“พฤกษา โฮลดิ้ง” เร่งเครื่องสร้าง”ยอดขาย-ยอดโอน”ครึ่งปีหลัง 66 หวั่นหนี้ครัวเรือนยังพุ่งสูง อัตราดอกเบี้ยแนวโน้มสูงขึ้น กระทบกำลังซื้อลดลง เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นล้าน พร้อมเน้นระบายสินค้าพร้อมขายมูลค่า 1.05 หมื่นล้าน ขณะที่ครึ่งปีแรก 66 ทำยอดขายได้ 9,116 ล้านบาท คิดเป็น 38% ของเป้าหมาย และยอดโอน 11,680 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% ของเป้าหมายยอดโอน

        นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทพฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSH) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2566 จะเดินกลยุทธ์การทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ในการสร้างยอดขายและยอดโอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทยังคงยอดขายไว้ที่ 24,000 ล้านบาท และยอดโอน 28,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก 2566 บริษัททำยอดขายได้ 9,116 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ของเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ และยอดโอนอยู่ที่ 11,680 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% ของเป้าหมายยอดโอน เพิ่มสัดส่วนเซ็กเม้นต์พรีเมียม

        พร้อมทั้งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเดินหน้าเร่งการเปิดโครงการใหม่อีก 17 โครงการ มูลค่ารวม 19,000 ล้านบาทท ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นไปที่การเปิดโครงการในระดับพรีเมียมมากขึ้น ทำให้สัดส่วนโครงการพรีเมียมของ PSH เพิ่มเป็น 33% จากครึ่งปีแรกที่ 22% แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ มูลค่า 13,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 5,500 ล้านบาท

        ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าในการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาทั่งหมด 4,975 ล้านบาท พร้อมกับเร่งการขายสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Ready to move) ที่มีมูลค่ารวม 10,593 ล้านบาท ให้หมดในสิ้นปีนี้ ทำให้เป็นปัจจัยที่เร่งยอดขายและยอดโอนให้กับบริษัทได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

        อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีแรงกดดันเข้ามาอยู่บ้าง จากภาวะดอกเบี้ยที่แนวโน้มสูงขึ้น และภาวะหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อลดลง และส่งผลต่อการชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ยังคงต้องรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะมีการนำนโยบายอะไรบ้างที่เข้ามาช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย

        สำหรับโครงการที่เปิดตัวไปแล้ว ได้แก่ “แชปเตอร์วัน ออล รามอินทรา” ทำยอดขายได้มากกว่า 50% ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากคนไทยและต่างชาติ รวมถึงโครงการ “พลัมคอนโด นิวเวสต์” ย่านบางใหญ่ สามารถทำยอดจองในวันพรีเซลที่ผ่านมาได้ถึง 580 ล้านบาท ด้วยทำเลที่ตั้งโครงการที่โดดเด่น ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสามแยกบางใหญ่เพียง 400 เมตร ในราคาที่จับต้องได้ง่าย เริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท

        สำหรับธุรกิจอื่นๆในกลุ่ม PSH ที่กลุ่มประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ทั้งยอดโอนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ ที่มีการเติบโตที่สูงขึ้น และยอดคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) แผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำของ อินโน พรีคาสท์ ก็ทะลุกว่า 2,200 ล้านบาท สูงขึ้นเกินกว่าเท่าตัวจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 1,000 ล้านบาท อีกก้าวหนึ่งสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำแห่งเดียวในประเทศไทย

        ขณะที่โรงพยาบาลวิมุตทำรายได้ที่ไม่รวมโควิดเติบโตขึ้น 77% สัดส่วนจำนวนผู้ป่วยใหม่เข้ารับการรักษากว่า 26% และได้ขยายความร่วมมือกับ “นัลลูรี่” (Naluri) ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยมอบสิทธิในการใช้บริการสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลวิมุตทุกราย ได้ใช้เป็นระยะเวลา 1 ปี พร้อมกับตั้งเป้ายกระดับให้ได้ตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (HA) ในระดับ 3 ภายในไตรมาส 3/2566 เพื่อมอบบริการในระดับสากล และขยายบริการไปยังกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นด้วย และยังได้เปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT) รวมถึงขยายความร่วมมือระหว่างกลุ่ม โดยโรงพยาบาลวิมุตและเทพธารินทร์ได้เตรียมความพร้อมในการจัดตั้ง Medical Academy เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างรายได้ใหม่ให้กับกลุ่ม