การปลูกตะไคร้ในกระถางที่บ้านเป็นวิธีการที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งในการประกอบอาหาร การรักษาสุขภาพ และการไล่แมลง การปลูกตะไคร้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แต่ยังเป็นการสร้างพื้นที่เขียวให้กับบ้านและสามารถสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย บทความนี้จะนำเสนอวิธีการปลูกตะไคร้ในกระถางอย่างครบถ้วน ตั้งแต่การเตรียมต้นพันธุ์ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวและการใช้ประโยชน์

ทำไมต้องเลือกปลูกตะไคร้ในกระถางที่บ้าน?
การปลูกตะไคร้ในกระถางมีข้อดีมากมายที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจมากขึ้น1 เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนเริ่มหันมาสนใจทำการเกษตรกันมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่บ้านในเมืองหลวงที่ยอมแบ่งพื้นที่เอาไว้ปลูกผักสวนครัวเพื่อนำไปใช้และลดค่าใช้จ่าย การปลูกในกระถางช่วยให้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าการปลูกลงดิน โดยเฉพาะในเรื่องของการระบายน้ำและการป้องกันศัตรูพืช
ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citrates เป็นพืชล้มลุกในตระกูลหญ้า มีถิ่นกำเนิดจากแถบอินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา และไทย1 ลักษณะเด่นของตะไคร้คือการขึ้นเป็นกอและมีเหง้าอยู่ชั้นใต้ดิน ลำต้นเป็นรูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยง เจริญเติบโตได้ประมาณ 1 เมตร มีใบเดี่ยวสีเขียวอ่อนลักษณะเรียวยาวปลายแหลม การขยายพันธุ์ทำได้ด้วยการแยกกอออกมาปลูกใหม่1 ทำให้เป็นพืชที่เหมาะสำหรับการปลูกในครัวเรือนเป็นอย่างมาก

ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสุขภาพ
การปลูกตะไคร้ที่บ้านนอกจากจะได้ใช้ประโยชน์ในการประกอบอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางการแพทย์ที่หลากหลาย1 ตะไคร้มีสรรพคุณที่ช่วยรักษาไข้หวัด ขับเสมหะ ขับลม แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล ต้านเชื้อรา ต้านการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สเปรย์กันยุง สบู่ แชมพู ยาทาแก้ปวดเมื่อย และเครื่องสำอาง ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย

การเลือกพันธุ์และเตรียมต้นพันธุ์ตะไคร้
ก่อนเริ่มปลูกตะไคร้ ผู้ปลูกควรเข้าใจเกี่ยวกับสายพันธุ์ต่างๆ ของตะไคร้เพื่อเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับความต้องการ ในประเทศไทยสามารถพบตะไคร้ได้ทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้หางนาค ตะไคร้ต้น ตะไคร้หางสิงห์ และตะไคร้น้ำ โดยสายพันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกมากที่สุดคือตะไคร้หอม เนื่องจากมีกลิ่นหอมแรงกว่าสายพันธุ์อื่น เหมาะสำหรับการประกอบอาหารและการสกัดน้ำมันหอมระเหย
วิธีการเตรียมต้นพันธุ์
การเตรียมต้นพันธุ์ตะไคร้มีหลายวิธี โดยต้นตะไคร้ที่จะนำมาปลูกจะต้องเป็นต้นตะไคร้ที่มีรากติด หากแยกกอออกมาจากต้นที่สมบูรณ์ ให้แยกออกมาแค่ 3 ต้นเท่านั้น สำหรับตะไคร้ที่ซื้อมาไม่มีราก ต้องตัดโคนต้นให้เหลือความยาวประมาณ 1½ นิ้ว แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อรอให้รากงอกแล้วค่อยนำไปปลูก การเตรียมต้นพันธุ์ที่ถูกต้องจะส่งผลต่อความสำเร็จในการปลูกอย่างมาก
ข้อสำคัญในการเตรียมต้นพันธุ์คือการลอกกาบสีดำหรือน้ำตาลแก่ออกให้หมด3 เพราะจะทำให้ตะไคร้ไม่ยอมแตกกอ ควรแบ่งต้นตะไคร้ออกจากกอเดิมตามจำนวนที่จะนำมาปลูก แบ่งออกจากกันเป็นต้นๆ แล้วตัดใบทิ้ง การเตรียมต้นพันธุ์ที่ดีจะช่วยให้ต้นตะไคร้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้รวดเร็วและเติบโตแข็งแรง
การเตรียมกระถางและดินสำหรับปลูก
การเลือกกระถางที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการปลูกตะไคร้ ควรใช้กระถางสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับรากตะไคร้ในการเจริญเติบโต การปลูกในกระถางจะทำให้อากาศสามารถแทรกผ่านจากด้านข้างไปยังรากได้ดี ทำให้ต้นโตไวขึ้น7
การผสมดินที่เหมาะสม
วัสดุปลูกที่เหมาะสมสำหรับตะไคร้ประกอบด้วยดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ปุ๋ยคอก และวัสดุรองก้นกระถาง สำหรับการปลูกในเข่ง มีสูตรดินเฉพาะที่แตกต่างกัน สำหรับตะไคร้ใช้ใบไม้แห้ง 1 ส่วน กาบมะพร้าวสับเล็ก 1 ส่วน และดิน 2 ส่วน สูตรนี้จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับดิน เนื่องจากตะไคร้เมื่อโตขึ้นจะมีใบเยอะและมีความสูง ทำให้ต้นล้มเอียงง่าย การใช้ดิน 2 ส่วนจะช่วยเพิ่มน้ำหนักและความมั่นคงให้กับต้น
การเตรียมดินในกระถางเริ่มต้นด้วยการรองก้นกระถางด้วยวัสดุรองก้นเช่น แกลบ หิน หรือใบไม้แห้ง จากนั้นเทดินลงไปประมาณครึ่งกระถาง แล้วนำปุ๋ยคอกมาผสมดินให้ทั่ว สุดท้ายเทดินลงไปให้เกือบเต็มกระถาง การจัดเตรียมดินที่ดีจะเป็นรากฐานสำคัญต่อการเจริญเติบโตของตะไคร้

ขั้นตอนการปลูกตะไคร้ในกระถาง
เมื่อเตรียมต้นพันธุ์และกระถางเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มขั้นตอนการปลูก ใช้พลั่วเขี่ยดินตรงกลางให้เป็นหลุม แล้วนำต้นตะไคร้ที่แยกกอหรือต้นที่แช่น้ำเอาไว้มาปลูก วางต้นตะไคร้ให้เอียงเล็กน้อย แล้วกลบดินให้มิดชิดแต่ไม่ต้องแน่นมาก หลังจากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม ในกระถางหนึ่งใบสามารถปลูกได้ประมาณ 5 ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดของกระถาง
การปลูกในแปลงดิน
สำหรับผู้ที่มีพื้นที่และต้องการปลูกตะไคร้ในแปลงดิน ให้ขุดหลุมขนาด 25x25x25 เซนติเมตร เว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 1×1 เมตร แต่ละหลุมจะปลูกได้ประมาณ 2-3 ต้น การปลูกแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกเพื่อการค้าหรือมีความต้องการใช้ตะไคร้ในปริมาณมาก หลังจากปลูกให้เหยียบดินรอบต้นให้แน่น เพื่อให้ต้นตั้งตัวได้ดี
การปลูกตะไคร้ในแปลงดินต้องคำนึงถึงระบบการให้น้ำ หากต้องการได้ลำต้นอวบใหญ่สำหรับการขาย ต้องดูแลระยะห่างและระบบน้ำให้ดี เนื่องจากตะไคร้เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก จึงจะส่งผลให้ลำต้นมีขนาดใหญ่ สามารถปล่อยน้ำลงแปลงตะไคร้ให้ชุ่มสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การดูแลรักษาตะไคร้หลังปลูก
หลังจากปลูกตะไคร้เสร็จแล้ว การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จ เริ่มต้นด้วยการรดน้ำในกระถางให้ชุ่ม นำไปวางไว้ในที่ที่มีแดดรำไรก่อน เมื่อสังเกตเห็นว่าต้นเริ่มแข็งแรงดีให้นำกระถางออกมาตั้งให้โดนแดด ตะไคร้ชอบแดดจัดและเจริญเติบโตได้ดีเมื่อได้รับแสงแดดเพียงพอ6 ประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
ระบบการให้น้ำ
การให้น้ำควรทำอย่างสม่ำเสมอทั้งเช้าและเย็น จนตะไคร้สามารถตั้งตัวได้ จากนั้นรดน้ำ 5 วันต่อครั้งก็เพียงพอแล้ว การให้น้ำแบบสม่ำเสมอในระยะแรกจะช่วยให้ต้นปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดี ส่วนในระยะหลังเมื่อต้นแข็งแรงแล้วสามารถลดความถี่ในการให้น้ำลงได้ แต่ต้องระวังไม่ให้ดินแห้งจนเกินไป
สำหรับการปลูกในเข่ง ควรใช้น้ำส้มควันไม้ผสมน้ำรดให้ชุ่ม น้ำส้มควันไม้จะเป็นตัวช่วยป้องกันเชื้อราและช่วยให้ระบบรากแข็งแรง ทำให้รากงอกเยอะขึ้น นอกจากนี้ควรกลบหน้าดินด้วยกาบมะพร้าวสับ เพื่อช่วยเก็บความชื้นและป้องกันวัชพืช
การใส่ปุ๋ยและการบำรุง
หลังจากปลูกได้ 3 เดือน ต้นตะไคร้จะเริ่มแตกกอ36 ในช่วงนี้ควรใส่ปุ๋ยบำรุง โดยเน้นปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เพื่อบำรุงต้นและเพียงพอต่อการแตกกอ สามารถใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสูตร 46-0-03 โรยที่บริเวณโคนกอตะไคร้ กอละ 1 กำแล้วรดน้ำ การใส่ปุ๋ยในช่วงนี้จะช่วยให้ต้นตะไคร้มีพลังงานเพียงพอในการแตกกอและเจริญเติบโต
การบำรุงรักษาอื่นๆ ที่สำคัญคือการกำจัดวัชพืชรอบๆ กระถางหรือแปลงปลูก และการตรวจสอบโรคแมลง อย่างไรก็ตามตะไคร้มีคุณสมบัติที่ช่วยขับไล่แมลงได้หลายชนิด จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแมลงศัตรูพืชมากนัก นอกจากนี้การแตกกอของตะไคร้ยังช่วยให้พื้นที่ปลูกมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น ช่วยป้องกันวัชพืชได้ในระดับหนึ่ง
ระยะเวลาและวิธีการเก็บเกี่ยว
ตะไคร้สามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกแล้ว 8 เดือนจนถึง 1 ปีครึ่ง หรือเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลังจากปลูก 3 เดือนจนถึง 6 เดือน6 ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน หากต้องการใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารสามารถเก็บได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน แต่หากต้องการให้ได้ลำต้นที่แก่และมีน้ำหนักมากควรรอจนกว่าจะอายุครบ 8 เดือนขึ้นไป
เทคนิคการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง
การเก็บเกี่ยวตะไคร้สามารถถอนได้ทั้งลำต้นถึงโคนสุด3 และหมั่นถอนเพื่อไม่ให้มีหลายต้นเกินไปในกอเดียว หากไม่แยกออกไป จะทำให้ต้นตะไคร้เล็กลงและลีบลงเรื่อยๆ หรือบางครั้งก็แคระแกรน ต้นและกอก็จะโทรม ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์หรือปลูกต่อได้ การแยกกอที่เหมาะสมจะช่วยให้ต้นที่เหลืออยู่มีพื้นที่และธาตุอาหารเพียงพอในการเจริญเติบโต
หากอายุมากกว่า 6 เดือน คุณภาพของผลผลิตและน้ำหนักจะลดลง6 ดังนั้นการวางแผนเก็บเกี่ยวให้เหมาะสมจึงมีความสำคัญ สำหรับการปลูกเพื่อการค้า ควรมีการวางแผนการปลูกหลายรุ่นเพื่อให้มีผลผลิตต่อเนื่อง และการแยกกอบางส่วนไปปลูกใหม่เพื่อรักษาความต่อเนื่องของการผลิต

สรรพคุณและการใช้ประโยชน์จากตะไคร้
ตะไคร้มีสรรพคุณมากมายทั้งในด้านการแพทย์และการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน สรรพคุณที่สำคัญ ได้แก่ การช่วยระบบย่อยอาหารโดยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย นอกจากนี้ยังช่วยลดไข้และบรรเทาอาการไข้หวัด บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และลดอาการอักเสบในร่างกาย
การแปรรูปและใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
ตะไคร้สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด เช่น สเปรย์ตะไคร้หอมกันยุง ยากันยุง สบู่ แชมพู ยาทาแก้ปวดเมื่อย และเครื่องสำอาง การแปรรูปเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตและเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เสริม โดยเฉพาะการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่มีความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและอาหาร
กลิ่นหอมของตะไคร้ยังมีคุณสมบัติไล่แมลงบางชนิดได้ ทำให้สามารถใช้เป็นยาไล่แมลงธรรมชาติ นอกจากนี้ยังใช้ในการทำชาสมุนไพร น้ำแกงต่างๆ และเป็นส่วนประกอบในอาหารไทยหลายชนิด โดยเฉพาะต้มยำและยำต่างๆ ที่ขาดตะไคร้ไม่ได้
การแก้ไขปัญหาและข้อผิดพลาดทั่วไป
ปัญหาที่พบบ่อยในการปลูกตะไคร้คือต้นล้มเอียง โดยเฉพาะเมื่อปลูกในเข่งหรือกระถาง การแก้ไขปัญหานี้คือการปรับสูตรดินให้มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนดินเป็น 2 ส่วน แทนที่จะใช้ 1 ส่วน และลดสัดส่วนใบไม้แห้งลง การจัดค้ำยันต้นในช่วงแรกจนกว่าระบบรากจะแข็งแรงก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง
อีกปัญหาหนึ่งคือการที่ต้นตะไคร้ไม่แตกกอ สาเหตุมักเกิดจากการไม่ลอกกาบใบสีดำหรือน้ำตาลแก่ออกให้หมด หรือต้นพันธุ์ไม่แข็งแรง การแก้ไขคือการเตรียมต้นพันธุ์ให้ถูกวิธีและให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงเมื่อต้นอายุได้ 3 เดือน การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและการดูแลไม่ให้มีวัชพืชแย่งธาตุอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ
สรุป
การปลูกตะไคร้ในกระถางที่บ้านเป็นกิจกรรมที่คุ้มค่าและไม่ยากอย่างที่คิด เพียงการเตรียมพันธุ์ที่ดี เลือกกระถางที่เหมาะสม ผสมดินตามสูตรที่ถูกต้อง และดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถได้ตะไคร้สดใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและยังสามารถสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย ตะไคร้ไม่เพียงแต่เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลาย แต่ยังเป็นพืชที่ช่วยไล่แมลงและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นให้กับบ้าน การปลูกตะไคร้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
#สาระ #วิธีปลูกตะไคร้ #ปลูกตะไคร้ในกระถาง #ตะไคร้สวนครัว #สมุนไพรที่บ้าน #ปลูกผักเอง #สวนครัวขนาดเล็ก #การเกษตรในเมือง #พืชไล่แมลง #ตะไคร้หอม #ปลูกไม้ประดับ