บริษัท มอเรส ดีเวลลอป จำกัด (MORES DEVELOP) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ประกาศเปิดตัวบ้านหรูระดับ Luxury โครงการที่ 3 ภายใต้แบรนด์ MEKA อย่างเป็นทางการ “MEKA CRESCENT”
(เมฆา เครสเซนต์ สาทร-ถนนจันทน์) ระดับเอ็กซ์คลูซีฟเน้นความเป็นส่วนตัว จำนวน 6 ยูนิต ตอกย้ำความแข็งแกร่ง
ของแบรนด์หลังประสบความสำเร็จกับ 2 โครงการแรกที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม
นายอรรณพ จิตติปัญญากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอเรส ดีเวลลอป จำกัด (MORES DEVELOP) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการขายบ้านหรูระดับ Luxury บนทำเลใจกลางย่านธุรกิจ 2 โครงการภายใต้แบรนด์ MEKA (เมฆา) ได้แก่ MEKA RAMINTRA (เมฆา รามอินทรา) และ MEKA SIGNATURE (เมฆา ซิกเนเจอร์ สาทร – เจริญราษฎร์) สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท และความมั่นใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ที่ยังคงมี High Demand และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอีกในอนาคต ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการพัฒนาโครงการใหม่ MEKA CRESCENT (เมฆา เครสเซนต์ สาทร-ถนนจันทน์) ออกแบบเน้นความเรียบง่าย แต่หรูหรา
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Where Life Shines Bright, Beneath the Moonlight” ที่ผสมผสานธรรมชาติ และความหรูหรา
ด้วยเสน่ห์ของเส้นโค้งเปรียบดั่งดวงจันทร์ เหมือนดั่งการอยู่อาศัยที่เป็น Oasis ในย่านถนนจันทน์

MEKA CRESCENT (เมฆา เครสเซนต์) สาทร-ถนนจันทน์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยว 4 ชั้น เอ็กซ์คลูซีฟ เพียง 6 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 750 – 950 ตารางเมตร ขนาด 3 – 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ พร้อม Maid Quarter และ
ที่จอดรถ 4 คัน ราคาขายเริ่มต้น 65 ล้านบาท* โดยจุดเด่นของโครงการคือ “The One & Only Residence” มีบ้านพิเศษเพียง 1 ใน 6 หลังที่ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอย และประสบการณ์การอยู่อาศัยสไตล์รีสอร์ตระดับ Luxury
พร้อมที่จอดรถซูเปอร์คาร์ ที่ออกแบบเป็นพิเศษ หลังคาโซลาร์ รูฟ และ Private Lift ทุกหลัง, EV Charger, ระบบแอร์ Streamer และเดินสายไฟลงใต้ดิน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่มองหาความแตกต่างอย่างแท้จริง
พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ www.mekacrescent.com
นายอรรณพ กล่าวว่า บริษัท มอเรสฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2564 จากความหลงใหล และวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างบ้านที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัยของคน 3 คนที่มารวมตัวกัน ระหว่างตนเองที่ทำอุตสาหกรรม ประเภทธุรกิจเคมีภัณฑ์ของเล่นเด็ก
วัสดุก่อสร้างฉนวนกันความร้อน และวงการกระดาษมากกว่า 30 ปี กับเพื่อนอีก 2 คนคือ คุณฐิติเวท กิตติรัตน์ ที่มีความรู้และมีประสบการณ์ด้านงานสถาปัตย์ การันตีด้วยความเชี่ยวชาญในระดับวุฒิสถาปนิก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ต้อง
อาศัยทั้งเวลา ประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือในวงการวิชาชีพ สร้างสรรค์ผลงานการออกแบบให้กับ Developer
อสังหาฯ ไทยหลายรายทั้งบ้านและอาคารต่างๆ และคุณปิยวุฒิ เหลืองอร่ามพานิช ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง
มาไม่น้อยกว่า 30 ปี เน้นคัดสรรวัสดุคุณภาพสูงมาตรฐานสากลเพื่อความแข็งแรงทนทาน สวยงาม และเป็นผู้ที่สร้างบ้านให้กับผม สร้างสรรค์ผลงานได้ประณีตมาก
“ก่อนที่จะมีบ้านของตัวเอง ผมเคยขับรถเยี่ยมชมโครงการบ้านหรูจากหลายแบรนด์ หลายทำเล แต่ยังไม่พบแบบบ้าน
ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องฟังก์ชัน ดีไซน์ และความคุ้มค่า จึงตัดสินใจสร้างบ้านเอง เพื่อให้ตรงกับวิถีชีวิตและความชอบส่วนตัวมากที่สุด ประกอบกับส่วนตัวมีความสนใจและหลงใหลในด้านอสังหาริมทรัพย์
มาโดยตลอด จึงเป็นแรงจุดประกายในการพูดคุยกับเพื่อนที่มีความคิดและความตั้งใจคล้ายๆ กันที่จะสร้างบ้านหรูระดับลักซ์ชัวรี่ให้คุ้มค่าเงินของลูกค้าที่จ่ายและเกิดความภูมิใจที่ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง”
โดยบริษัทฯ มีความพร้อมทั้งด้านทีมงานที่มีความชำนาญเฉพาะเรื่องการสร้างบ้าน คัดสรรวัสดุทุกชิ้นที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม เพื่อให้บ้านทุกหลังของบริษัทฯ เป็นบ้านที่ได้มากกว่าคำว่า “ที่อยู่อาศัย” คือ ความงดงามที่เต็มไปด้วย
ความภาคภูมิใจ นั่นเป็นที่มาของแนวคิด “MORES….CRAFT OF LIVING ดีไซน์การใช้ชีวิตที่เหนือกว่าเฉพาะคุณ”
เพราะบ้าน Luxury ที่ดี คือออกแบบดี ก่อสร้างประณีต พื้นที่ใช้สอยครบ ลงตัว ใช้งานได้สมบูรณ์ ตามแบบตรงปกทุกอย่างภายใต้แบรนด์ MEKA
ด้านความปลอดภัยภายในโครงการได้มอบหมายให้บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่มี LIV-24 Security System ให้บริการด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย ที่ผสาน AI Technology กับความเชี่ยวชาญของมนุษย์และออกแบบเครื่องมือ
ดูแลความปลอดภัยและป้องกันความเสี่ยงครบวงจรและช่วยจัดการบริหารจัดการนิติบุคคลและส่วนกลางทั้งหมดเป็นการยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกบ้านของมอเรสฯ
ทั้งนี้บริษัทฯ จะเน้นการพัฒนาโครงการที่มีความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตไม่มาก โดยทั้ง 3 โครงการ มีจำนวนบ้านรวมกันแค่ 35 ยูนิตเท่านั้น มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท โดย 2 โครงการที่ได้เปิดตัวไปแล้ว ออกแบบสไตล์ Modern Luxury ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 35 – 45 ปี ระดับรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 500,000 บาทต่อเดือน มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี เป็นยูทูปเบอร์ เทรดเดอร์ ทำงานวงการแพทย์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน
ยังมีกลุ่มลูกค้าอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่สนใจโครงการซื้อเป็นสินทรัพย์ให้กับลูกหลาน โดยลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 90% ตัดสินใจซื้อจากดีไซน์บ้านสวยทันสมัย การวางแบบแปลนที่ลงตัวกับการใช้ชีวิต
สำหรับโครงการแรกที่ พัฒนาภายใต้แบรนด์ MEKA คือ “MEKA RAMINTRA” (เมฆา รามอินทรา) คอนเซ็ปต์
“THE PRIDE FOR ENDLESS PLEASURE” บนที่ดินกว่า 6 ไร่ ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ใกล้ทางด่วนและห้างสรรพสินค้า เดินทางสะดวกสบายเพียง 6 นาที ถึงรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีรามอินทรา 83 มีจำนวน 23 ยูนิต
เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น สไตล์ Modern Luxury บนเนื้อที่ 60-100 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย ขนาด 360-475 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4-5 ห้องนอน ที่จอดรถ 3 คัน ราคา 18-60 ล้านบาท* เปิดขายครั้งแรกช่วงปี 2565 ภายใน 3 เดือนแรกทำยอดขายได้แล้ว
กว่า 50% ปัจจุบันเหลือขายเพียง 5 หลังสุดท้าย และอยู่ระหว่างขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์อีก 2 หลัง

ส่วนโครงการที่ 2 “MEKA SIGNATURE“ (เมฆา ซิกเนเจอร์) สาทร – เจริญราษฎร์ มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ THE ARTISAN SERIES บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 7 ยูนิต บนทำเลทองศูนย์กลางธุรกิจ
ย่านสาทร-เจริญราษฎร์ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 4 ชั้น สไตล์ Modern Luxury พร้อม Private Pool และ Private Lift จำนวน 6 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 650 ตร.ม.ขึ้นไป มี 3 – 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พร้อมห้องแม่บ้าน
และที่จอดรถ 4 คัน ปัจจุบันเหลือขายเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น ราคา 75 ล้านบาท* พร้อมการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และ
ชุดครัวแบรนด์ Bulthaup (บูลล์ธอป) จากประเทศเยอรมัน ส่วนอีก 1 ยูนิต ที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการ MEKA SIGNATURE คือ โฮมออฟฟิศ หรือเรียกว่า Executive Building ที่เป็น Office Floors และ Luxury Penthouse ในตึกเดียวกันพร้อมระบบ Smart Home ราคาขาย 79 ล้านบาท* ออกแบบสไตล์ Modern Luxury พร้อมฟังก์ชันครบครัน
แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นอาคารสูง 6 ชั้นพร้อม Private Lift พื้นที่ใช้สอย 850 ตร.ม. จอดรถได้มากถึง 8 คัน
“สำหรับโครงการ MEKA SIGNATURE และ MEKA CRESCENT ผมได้เข้ามาดูแลการขายด้วยตัวเอง ทำให้มีโอกาสได้รับฟังข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า ซึ่งหลายเสียงสะท้อนความต้องการที่ชัดเจน โดยเฉพาะลูกค้าที่ walk-in เข้ามาหรือโทรศัพท์สอบถาม ต่างมองหาบ้านในทำเลพระราม 3 ที่มีราคาจับต้องได้ เพื่ออยู่อาศัยใกล้โรงเรียนนานาชาติของบุตรหลาน ขณะที่ลูกค้ากลุ่มใหญ่กว่า 80% ที่ติดต่อเข้ามา เดิมอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม และกำลังพิจารณาย้ายมาอยู่บ้านเดี่ยวแทน เนื่องจากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้นหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวจากประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม
ที่ผ่านมา”
ส่วนแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯ อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ประเภททาวน์โฮมหรู บนทำเลศักยภาพย่านถนนพระราม 3 โดยคาดว่าจะเปิดตัวโครงการได้ในช่วงต้นปี 2569 สำหรับผู้ที่สนใจเยี่ยมชมโครงการทั้ง 3 ภายใต้แบรนด์ MEKA สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.moresdevelop.com หรือ 099-354-8899