
อองตวน เบแซร์ เดส์ออรส์ (Antoine Besseyre des Horts) ลีดเดอร์ประจำลิกซิล โกลบอล ดีไซน์ (LIXIL Global Design) ภูมิภาคเอเชีย ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มวิถีชีวิตที่กำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ซึ่งกำลังกำหนดรูปแบบพื้นที่อยู่อาศัยร่วมสมัยว่า การเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ วิวัฒนาการของค่านิยมผู้บริโภค และความท้าทายที่เกิดขึ้นทั่วโลก ได้กำหนดวิธีออกแบบและการใช้งานพื้นที่ในชีวิตประจำวันให้แตกต่างออกไป เมื่อชีวิตของคนเรามีเวลาน้อยลงและเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลมากขึ้น ทำให้เราต้องการบ้านที่ไม่เพียงแค่สะดวกสบาย แต่ยังส่งเสริมคุณภาพชีวิต พร้อมพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและฟื้นฟูจิตใจ ในขณะเดียวกัน การแสดงออกถึงความเป็นตัวเองก็กลายเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการตกแต่งบ้านให้สะท้อนความชอบและบอกเล่าเรื่องราวของตน งานออกแบบที่สนองในเรื่องของความยืดหยุ่น (Flexibility) เป็นสิ่งที่ถูกเรียกร้องมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีการทำงานแบบไฮบริดและการอยู่ร่วมกันของคนในหลากหลายช่วงวัยมากยิ่งขึ้น ทำให้มีความต้องการมากขึ้นสำหรับพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความต้องการ
การคำนึงในเรื่องของความยั่งยืนได้ผลักดันให้ทั้งผู้บริโภคและองค์กรต่าง ๆ มีการทำงานที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น ผ่านการเลือกใช้วัสดุที่ทนทาน ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในอุตสาหกรรมโรงแรม นักท่องเที่ยวไม่เพียงแค่ต้องการสถานที่ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมองหาประสบการณ์ที่หลากหลายที่พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้กำลังกำหนดทิศทางในการออกแบบทั้งบ้าน ที่ทำงาน และที่พัก เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
“บ้าน” ในฐานะพื้นที่แห่งความสบายใจ
“บ้าน” กำลังกลายเป็นสถานที่สำคัญที่ส่งเสริมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจอย่างต่อเนื่อง ผู้คนต่างมองหาพื้นที่ที่สามารถใช้เวลาส่วนตัว เป็นที่พักพิงที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เติมพลัง และหลีกหนีจากความวุ่นวาย ซึ่งห้องน้ำมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ทำให้ผู้คนเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ที่ผสานเทคโนโลยีสปาเพื่อสร้างประสบการณ์แห่งความสุขที่ตรงตามความต้องการของตัวเอง

แม้ว่าส่วนใหญ่อาจจะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศตามปกติแล้ว แต่ยังคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคงทำงานจากที่บ้าน และใช้เวลามากมายอยู่ในบ้าน จึงทำให้ผู้คนต้องการพื้นที่ที่อบอุ่นและน่าอยู่มากขึ้นมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และให้ความรู้สึกผ่อนคลายในช่วงเวลาพักผ่อนจากงาน สีโทนธรรมชาติ เช่น สีเขียวเสจ (Sage) สีฟ้าหม่น (Muted Blue) หรือสีเหลืองออเกอร์ (Ochre) สามารถช่วยสร้างบรรยากาศของความสงบและผ่อนคลาย เหมาะที่จะใช้ในห้องนอนและห้องน้ำ ส่วนสีเข้ม เช่น สีแดงเบอร์กันดี (Burgundy) สีน้ำตาล (Browns) สีแดงอิฐ (Terra-Cotta) สีสนิม (Deep Rust) และสีเขียวมอส (Mossy Greens) ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและเติมเต็มมิติและความสง่างามให้กับพื้นที่ สร้างบรรยากาศที่ทั้งสบายกายและสบายใจ
การใช้วัสดุจากธรรมชาติก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากช่วยเพิ่มความอบอุ่นและความหรูหราผ่านพื้นผิวที่มีเอกลักษณ์ พื้นผิวที่ดิบและไม่ปรุงแต่ง ซึ่งเผยความงดงามเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้การตกแต่งให้เรื่องราวที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
นอกจากนี้ เส้นแบ่งระหว่างการแยกพื้นที่ในร่มและกลางแจ้งเริ่มเลือนรางมากขึ้น การผสมผสานธรรมชาติเข้ากับวัตถุที่สร้างขึ้นจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเมืองที่มีพื้นที่จำกัด การใช้พืชพรรณและองค์ประกอบธรรมชาติไม่เพียงแค่เสริมความสวยงามให้กับพื้นที่ แต่ยังช่วยสร้างสายสัมพันธ์กับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

การตกแต่งภายในที่เป็นเอกลักษณ์
ปัจจุบัน การตกแต่งภายในบ้านไม่ได้เป็นแค่การตามกระแสอีกต่อไป แต่ทุกคนเริ่มมองหาบ้านที่สะท้อนถึงบุคลิกและไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น โดยใช้พื้นที่ภายในบ้านเป็นเวทีในการบอกเล่าความเป็นตัวตน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือความเชื่อส่วนตัว การตกแต่งภายในจึงกลายเป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองในระดับที่ลึกซึ้ง ตั้งแต่การเลือกชิ้นงานศิลปะที่มีความหมายไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เล่าเรื่องราวจากการเดินทางและประสบการณ์ที่ผ่านมา ทุกการออกแบบเต็มไปด้วยความหมายและเชื่อมโยงเรื่องราวต่าง ๆ จนเกิดเป็นพื้นที่แห่งความทรงจำและเรื่องเล่าที่มีคุณค่า การตกแต่งในลักษณะนี้ได้ทำให้บ้านกลายเป็นภาพสะท้อนความทรงจำที่ซ่อนอยู่ตามมุมต่าง ๆ พร้อมบอกเล่ารายละเอียดและเชื่อมต่อประสบการณ์อย่างเต็มที่

การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นประจำ แพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Instagram และ Pinterest ได้เพิ่มแรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้านอย่างมาก กระตุ้นให้ผู้คนอยากลองใช้สี พื้นผิว และองค์ประกอบที่สะท้อนรสนิยมและสไตล์เฉพาะตัว ซึ่งทำให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของงานออกแบบตกแต่งที่ผลิตเป็นจำนวนมาก ไปสู่ชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนตัวตน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะพร้อมรายละเอียดทำมือ หรือการเลือกใช้สีที่ตรงไปตรงมาและการผสมผสานวัสดุที่แตกต่างแต่ลงตัว ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านเลือกใช้เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเอง
แนวโน้มนี้กำลังสร้างพื้นที่ที่มีความหมายและอบอุ่น พร้อมโอบกอดเจ้าของบ้านในทุกช่วงเวลา บ้านจึงไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นสถานที่ที่สะท้อนเรื่องราวและพัฒนาไปพร้อมกับเจ้าของ
พื้นที่ใช้สอยหลายฟังก์ชัน
การทำงานทางไกลและการทำงานแบบไฮบริดยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน บ้านจึงต้องสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลายได้ตลอดทั้งวัน ผู้คนต้องการพื้นที่ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ในทันที จากพื้นที่ส่วนตัวสู่พื้นที่ทำงาน หรือเปลี่ยนจากที่ทำงานในตอนกลางวันไปเป็นที่พักผ่อนในตอนเย็นได้อย่างสะดวกสบายไร้ที่ติ ความต้องการนี้จึงนำไปสู่ความนิยมในการออกแบบพื้นที่ให้เปิดโล่งและยืดหยุ่น ลดการใช้ผนังกั้นเพื่อให้ห้องสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายฟังก์ชัน พื้นที่ส่วนตัว เช่น ห้องน้ำ ก็เริ่มมีการปรับรูปแบบให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ คล้ายกับห้องครัวที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทุกคน
นอกจากนี้ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในเอเชียยังทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันหลายช่วงวัยในบ้านหลังเดียวกันมากขึ้น บ้านจึงได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยที่มีอายุต่างกัน พร้อมพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่พื้นที่ทำงาน พื้นที่เรียนรู้ ไปจนถึงพื้นที่สำหรับสังสรรค์ เมื่อความยืดหยุ่นกลายเป็นสิ่งสำคัญ เฟอร์นิเจอร์และการออกแบบที่เพิ่มความหลากหลาย เช่น เก้าอี้โมดูลาร์ (modular seating) โต๊ะพับเก็บได้ (fold-away desks) และผนังกั้นที่เคลื่อนย้ายได้ จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการออกแบบพื้นที่ใช้สอย
การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
ความยั่งยืนกำลังกลายเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบบ้าน เมื่อผู้คนเริ่มตระหนักและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พวกเขากำลังมองหาวิธีที่ทำให้ชีวิตประจำวันเป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายหรือการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ความต้องการนี้นำไปสู่การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ยั่งยืน ซึ่งทำจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและกระบวนการผลิตที่มีความรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังมองหาวิธีการที่ช่วยประหยัดน้ำและพลังงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายพร้อมกับสร้างผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน คุณภาพและความทนทานจึงกลายเป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้งานได้ยาวนานกว่าสินค้าแบบใช้แล้วทิ้ง

ความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมยังมีอิทธิพลต่อการออกแบบและการก่อสร้างอาคารมากขึ้น เจ้าของอาคารและผู้พัฒนาโครงการต่างนำกลยุทธ์การก่อสร้างที่ยั่งยืนมาใช้ เช่น การปรับปรุงโครงสร้างอาคารเดิม และการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ สภาพอากาศก็กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบ โดยการเลือกใช้เทคนิคการก่อสร้างที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ เพื่อช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศ พร้อมทั้งลดขยะและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ วัสดุที่ยั่งยืนอย่างไม้โครงสร้าง และซีเมนต์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ รวมถึงพื้นผิวตกแต่งต่าง ๆ กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การออกแบบภายในและสถาปัตยกรรมที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

มอบประสบการณ์งานบริการ ใส่ใจประสาทสัมผัสทุกมิติ
อุตสาหกรรมโรงแรมกำลังปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและสะท้อนความชื่นชอบส่วนตัวของพวกเขา ผู้เข้าพักในปัจจุบันต้องการที่พักที่มีเอกลักษณ์ และสามารถสะท้อนวัฒนธรรมและตัวตนของพื้นที่ พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการและเชื่อมต่อประสบการณ์ที่มีความหมาย
กระแสดังกล่าวทำให้โรงแรมและที่พักต่าง ๆ คำนึงถึงทุกมิติในการออกแบบ ไม่ได้จำกัดแค่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้ผู้เข้าพักประทับใจในทุก ๆ ประสาทสัมผัส รายละเอียดของความใส่ใจไม่ว่าจะเป็น กลิ่นหอม พื้นผิว หรือแสงไฟ ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงอารมณ์และยกระดับประสบการณ์การเข้าพักให้ดียิ่งขึ้น ห้องน้ำเองก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นที่แห่งความสบายทั้งกายและใจ โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ด้วยการเลือกใช้สี วัสดุ และโซลูชันเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อให้เกิดความประทับใจในทุกการเข้าพัก

เมื่อผู้เข้าพักมองหาประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและสะท้อนค่านิยมส่วนตัวมากยิ่งขึ้น โรงแรมจึงริเริ่มการร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อมอบประสบการณ์ที่มีความเฉพาะตัว ผ่านการผสานเรื่องราวทางวัฒนธรรม มรดกท้องถิ่น ประเพณี และงานฝีมือ รวมถึงมีการร่วมมือกับช่างฝีมือท้องถิ่นเพื่อสร้างประสบการณ์ทางวัฒนธรรม เสน่ห์ปลายจวัก และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี การพัฒนาเหล่านี้ทำให้โรงแรมกลายเป็นพื้นที่แห่งวัฒนธรรมที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมเติมพลังให้กับการเดินทางของนักท่องเที่ยวรวมทั้งสร้างความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน
กระแสเหล่านี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีการใช้ชีวิตของผู้คน ที่มองหาพื้นที่ที่ไม่เพียงแค่ใช้งานได้ แต่ยังต้องมีความหมาย สะท้อนตัวตน และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือโรงแรม การออกแบบพื้นที่จึงต้องปรับตัวให้รองรับการแสดงออกถึงตัวตน ความยั่งยืน และประสบการณ์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เมื่อไลฟ์สไตล์ของผู้คนไม่หยุดนิ่ง พื้นที่ที่เราใช้จึงต้องผ่านการคิดอย่างตั้งใจ มีความยืดหยุ่น และเชื่อมโยงทางอารมณ์ เพื่อเสริมสร้างความสุขในชีวิตประจำวันและความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว