–
“สไตล์ความเป็นอยู่ที่ปรับเปลี่ยนไป”
“อสังหาปัจจุบัน” จะถูกเล่นด้วยคำว่า “Smart Innovation” เข้ามาผสมในทุกโครงการใหม่มากขึ้นและต่อไปน่ะ หรือมันก็คือการนำเทคโนโลยีอะไรก็ได้! ที่มันง่ายๆ คนไทยเข้าถึงคือจบจ้าา!
ขอเล่าอดีตเกี่ยวกับการลงทุนคอนโดนิดนึ่งน่ะ โดยในอดีตมักเน้นการ “กั๊กข้อมูล” บอกไม่หมดเพื่อหวังขายต่อราคาบวก และกินกำไรจากผลต่างจากความไม่รู้ผู้จะซื้อนั้นเอง ซึ่งกลายเป็นขนมชิ้นดีของนักลงทุนมือเก๋าเลยว่าม่ะ ซึ่งอาจจะเป็นการหลอกลวงเชิงหลักการหน่อยๆน่ะ เพราะการรู้มากเกินไป อาจจะหากำไรจากอสังหาได้น้อยก็เป็นได้ครับ
แต่ปัจจุบันบอกเลยว่า “การกั๊กข้อมูล” นั้นไม่ไร้ผลน่ะจ๊ะ! เพราะยุค 4.0 คือการใช้ระบบ “Social Network” ล้วนๆเลยจ้า นั่งอยู่บ้านชิวๆ กดมือถือ 2-3 มี! แสงขึ้นหัว บรรลุการลงทุนกันไปซะงั้น! 555 เพราะแหล่งข้อมูลในมหาสมุทรมันอยู่ทั่วไปบนอินเตอร์เนตนั้นเองครับ
งั้นเรามาดูกันว่า.. สไตล์นักลงทุนยุคใหม่จะเป็นอย่างไรบ้าง ลองมานั่งเทียนคอนโดและวิเคราะห์ไปพร้อมๆกับแอดได้เลยจ้า
เน้นการใช้สื่อออนไลน์
บอกเลยว่าขั้นเซียนเลยก็ว่าได้ และต่อไประบบพวกเนี้ย! ถือว่าจะเป็น “สกิลติดตัว” ตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้น่ะ อดีตกับการเช่าพื้นที่ “รับขายฝาก-เอเจนต์” ก็เริ่มไม่จำเป็นมากเท่ากับการ “สร้างเวปไซต์” เป็นของตัวเองนั้นล่ะครับ
เนื่องด้วยปัจจุบันคนไทยนิยมใช้ “มือถือ Smart Phone” เป็นหลักเนอะ กับระบบอินเตอร์เน็ต 4G ที่มันเร็วโผดด! ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จะเห็นสื่อได้จากหน้าจอมือถือมากกว่านั้นเองครับ ส่วน Dev. เองก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ใช้การนำเสนอสื่อออนไลน์มากขึ้น และยินดีทุ่มเทเงินด้านสื่อบน Facebook หรือ Google กันส่วนใหญ่นั้นเองครับถึงขนาดบาง Dev. ทุ่มเงินทั้งหมดกับสื่อออนไลน์ 100% เลยก็มีน่ะครับผม!
ส่วนสื่อออฟไลน์แบบเดิม เช่น ป้าย Bill Board หรือ Sign Board , รถแห่ , คนโบกธง , กระบวนแห่ , ตั้งบูสที่ห้าง หรือแม้แต่การสร้างพันธมิตรใหม่บนพื้นที่ข้างเคียงก็ดี ฯลฯ ซึ่งอาจจะถูกปรับเปลี่ยนและลดลงไปเรื่อยๆก็เป็นได้น่ะ
แต่สื่อออฟไลน์มันก็ยังต้องมีอยู่ล่ะครับ.. แต่มันจะน้อยลงน่ะ ซึ่งหลังจากยุคผู้สูงอายุผ่านไป (Aging Society) ต่อด้วยยุค GEN Z ที่บอกเลยว่าจะยิ่งนิยมความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้นไปอีก ซึ่งกลุ่มพวกป้ายกลางสี่แยกอาจจะขายไม่ออกด้วยเช่นกันครับ
สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ : มักเน้นการสร้าง “ความคิดสร้างสรรค์” ที่แตกต่าง กับการศึกษาหาข้อมูลบนอินเตอร์เนตเป็นอันดับหนึ่ง และเน้นการสร้างทีมวิเคราะในสไตล์ของตนเอง ซึ่งทุกการตัดสินใจจะไม่ถูกชักนำด้วย “สื่อ” เปรียบเช่นในอดีตอีกต่อไปครับ และต้องสมเหตุสมผลและจับต้องได้ ซึ่งมันอาจกลายเป็นเรื่องยาก ถ้าหากเราเน้นเพียงยอดขาย ของถูก มือไว อย่างเดียวอาจไม่คงพอน่ะ มันต้องมาแข่งขันกับการ :
“สร้างของดี คุณภาพ และราคาเหมาะสม”
นั้นล่ะคือคำตอบของ “วิถีธุรกิจที่ยั้งยืน” ที่รู้กันอยู่แล้วเนอะในทุกยุคสมัย แต่มันจะเกิดขึ้นจริงอย่างกว้างขวางในยุค 4.0 นี้นั้นเองน่ะ.. ดังนั้นทำอะไรกับเด็กยุคนี้เน้นที่ “ความจริงใจ” เดี๋ยวดีเองจ้าา555 ซึ่งบอกตรงๆเลยว่า “แบรนด์” นั้นมีความสำคัญ (ระดับนึ่ง) แต่ที่เคยบ่นไว้บนเพจหลายครั้งว่า
“แบรนด์ไม่ใช่เครื่องการันตีคุณภาพ”
เสมอไปน่ะจ๊ะ! มันต้องลง Detail ไปถึงแนวทางการบริหารและการสร้างทีมอีกด้วย ไม่ใช่ศึกษาแต่เพียงยอดการเติบโตบริษัทอย่างเดียว จนหลงลืมเรื่องคุณภาพนี้ก็เยอะน่ะ เพราะส่วนมากเจ้าใหญ่ก็มักจะมี Sub-Contractor เจ้าเล็กของตัวเองที่อยู่ระหว่างการเก็บประสบการณ์ก็เป็นได้ และมันคือความเสี่ยงหน่อยๆที่อาจจะหาทรัพย์ที่มีรอยแผลแถมมานั้นเองจ้า
โยนหินถามทาง
ยุคที่โค้ชอสังหา คือ ทุกคำตอบของทุกการลงทุนนั้น! กำลังถึงจุดเปลี่ยนเหมือนกันน่ะ จากการเรียนรู้ออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มทางลัดได้ที่บ้านเราเองนั้นล่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเราอยากจะหาคอนโดเพื่อการลงทุน Yield 8%+ ขั้นต่ำจะหาได้จากไหนกันเน้ออ? ถ้าหันไปถามโค้ชอสังหา แกคงสวนกลับมาว่า :
“บอกไม่ได้หรอก! ต้องไปเรียนรู้ด้วยตนเอง”
ซึ่งมันก็จริงน่ะ เพราะอสังหา Yield 8% ขึ้นไปน่ะ มันก็ไม่ใช่ว่าจะมีทุกโครงการ และถึงแม้จะเจอแล้วว่าเป็นโครงการนี้! แต่มันก็ไม่ได้แปลว่า “ปัจจุบัน” จะได้ค่า Rental Yield อย่างที่เราต้องการจริงๆก็เป็นได้ครับ มันเป็นเรื่องของ “จังหวะ” ล้วนๆเลยว่าม่ะ..
โครงการเดียวกันก็ไม่ได้การันตีผลกำไรแบบเดียวกันเสมอไปนั้นเองครับ เปรียบเทียบเช่นการเล่นหุ้นชนิดนึ่งที่เราต้องมาทำนายอนาคตกับ “จังหวะควรจะซื้อ” และ “จังหวะควรจะขาย” นั้นล่ะคือผลกำไรที่ได้รับอย่างแท้จริงเนอะ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าสมมุติเลือกซื้อคอนโดย่านอโศกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว กับตรม. ล่ะไม่ถึงแสนบาท แล้วคนอื่นก็บอกว่า เอ้ยแก๊! อโศกมันตัวเมืองน่ะเอ้ยย รีบลงทุนด่วนเลย ราคามันกำลังขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งไปๆมาๆ ปัจจุบันตกตรม. ขั้นต่ำล่ะ 300,000+ บาท!!
ถามว่ายังน่าลงทุนอยู่หรือไม่? และถามต่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้ามันจะมี “โอกาส” เป็นตรม. ขั้นต่ำที่ 500,000+ บาท ได้หรือไม่? ซึ่งมันก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้จากการเติบโตบนพื้นที่ข้างเคียง และอาจจะเป็นไปไม่ได้หากพื้นที่ข้างเคียงไม่มีพื้นที่การเติบโตในอนาคตอีกก็เป็นได้ครับ ดังนั้นสถานะราคาขายก็อาจจะหยุดที่ 300,000 บาท/ตรม. ไปอีก 10 ปี หรือขึ้นมาไม่ถึง 500,000 บาท/ตรม. ในอนาคตก็เป็นได้ ซึ่งหมายความว่าเราอาจำ “ทรัพย์ผิด” ที่ถึงแม้จะถือยาวแต่ก็ไม่ได้ %Cap gain แตกต่างจากเดิมตามพื้นที่การเติบโตที่อิ่มตัวก็เป็นได้นั้นเองครับ (อันนี้แอดสมมุติน่ะจ๊ะ! 555)
สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ : มักเน้นการสร้าง “ผลลัพท์” จากการบิดนิดชีวิตเปลี่ยนนั้นเองครับ และมักสร้างเรื่องราวเริ่มจากตอนจบกลับสู่จุดเริ่มต้น ตามสไตล์การสร้างหนังโรงฟอร์มยักษ์อย่าง Star War ที่สร้างหนังไตรภาค 4-6 ตอนจบก่อนมาสร้างภาค 1-3 และยังคงย้อนไปในอดีตเรื่อยๆนั้นเองครับ555 (ออกทะเลแป๊บบ!)
ซึ่งถ้าถามสุดยอดโค้ชอีกซะรอบ ก็คงถูกมองด้วยหางตา และฝากให้ไปเก็บเวลจากการเดินสำรวจคอนโดซะ 100 โครงการ+ เมื่อนั้นล่ะ! เราถึงจะเจอ “คอนโดเกียรตินิยม” ก็เป็นได้555 ซึ่งจริงๆแอดว่า “การลงพื้นที่” มันก็ดีล่ะ มันทำให้เราได้เห็นของจริงและวิเคราะห์จากต้นเหตุไปสรุปเป็นผลลัพท์เนอะ! แต่เอาจริงๆ แอดก็อยากลงไปสำรวจน่ะ แต่ขอเป็นทรัพย์ที่ใกล้เคียงจะได้ Rental Yield 8% ได้ม่ะ! ไม่ใช่ให้ไปสำรวจเดินมั่วซั่วไปซะทุกที่น่ะเฮ้ยย555 เอางี้! ยุคนี้ยิงคำตอบไปเลย!! เดี๋ยวเดินไปสำรวจเอง บิดนิด ชีวิตเปลี่ยนครับ ถ้าสมมุติตั้งคำถามแบบนี้ล่ะ :
“รับซื้อคอนโดมือสองพร้อมผู้เช่า Yield 8% ขึ้นไป”
อ้าวเอ้ยย! เกมส์พลิก! 555 ไม่ต้องไปนั่งตากแดดดูมั่วๆเองด้วย แถมมีนักลงทุนมาคำนวณที่ Yield ให้แล้วเสร็จอีก! พร้อมกับโพสใต้คอมเม้นต์กันเป็นว่าเล่น เพียงแค่นี้เราก็สามารถมาเลือกสร้าง Passive Income เงินบวกรายเดือนแบบไม่ต้องคิดเยอะ แค่รบกวนอ่านใต้โพสและวิเคราะห์ “ตัดสินใจ” ด้วยตนเองอีกครั้งก็เรียบร้อยแล้วเห็นม่ะล่ะ!
ซึ่งบอกเลยว่าปัจจุบันทำได้! เพราะคอนโดมันเยอะมากก! ทำให้เราได้เปรียบที่จะมีคนที่คิดก่อนที่อยากจะมีทรัพย์เป็นของตัวเอง และก็มาขายบวก %Cap gain หน่อยๆนั้นล่ะครับ! แหม่! คิดว่าเรื่องการลงทุนคอนโดเป็นเรื่องใหม่งั้นหรือ? มันมีมาเป็น 10-20 ปีได้แล้วจ้าา แต่ที่มันไม่ค่อยออกสื่อ เพราะอดีตมันไม่ได้มีอินเตอร์เนตอะไรแบบนี้ไง ค่าเรียนคอร์สเลยแพงแถมกั๊กข้อมูลกันเยอะกลัวรู้เยอะนั้นเองครับผม555 ซึ่งไม่แน่ปัจจุบันและอนาคตอาจจะเกิด “นักลงทุนเยอะจนล้นตลาด” ก็เป็นได้จ้าา ซึ่งให้ท่องไว้เลยว่า ยิ่งเยอะยิ่งแชร์กันเยอะน่ะจ๊ะ! กำไรก็น้อยลงไปด้วยครับผม
ใช้คนอื่นทำงานแทน
แม้แต่เรื่องการขายของออนไลน์ยังใช้ “Application” สรุปยอดขาย/ยอดโอน/ปิดการขาย จากการสร้างหนึ่งคอนเทนต์ที่อธิบายสรรพคุณสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่กดคลิก 3-4 ทีก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีของเราเองได้แล้วใช่ม่ะ ซึ่งไม่ต้องมาให้แอดไลน์ นั่งอธิบายสินค้า สต๊อกของ เดินไปไปรณีย์เพื่อส่งของ ฯลฯ อีกต่อไปแล้วเนอะ“ความทันสมัย” มันกำลังมาซึ่ง “ความสะดวกสบาย” ที่มากขึ้น ซึ่งคนรุ่นใหม่จะมีสกิลด้านนี้ติดตัวมาเลยก็ว่าได้ครับ เค้าถึงรู้จักการใช้ระบบมาช่วยบริหารงานแทนเองจ้า ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่า
“เอเจนต์จึงมาแทนที่ปัจจุบัน”
เอเจนต์เป็นอีกหนึ่งทีมงานที่มี Connection ส่วนตัวกับแหล่งลูกค้าสำรองที่สนใจหรือกำลังมองหาทรัพย์เพื่อซื้อหรือเช่านั้นเอง และยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยลดเวลาการปิดการขายทรัพย์ของเราได้ง่ายขึ้นนั้นเองจ้า แลกกับผลต่างค่าดำเนินนิดหน่อยเนอะ เช่น การฝากขาย (1-5%), การปล่อยเช่า (1-1.5 เท่า) ฯลฯ
สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ : มักเน้นการสร้าง “ความรวดเร็ว” แลกกับการเพิ่มค่าใช้จ่ายนิดหน่อยนั้นเองครับ “ขายเองก็ดี ฝากเอเจนต์บางก็ได้” ซึ่งสามารถดำเนินไปพร้อมกันได้ทั้ง 2 ทางนั้นเองครับ ซึ่งมันก็ดีกว่าขายไม่ออกเลยถูกไหมล่ะ! มานั่งทะเลาะกันหลักร้อยหลักพันจากค่าเช่าที่ไม่ได้ตามที่ต้องการ แลกกับการไม่มีผู้เช่าเลยอันไหนมันคุ้มกว่ากันเน้ออ555
มองหานวัตกรรมใหม่
อดีตกับยุคที่เน้นความอดทน โดนด่า เดี๋ยวดีเอง จะถูกทำลายด้วยคำว่า “นวัตกรรม” เพื่อความสะดวกสบายถึงจุดสูงสุดนั้นเองจ้า555 (ออกแนวสะใจ) ดังนั้นสิ่งนี้จะเป็นเรื่องของอนาคตหน่อยๆ ที่ต้องนึกถึง 2 ปัจจัยหลักๆ คือ
“ความพร้อมและความเหมาะสม”
นึกภาพอสังหาโครต Smart Innovation แต่ชาวบ้านยังใช้ระบบแสงเทียนส่องทางอยู่แบบนี้! มันจะเป็นเรื่องของ “ความไม่พร้อม” ที่นำ Smart Innovation มาเร็วเกินไปก็เป็นได้
หรือแม้แต่อสังหาโครต Hign End แต่ไปสร้างอยู่ในลืบในซอยลึก มันก็อาจจะเป็นเรื่องของ “ความไม่เหมาะสม” ของทำเลก็เป็นได้นั้นเองจ้า
ทุกสิ่งอย่างมันต้อง “ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีล่ะนิด” นั้นคือคำตอบของการพัฒนานวัตกรรมที่ถูกต้องที่สุดนั้นเองเหมือนกันน่ะ หรือเรียกง่ายๆว่า “ค่อยๆปล่อยของ” สร้างความตื่นเต้น Surprise! เป็นปีๆ จะได้มีของเล่นกันเรื่อยๆเนอะ ส่วนปัจจุบันมีอะไรน่าสนใจบ้าง เท่าที่แอดพอรู้ก็เช่น EV-Changing, Home Automation, Delivery Bot, QR Code & App (โครงการและร้านค้า), Solar Cells, Face Recognition ฯลฯ
และเชื่อว่ายังคงมีมากกว่านี้อีกเยอะแน่ๆครับ แต่ในเชิงการก่อสร้างเองคงเป็นเรื่องของการพัฒนาระบบ Precast และปรับเปลี่ยนรูปแบบทางสถาปัตย์เพิ่มความสวยงามแนวโมเดิร์นมากขึ้นให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ไปเนอะ ซึ่งจะเป็นของ Emotional นั้นล่ะ และมันยากจะเข้าใจหน่อยๆ นอกจากพี่สถาปัตย์เค้าจะคิดอะไรสร้างสรรค์ออกมาเนอะ ส่วนเราผู้บริโภคก็ใช้อารมณ์กับสายตามองเอาเองล่ะกันว่าสวยไหม555 แต่อย่างไรก็ดี เรื่องทำเลคือเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งน่ะเอ่อ.. อย่าลืมซะล่ะ555
สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ : มักเน้นการสร้าง “ความล้ำสมัย” แต่ยังหัวโบราณกับการยึดราคาขายตามราคาตลาดนั้นเองครับ555 ซึ่งมันจะยากมากเลยน่ะ ถ้าเราอยากได้ทั้ง Smart Innovation แต่ซื้อขายในราคาที่ยอมรับได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องของ “ต้นทุนการผลิต” ที่แอดเกริ่นเรื่องของ “ความเหมาะสม” นั้นล่ะ บางทีคิดต่างนำ Super Smart Innovation จากต่างประเทศที่เค้าล้ำเราไปซะ 50 ปี นำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยเร็วเกินไป ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงเวอร์ แล้วก็เอาไปยัดอยู่ในราคาขายที่สูงตามไปด้วย ซึ่งมันก็อาจจะยากหน่อยๆที่จะเน้นขาย Target Group ส่วนใหญ่กว่า 90% ที่ไม่ได้มีตังไรเยอะแยะเนอะ
ดังนั้น “ความพร้อม” มันก็ต้องรอเวลาเหมือนกันเนอะ ซึ่งบอกเลยว่าอนาคตเรื่องแบบนี้มันต้องมารัวๆน่ะ แต่ก็ดูตลาดด้วยว่าชาวบ้านเค้าทำกันบ้างป่าวเน้อ ทำก่อนมันก็ดี แต่จะแพงน่ะ สุดท้ายคิดดีแต่ขายไม่หมด ก็ Stock อสังหาบานกันไปครับผม555
ไม่ยึดติดความสำเร็จเดิม
“ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ทุกทาง” นี้คือคำนิยามของนักลงทุนยุคใหม่อย่างเราๆเหมือนกันน่ะ ดังนั้นสิ่งที่มองหาคือ “ข้อมูล” เพียงเท่านั้นล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวพี่แถเอ๊งง! 555 ไม่เน้นให้ใครมาบอกให้ทำอะไรน่ะ ดังนั้นทุกเรื่องของอสังหาหรือคอนโดแท่งไหนที่ไปส่อง จะเน้นทำเองด้วยเครื่องมือต่างๆตามข้อ 1-3 และนำมา Trial & Error แล้ววัดดวงกันไปจากความเก่งของตัวเอง เก่งมากก็ลงทุนเจอคอนโดแท่งที่ “พร้อมและเหมาะสม” และเป็นแท่งที่ทางตลาดต้องการปัจจุบัน จะปล่อยเช่าก็เป็นบวก พอผ่านไป 2-3 ปีก็ขายต่อได้ %Cap gain บวก ก็เป็นได้ไม่ยากครับ
แต่ “ประสบการณ์” ก็สำคัญน่ะ ดังนั้นการรับฟังจากรุ่นพี่ที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อน เพื่อนำมาเป็นไอเดียดีๆ และนำมาคิดต่อแต่อย่าไปเชื่อทั้งหมดน่ะ เพราะปัจจุบันความยากของอสังหาคือ “ทิศทางที่ไม่ชัดเจน” เพราะการเข้าถึงข้อมูลแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้การคาดคะเนอนาคตโครตยากก! ทุกวันนี้แอดยังมึนๆตามทิศทางอสังหาปัจจุบันไปด้วยน่ะ แต่ที่รู้ๆคือ ถ้าที่ไหนบอกว่า ปีหน้าดีขึ้น แอดนี้ลุกขึ้นเลยน่ะ! เพราะปัจจัยลบเยอะมากเลยน่ะเอ่อ..
สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ : มักเน้นการสร้าง “ด้วยตนเอง” และมองหาความการลงทุนคอนโดที่แตกต่าง ไม่เน้นตามกระแสเก็งกำไรใบจองแบบฉาบฉวยน่ะเอ่อ555 (วนมาเรื่องเดิม ฮ่าๆ) ดังนั้นอาจเป็นเรื่องยากที่เราจะเดาทางหน่อยๆ และเป็นเรื่องยากสำหรับ Dev. ที่จะขายของเคลีย Stock ได้ด้วยเช่นกันเนอะ ซึ่งต้องใจเย็นๆ และเน้นความจริงใจในการนำเสนองานน่ะ ก็เน้นสร้างของดีคุณภาพ (จริงๆ) นั้นล่ะพอครับ สุดท้ายการขายก็จะได้ทั้ง คนอยู่อาศัยจริงๆ และนักลงทุนที่มีกำลังซื้อแถมได้การบอกต่อกับกลุ่มเพื่อนๆนักลงทุนด้วยกันอีกด้วยจ้า
สรุป : “กระชับและได้ผลลัพท์” สิ่งที่แชร์กันวันนี้ไม่มีอะไรมากครับ มันเป็นเพียงไอเดียเล็กๆเกี่ยวกับมุมมองการลงทุนของแอดเอง! เพื่อการปรับตัวให้เหมาะสมในอนาคตเนอะ และเชื่อว่าเด็กยุคใหม่ที่มีความเป็นตัวเองสูง ก็คือกลุ่มที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความเชื่อในตัวเองมากกว่า หนังสือเล่มเดิมก็เป็นได้จ้า แล้วอสังหาที่ว่าเหมาะสมกับยุคต่อไปล่ะ? ส่วนตัวก็บอกเลยว่ามันคืออสังหาที่
“เปิดเผย จริงใจ และเข้าถึงได้ง่าย”
ถึงแม้ในปี 2562 อสังหาจะมีปัจจัยลบทั้ง Stock ที่ระบายยากขึ้น, ดอกเบี้ยที่สูง, กฎเข้ม LTV และเศรษฐกิจที่ต้องคุย Fact! น่ะเฮ้ยย! ไม่ใช่คุยบวกสร้างกระแสอย่างเช่นในอดีตเสมอมา! เข้าใจล่ะว่ามันกระทบต่อการลงทุนหุ้นก็ดี หรือความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ แต่ข้อมูลหลอกเยอะไป แล้วรออั้นระเบิดตอนท้ายเปรียบเช่นปัญหา IMF และต้มยำกุ้งในอดีต ซึ่งมันกลายเป็นว่าทำลายล้างกระดานราบเรียบกันไปเยอะ ซึ่งส่วนตัวการคุย “ความจริงตั้งแต่เนิ่นๆ” มันจะได้ช่วยการแก้ไขปัญหาได้ถูกทางในอนาคตต่อไปจ้า
“คอนโดมิเนียม” บอกเลยว่าไม่ดีขึ้นในปี 2562 น่ะ และสไตล์การลงทุนที่เก็บข้อมูลบนโซเซียลได้ง่าย มันยิ่งทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสตัดสินใจได้มากขึ้นในอดีตนั้นเอง เข้าใจหลักการขายที่ว่า “รีบปิดอย่างให้ลูกค้าคิดนาน” ได้น่ะ.. ซึ่งมันอาจจะดีต่อ Dev. ที่มียอดเข้าโครงการ แต่มันอาจจะไม่ดีกับผู้บริโภคที่ซื้อโดยไม่รู้ และมันอาจจะเป็นทรัพย์สินที่ผิดก็เป็นได้จ้า
ดังนั้นการปรับตัวเรื่อง “ความจริงใจ” มันน่าจะเกิดขึ้นในอนาคตในเรื่องของธุรกิจอสังหาด้วยน่ะจ๊ะ พี่ๆ Dev. ทุกคนจ้า มันเป็นทางเลือกที่ดีกับนักลงทุนยุค 4.0 ต่อไปนั้นเองจ้า