที่แบงก์พร้อมให้กู้เงินช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ แต่คุมคุณภาพสินเชื่อให้เข้มขึ้น คล้ายคลึงกับบทความที่ Paul Esajian ได้กล่าวไว่ว่า “การให้กู้ยืมเงินส่วนบุคคล และการลงทุนในการยึดสังหาริมทรัพย์และบ้านเป็นของธนาคาร” ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการลงทุนของธนาคารที่หากผิดนัดชำระก็สามารถยึดบ้านในราคาถูกได้ ซึ่งหากเป็นผู้บริโภคอสังหาฯ มือใหม่ ไม่ได้พิจารณาค่าใช้จ่ายกับเงินผ่อนให้ดี ก็ถือเป็นความเสี่ยงผิดชำระหนี้ได้เช่นกัน และถือเป็นช่วงเวลาที่ “นักลงทุนอสังหาฯ” กลุ่มที่ซื้อมาขายไป และ Renovate ห้อง ก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะเป็นช่วงของการซื้อทรัพย์สินราคาถูก กดราคาเพื่อผลกำไร ในทำเลที่มีการเติบโตของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 

            ดังนั้น ณ เวลานี้ ทั้งบริษัทอสังหาทรัพย์ที่ชะลอผลิตทรัพย์สินใหม่ รอระบาย Stock นักลงทุนอสังหาฯ ที่เห็นโอกาส กำลังรอการมาของรถไฟฟ้า และทำเล Capital Gain เข้าเป้า

ระยะเวลาที่ 1 : Recovery สภาวะการฟื้นตัว

           ต่อจากระยะเวลาที่ 4 : Recession คือ “สภาวะรอการฟื้นตัว” หรือที่เรียกกันว่า Recovery ซึ่งช่วงเวลานี้จะเกิดขึ้นอยากช้า ๆ และอาจกินเวลายาวนานถึงปี พ.ศ. 2568 ที่จุดเปลี่ยนคือ นักลงทุนชาวจีน นโยบายผ่อนปร่นจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และความพร้อมของรถไฟฟ้าทุกการเชื่อมต่อที่พร้อมใช้งานอย่างทั่วถึง และสภาวะเศรษฐกิจอื่น ๆ ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน น้ำมันโลก ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในจีน การว่างงาน ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยภายนอก ที่ส่งผลต่อ “ความเชื่อมั่น” ของนักลงทุน ที่ไม่พร้อมลงทุนใด ๆ ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้

            หากมองในเรื่องของสถิต สถานะนี้คือรอความพร้อมในอดีต เช่น วิกฤตต้มยำกุ้งที่เห็นภาพการกลับตัวชัดเจนหลังจากปี พ.ศ. 2543 ถึง 2550 ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์เริ่มหันมาลงทุนบ้านพักอาศัยราคาถูกโซนชานเมือง เช่น บางใหญ่ นนทบุรี จนได้รับความนิยม และมีเงินหมุนเวียนสร้างอาคารพาณิชย์เพิ่มในโซนธุรกิจ (สีแดง) และการมาของรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทที่แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุน จนเป็นการมาของรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ จนถึงปัจจุบัน

           ดังนั้น ในช่วงปี พ.ศ. 2568-2570 เป็นช่วงที่น่าจับตามองที่สุด เนื่องด้วยหากไม่เกิดสงครามจากประเทศมหาอำนาจ ก็จะมาถึงจุดกลับตัวที่น่าสนใจทั้งในและต่างประเทศ

ระยะเวลาที่ 2 : Expansion สภาวะการขยายเพิ่มการลงทุน

            ข้อมูลสถิติได้กล่าวไว้ว่า เมื่อทุกอย่างดีขึ้น สภาวะเศรษฐกิจคึกคัก ความเชื่อมั่นกลับมาถึงจุดที่ยอมรับได้ นักลงทุนทุกภาคสนามก็พร้อมจะเทใจ และนำเงินมาปลูกต้นไม้ให้งอกงาม และนั่นคือ “จังหวะ” ที่มักจะเกิดเป็น Explosion หรือการระเบิดทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามมา อย่างเช่นในช่วงปี พ.ศ. 2560 ที่หันเส้นทางการลงทุนทรัพย์สินอย่าง “คอนโดมิเนียม” มาตามแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิททั้งแนวเส้นทาง ตั้งแต่ ทองหล่อ-เอกมัย-เพลินจิต และสถานีปลาย ๆ ก่อนยุค Covid-19 คือเส้นพระราม 9 ก่อนจะถูกชะลอตัวลงไป

           ดังนั้น ช่วงเวลานี้ตามทฤษฎีคือ “ช่วงแห่งการลงทุน” ที่น่าสนใจ เช่น ค่าเช่าจะถูกดึงสูงขึ้นในทุกทำเลรถไฟฟ้าใหม่ การจ้างงานมากขึ้น เกิดการขยายธุรกิจในพื้นที่ เป็นต้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้นักลงทุน “Buy and Hold” ในช่วงระยะนี้

ระยะเวลาที่ 3 : Hyper supply สภาวะจุดสูงสุดของการลงทุน

            ช่วงเวลานี้ตามทฤษฎี Four of Realestate Cycles คือจุด Peak ที่สุดที่ต่อเนื่องมาจากช่วงระยะเวลาที่ 2 : Expansion และเป็นการมองหาความพึ่งพอใจของนักลงทุนสำหรับการตัดสิน “Sell” เพื่อผลกำไรที่เหมาะสมที่สุดนั้นเอง ซึ่งระยะนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ช่วงปี พ.ศ. 2556-2560 ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์อวดยอดขาย ยอดโอน และผลกำไร พร้อมแจ้งโบนัสพนักงานอย่างมากมาย ยิ่งเป็นเหมือนจุดขายที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอสังหาฯ และนักลงทุน พร้อมนำเงินมาแช่ผลกินผลกำไรกันอย่างต่อเนื่อง

             แต่กลับต้องสะดุด เมื่อวิกฤต Covid-19 ได้เข้ามาเมื่อปี พ.ศ. 2563 จนเกิด Effect ต่อเนื่องให้เหล่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีที่ดินคงค้าง ซื้อทิ้งแต่ไม่พร้อมขึ้นโครงการ ต้องถือยอดดอกเบี้ยตัดผลกำไรกันหลายเจ้า ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นนายหน้า ประกาศขายที่ดิน ลดต้นทุนเองก็มากมายจนถึงปัจจุบัน

           ดังนั้น ทั้งหมดคือบทเรียน ว่าจะเลือกว่า “พอแค่นี้แล้วค่อยไปต่อเมื่อพร้อม” หรือ “จะตัดผลกำไรบางส่วนเพื่อลดต้นทุนบริษัทแล้วรอดูสถานการณ์ใหม่” ทั้ง 2 กรณีมาพร้อมกันและต้องเลือกเพื่อ “รักษาสภาพคล่อง” และระบาย Stock ให้ทันก่อนที่กำไรจะติดลบถัวกับช่วง Peak ก่อนปี พ.ศ. 2560 นั่นเอง

           “นักวิจัยพบว่าวัฏจักรอสังหาริมทรัพย์โดยเฉลี่ยมีระยะเวลา 18 ปี” ความเชื่อเชิงสถิติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลา 18 ปี/รอบ เห็นได้ชัดว่าปัจจุบันประเทศไทยได้มายืนอยู่ในช่วง ระยะเวลาที่ 4 : Recession จนถึง ระยะเวลาที่ 1 : Recovery ตามทฤษฎีก็เป็นได้ หรืออาจกำลังเข้าสู่ช่วง ระยะเวลาที่ 1 : Recovery ก็ไม่อาจตอบได้อย่างแน่ชัด แต่ในช่วงปี พ.ศ. 2568-2570 ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าติดตามและลุ้นให้ทุกอย่างกลับมาดีขึ้นต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.fortunebuilders.com, https://willowdaleequity.com, www.moneybuffalo.in.th, https://classic.set.or.th

อ่านเพิ่ม

หมายเหตุ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ Homeday โดย บริษัท โฮมเดย์ กรุ๊ป จำกัด เท่านั้น บริษัทไม่สามารถให้คำมั่นหรือคำรับประกันเกี่ยวกับเนื้อหา รวมถึงไม่สามารถรับรองความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์เฉพาะใดๆ ตามขอบเขตของกฎหมาย เราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วนสมบูรณ์ ณ เวลาที่จัดทำ ข้อมูลดังกล่าวไม่ควรนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินใจด้านการเงิน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือประเด็นกฎหมายโดยทันที ผู้อ่านไม่ควรอาศัยข้อมูลในบทความนี้แทนคำแนะนำจากผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและสภาวะเฉพาะของท่านได้ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากท่านเลือกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจของท่าน

Sidebar
The Palm (copy)
บทความล่าสุด
ออริจิ้น ปั้นแลนด์มาร์คใหม่ เปิดตัวโซน Wellness Community “Neighbor Well” ในโครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น ลากูน เชิงทะเล ภูเก็ต มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท ปักหมุดแลนด์มาร์ก Hub สุขภาพ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ข่าวสาร
รับสร้างบ้านเดือดบิ๊กเนมอสังหาฯแห่รุกหนัก “พีดีเฮ้าส์” เร่งผลัดใบดันคลื่นลูกใหม่นั่งแท่นซีอีโอ
ข่าวสาร
แสนสิริ เผยความสำเร็จพอร์ตแนวราบ Sold Out! 12 โครงการ รวมมูลค่าทะลุ 17,000 ลบ. จ่อปิดอีก 4 โครงการปีนี้
ข่าวสาร
พฤกษา เตรียมเผยโฉม “เดอะ ไพรเวซี่ พาร์ค เตาปูน” คอนโดใหม่ใจกลาง บางซื่อ-เตาปูน คืบหน้า 90% เริ่มเพียง 2.39 ล้าน มั่นใจพร้อมอยู่ปลายปีนี้ เร็วที่สุดในโซน
ข่าวสาร
ตำนานตัวแม่กลับมาแล้ว! “Mariah Carey: The Celebration of Mimi – Live in Bangkok” คอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ ห้ามพลาดเด็ดขาด!
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Review
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Review
Loading..