“ธุรกิจอยู่ได้ สังคมอยู่ได้ โลกอยู่ได้” Keyword ของการบริหารจัดการธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องคิดและจัดหาทุกกลยุทธ์ที่มีมาทำให้ทั้ง 3 สิ่งนี้เดินไปได้อย่างสมดุล

LPN หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่โฟกัสอยู่กับสิ่งแวดล้อมและชุมชนมาอย่างยาวนาน และจากนี้ไปนับวันจะมีแต่เข้มข้นมากขึ้น มองแต่ละก้าวเดินจากมุมมอง ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลกิจการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ (LPN)
หลายเรื่องที่ LPN ทำมานานแต่การรับรู้ยังอยู่ในวงจำกัด เช่น การจัดการขยะชุมชนใน 21 โครงการนำร่อง เริ่มที่แม่บ้านเป็นคนคัดแยกขยะจากหลายโครางการรวมกัน มีประมาณ 1000 ตันกว่าเดือน สามารถนำมาเป็นขยะรีไซเคิลได้ 6% จากนั้นก็ขยายผลสู่การทำงานร่วมกับ Wake Up Waste แพลตฟอร์มที่ช่วยเก็บรวบรวมขยะตั้งแต่ต้นทาง มีคุณภาพ และการขนส่งไปรีไซเคิลไปดำเนินการต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมทั้งสำนักงานขายหลายแห่งเริ่มนำโซลาเซลส์ดึงพลังงานทดแทนมาใช้
การลงมือทำในเรื่องต่าง ๆ ที่มีมาจาก วิถีแอล.พี.เอ็น. (LPN Way) ว่าด้วยค่านิยม 7 ประการ คือ “C-L-A-S-S-I-C” และ 6 กรีน ที่ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ “การพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน” (Sustainable Development)
C-L-A-S-S-I-C ประกอบด้วย
- Cost with Quality บริหารต้นทุนพร้อมคุณภาพ
- Lateral Thinking คิดนอกกรอบ
- Alliance การทำงานร่วมกับพันธมิตรด้วยความไว้วางใจและเป็นธรรม ร่วมมือเกื้อหนุนกันและกัน
- Speed with Quality รวดเร็วพร้อมคุณภาพ และ ล้ำหน้าผู้อื่นตลอดเวลา
- Service Minded ใจรักในบริการ
- Integrity การมีจริยธรรม
- Collaboration ร่วมมือร่วมใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน
การดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ถือเป็นกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ก็เป็นอีกหลักคิดที่ LPN ให้ความสำคัญทั้งสิ่งแวดล้อม โซเชียล และ ธรรมมาภิบาล
“ในนิยามของเรานั้น E เกี่ยวกับทรัพยากร ทุกครั้งที่ทำธุรกิจเราก็เบียดเบียนโลก เพราะเอาทรัพยากรโลกมาแปรสภาพแล้วขายต่อ ถ้าเราไม่ดูแลโลกสักวันทรัพยากรก็หมดไป
S ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ แต่ละคนมีความต้องการหรือสิ่งที่ควรจะได้ไม่เหมือนกัน ถ้าหากสามารถบริหารจัดการให้ทุกคนได้ในสิ่งที่ใกล้เคียงกันก็จะสามารถดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี และสุดท้าย G กำไรที่ได้มาจะแบ่งปันกันอย่างไร
การบาลานซ์ผู้มีส่วนได้เสีย และกลยุทธ์ที่เลือกมาใช้นั้นนำไปสู่ปฏิบัติได้ จะนำไปสู่ Sustainability และอยู่รอดได้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใด ซึ่งเราก็ผ่านมาได้โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ก็ด้วยการ Practice”
กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ LPN ทำมาโดยตลอด และอยู่ระหว่างการทำให้ทุกอย่างเป็นเวอร์ชั่นที่อัพเกรด และดีขึ้นกว่าเดิม
- เริ่มจาก Green Enterprise ธุรกิจที่ให้ความสำคัญ กับการบริหารจัดการ และทุนมนุษย์
- Green Design Concept การออกแบบผลิตภัณฑ์ ภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาเครื่องมือมาใช้สำหรับเช็คลิสต์งานในส่วนกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การออกแบบโครงการที่คำนึงถึงทิศทางแดดลม มีช่องทางให้ลมผ่านได้ เป็นต้น เพื่อให้แน่ใจว่าหลังจากการเข้าอยู่แล้วจะมีค่าการใช้พลังงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- Green Construction Process การบริหารจัดการผลกระทบที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมในกระบวนการก่อสร้าง “ตอนนี้เรากำลังทำเรื่องกรีน คอนสครัคชั่น โดยมีเครื่องมือในการตรวจเช็คตลอดทางของการก่อสร้างว่าแต่ละจุดเป็นไปตามที่วางแผนไว้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น ถ้าเจาะช่องหน้าต่างต้องใช้กระจกมากกว่าเดิมเป็นจำนวนเท่าไหร่ที่จะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ต้องมองหาจุดสมดุลด้วยว่าทำอย่างไรที่ผู้อยู่อาศัยจะใช้ชีวิตที่สบายและมีความสุขด้วย ซึ่งเป็นการพัฒนาเครื่องมือวัดที่บอกค่าได้แบบเรียลไทม์”
- Green Marketing Management การตลาดที่เป็นธรรมกับผู้บริโภคและคู่แข่ง LPN ทำในสิ่งที่สัญญาไว้กับลูกค้า เงื่อนไขตรงไปตรงมา
- Green Community Management การดูแลและบริหารจัดการคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในโครงการหลังส่งมอบ ซึ่งทำกันในตลอดเส้นทางตั้งแต่รับมอบบ้านจนถึงเข้าอยู่แล้ว หรือที่เรียกว่า Life quality management
- และสุดท้าย Green Financial Management การกำหนดผลตอบแทนและการเติบโตขององค์กรให้เหมาะสม
ประพันธ์ศักดิ์ บอกถึงความตั้งใจของ LPN ในการสร้างบ้านคุณภาพดี ราคาจับต้องได้ ไปพร้อมกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสีย
โดย LPN วางเป้าหมาย Carbon neutrality (อัตราการปล่อย CO2เท่ากับอัตราการดูดซับของ CO2) ให้ได้ในปี ค.ศ.2030 ซึ่งจากผลงานการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ในปี 2021 เทียบกับรายได้จะอยู่ที่ 2.2 ตันต่อรายได้ 1 ล้านบาท ส่วนปี 2022 อยู่ที่ 1.24 ตัน เท่ากับเราผลิตมลภาวะน้อยลง ต่อรายได้ที่ทำ ประมาณ 45% ในปีที่ผ่านมา และก็คาดหวังว่าตัวเลขของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงเรื่อย ๆ เฉลี่ยปีละ 2.5-5%
การจะเดินไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ต้องอาศัยความทุ่มเทเป็นอย่างมาก เพราะยังมีความท้าทายอีก 3 เรื่องที่รออยู่
- หนึ่ง ต้นทุน จะบริหารจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิด Benefit กับโลก และสังคมได้ด้วย
- สอง การทำธุรกิจในยุคนี้ไม่ง่าย ความรู้ และเทคโนโลยี เปลี่ยนไปทุกวัน เพราะเทคโนโลยีที่เลือกใช้ในวันนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้ในวันพรุ่งนี้ และวันต่อ ๆ ต่อไป
- สาม วัฒนธรรม และมายด์เซ็ทของผู้คน การไม่มีมายด์เซ็ทในการดูแลสังคมสิ่งแวดล้อมจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ในการขับเคลื่อน เพราะคนได้แต่ทำให้เสร็จ ไม่ได้ทำให้สำเร็จ
“การพัฒนา 6 Green ที่เป็น New version ก็ค่อย ๆ ทำไป เพราะยังมองเรื่องต้นทุนและความสามารถในการทำกำไร และการบริหารต้นทุนสำคัญ เชื่อว่าในปีนี้ทุกดีเวลลอปเปอร์จะเจอปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของการทำรายได้ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องมาก่อน เรื่องนวัตกรรมก็ไม่ควรหยุดทำ แต่จะใช้สปีดเท่าไหร่นั้นคงต้องพิจารณา ก่อนหน้านี้อาจจะเต้นในจังหวะชะชะช่า ตอนนี้อาจเป็นการเต้นแทงโก้ สลับกันไปช้าบ้างเร็วบ้างให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”
ความสำเร็จที่เกิดขึ้น คือ ธุรกิจจะเดินไปข้างหน้าได้ ทำแล้วต้องมีกำไร สังคมอยู่ได้ และโลกที่ได้รับการดูแล