กลุ่มวัย Gen Z เริ่มต้นทำงานที่คิดจะซื้อบ้านหลังแรกเป็นของตัวเองอาจต้องคิดหนัก จากปัจจัยเศรษฐกิจและค่าครองชีพสูงขณะที่รายได้ไม่ขยับ แถมดอกเบี้ยผ่อนบ้านสูง การผ่านด่านยื่นขอสินเชื่อที่นับวันจะยากขึ้น การปล่อย “เช่า”ในเรทพิเศษ 1,200 ต่อเดือนของการเคหะแห่งชาติจึงเป็นการเจาะฐานกำลังซื้อของคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง
ผลจากการศึกษาข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มดังกล่าว พบว่าปัจจุบันกลุ่มคนในวัยเริ่มทำงาน หรือ First Jobber ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและสร้างแรงผลักดันในการดำเนินชีวิต รวมทั้งสร้างครอบครัวที่อบอุ่นสำหรับอนาคต
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า กลุ่ม First Jobber ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินและถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อก็สามารถเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ของการเคหะแห่งชาติได้
โดยในปีงบประมาณ 2567 การเคหะแห่งชาติได้รับอนุมัติวงเงินจากสำนักงบประมาณ จำนวน 465 ล้านบาท และในช่วงต้นปีงบประมาณ 2567 การเคหะแห่งชาติได้อนุมัติสินเชื่อฯ ให้กับลูกค้าไปแล้วจำนวน 34 ราย วงเงินรวมทั้งสิ้น 21,218,497.13 บาท
เปิดแพ็คเกจ ‘บ้านตั้งต้น’
ทั้งนี้ กลุ่ม First Jobber สามารถเข้าถึง “บ้านตั้งต้น” ได้ 3 วิธี
- Rent to Buy หรือเช่าเพื่อซื้อ เป็นการเช่าระยะสั้น 3-5 ปี และสามารถซื้อเป็นของตนเองภายในเวลาการเช่าหรือครบระยะเวลาเช่า
- ซื้อแล้วผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน
- เช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติ
ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติมีโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่หลากหลายทำเลทั่วประเทศ โดยคัดเลือกโครงการที่น่าสนใจมาจัดทำ “โครงการบ้านตั้งต้น” ให้กับกลุ่ม First Jobber จำนวน 7,823 หน่วย แบ่งเป็นบ้านเพื่อขาย 6,395 หน่วย และเป็นบ้านเพื่อเช่า 1,428 หน่วย
สำหรับการเช่า กำหนดอัตราค่าเช่าเริ่มต้นที่ 1,200 บาท ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ได้แก่ โครงการเคหะชุมชนพรพระร่วงประสิทธิ์ โครงการเคหะชุมชนทุ่งสองห้อง โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดสมุทรสาคร (กระทุ่มแบน) โครงการเคหะชุมชนออเงิน โครงการอาคารเช่ามาตรฐานรอง เพชรเกษม 91 โครงการอาคารเช่ามาตรฐานรอง เพชรเกษม ระยะ 2 โครงการเคหะชุมชนบางพลี และโครงการอาคารเช่าบ้านพระรามสี่ พลัส
แปลง ‘ผู้เช่า’ เป็น ‘ลูกค้า’ ในอนาคต
การเจาะฐานลูกค้า Gen Z วัยเริ่มทำงานที่ไม่พร้อมซื้อบ้านให้หันมา “เช่า” ในราคาพิเศษ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสามารถในการยื่นกู้และผ่อนชำระมีมากขึ้น จาก “ผู้เช่า” ก็จะเปลี่ยนมาเป็น “ลูกค้า” ได้ในอนาคต เป็นอีกข้อดีของการเคหะแห่งชาติในการเจาะฐานลูกค้าอายุน้อยมากขึ้น จากเดิมที่กลุ่มที่ซื้อบ้านการเคหะส่วนใหญ่จะเป็นในกลุ่ม 35-40 ปีขึ้นไป
พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างแบรนด์ในกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่เริ่มหาเงินตั้งแต่อายุยังน้อย มีความเข้าใจในเทคโนโลยี นวัตกรรม นอกจากนี้ได้ให้ความสำคัญกับสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) และต้องการพื้นที่ส่วนตัว
รวมถึงการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยใกล้ที่เรียนหรือที่ทำงาน เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง และมีเวลาในการทำสิ่งที่ชอบมากขึ้น ซึ่งทำเลที่ตั้งโครงการของบ้านการเคหะจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึง