KAVE playground

แตงกวาปลูกง่ายในพื้นที่จำกัดจริงหรือ? เทคนิคปลูกแตงกวาในกระถางสำหรับมือใหม่ที่ควรรู้

แตงกวาเป็นผักสวนครัวยอดนิยมที่หลายคนชอบรับประทานและนำมาตกแต่งจานอาหาร แม้อยู่ในคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ห้องเล็กๆ ก็สามารถปลูกแตงกวาในกระถางได้ บทความนี้จะแนะนำวิธีปลูกแตงกวาในกระถางแบบง่ายๆ สำหรับมือใหม่ให้ได้ผลผลิตดี ติดผลดก สามารถเก็บกินได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มาก เพียงรู้เทคนิคและวิธีการดูแลที่ถูกต้อง คุณก็จะได้แตงกวาสดๆ ปลอดสารพิษไว้รับประทานเองที่บ้าน

ทำไมแตงกวาถึงเหมาะกับการปลูกในกระถาง?

แตงกวาเป็นพืชที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วและให้ผลผลิตไว เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่เริ่มต้นปลูกผัก โดยใช้เวลาเพียง 32-35 วันหลังหยอดเมล็ดก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว แม้แตงกวาจะเป็นพืชเถาเลื้อย แต่ก็สามารถจัดการให้เติบโตในพื้นที่จำกัดได้โดยการทำค้างหรือซุ้มให้เลื้อย

ข้อดีอีกประการของการปลูกแตงกวาในกระถางคือ คุณสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า สามารถเคลื่อนย้ายกระถางไปยังจุดที่เหมาะสมตามสภาพอากาศ และปรับเปลี่ยนดินและปุ๋ยได้ง่าย นอกจากนี้ แตงกวาที่ปลูกเองยังปลอดภัยจากสารเคมี ให้ความสดใหม่ และมีรสชาติดีกว่าที่ซื้อจากตลาด

แตงกวาเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีอากาศอบอุ่น ไม่ร้อนและไม่เย็นชื้นจนเกินไป ชอบแสงแดดและต้องการแสงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง การจัดวางกระถางในตำแหน่งที่ได้รับแสงอย่างเพียงพอจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกแตงกวาให้ประสบความสำเร็จ

อุปกรณ์จำเป็นสำหรับการปลูกแตงกวาในกระถางมีอะไรบ้าง?

ก่อนเริ่มปลูกแตงกวาในกระถาง คุณควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ซึ่งประกอบด้วย:

  1. เมล็ดพันธุ์แตงกวา – ควรเลือกเมล็ดที่มีคุณภาพดี แข็งแรง และสมบูรณ์ เนื่องจากสภาพอากาศแต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกัน ควรเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของคุณ เช่น แตงกวาพันธุ์มัมมี่ที่เหมาะสำหรับปลูกในกระถาง
  2. ดินร่วนปนทราย – ดินที่เหมาะกับการปลูกแตงกวาควรเป็นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี และผ่านการตากแดดมาแล้ว ค่า pH ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 5.5-6.8
  3. ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก – ช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุและธาตุอาหารในดิน ควรผสมในอัตราส่วน 50:50 กับดิน หรือใช้อัตราส่วนดิน:ปุ๋ยคอก 3:1 ตามความเหมาะสม
  4. กระถางขนาดเล็กสำหรับเพาะกล้า – ใช้สำหรับเพาะเมล็ดให้งอกเป็นต้นกล้าก่อนย้ายลงกระถางใหญ่
  5. กระถางขนาดใหญ่ – สำหรับปลูกต้นแตงกวา ควรมีขนาดอย่างน้อย 14 นิ้ว เพื่อให้รากแตงกวามีพื้นที่เติบโตได้ดี
  6. ตะเกียบหรือไม้ไผ่ – สำหรับทำค้างให้เถาแตงกวาเลื้อยพัน ช่วยให้ต้นเติบโตได้ดีและผลแตงกวามีรูปร่างสวยงาม
  7. กรรไกรหรืออุปกรณ์สำหรับตัดแต่ง – ใช้สำหรับถอนต้นกล้าหรือตัดแต่งเถา
  8. ซุ้มไม้ระแนงหรือรั้ว – สำหรับให้เถาแตงกวาเลื้อยขึ้น (โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ปลูกในสวน)

การเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมจะช่วยให้กระบวนการปลูกแตงกวาราบรื่นและประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสมและการเตรียมดินที่มีคุณภาพดี

เคล็ดลับการเตรียมดินที่เหมาะสมสำหรับแตงกวาควรทำอย่างไร?

การเตรียมดินที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แตงกวาเติบโตได้ดี ดินที่เหมาะสำหรับปลูกแตงกวาควรมีคุณสมบัติดังนี้:

  1. ดินร่วนปนทราย – แตงกวาชอบดินที่ระบายน้ำได้ดี ไม่อุ้มน้ำมากเกินไป ดินร่วนปนทรายจะช่วยให้รากเดินได้ง่าย ทำให้ต้นแตงกวาเติบโตได้เร็วขึ้น
  2. ดินอุดมสมบูรณ์ – ควรมีอินทรียวัตถุสูงและมีธาตุอาหารครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้แตงกวาเติบโตได้ดีและให้ผลผลิตมาก
  3. ค่า pH ที่เหมาะสม – แตงกวาชอบดินที่มีค่า pH อยู่ระหว่าง 5.5-6.8 ซึ่งไม่เป็นกรดหรือด่างเกินไป ทำให้แตงกวาดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่

วิธีการเตรียมดินสำหรับปลูกแตงกวาในกระถาง:

  1. ผสมดินและปุ๋ยหมัก – ผสมดินร่วนปนทรายกับปุ๋ยหมักในอัตราส่วนประมาณ 50:50 หรือตามความเหมาะสมของคุณภาพดิน แนะนำให้ผสมเศษใบไม้ลงไปด้วยเพื่อปรับสภาพดินให้คล้ายกับการปลูกลงพื้นดิน
  2. รองก้นกระถาง – ใส่กรวดหรือเศษหินมารองก้นกระถาง เพื่อให้น้ำระบายออกได้ดีและป้องกันความชื้นที่อาจทำให้เกิดโรครา
  3. ใส่ดินผสมลงในกระถาง – เทดินที่ผสมปุ๋ยหมักลงในกระถาง โดยไม่ต้องอัดแน่นเกินไป เพื่อให้ดินโปร่ง รากชอนไชได้ง่าย
  4. ตรวจสอบการระบายน้ำ – ทดสอบโดยรดน้ำลงไปเล็กน้อยและสังเกตว่าน้ำสามารถระบายออกจากก้นกระถางได้ดีหรือไม่

ดินที่เตรียมอย่างถูกต้องจะช่วยให้แตงกวามีภูมิต้านทานโรคที่ดีขึ้น เติบโตอย่างแข็งแรง และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี นอกจากนี้ ดินที่มีการระบายน้ำดีจะช่วยลดปัญหารากเน่าและโรคที่เกิดจากเชื้อราได้อีกด้วย

ขั้นตอนการปลูกแตงกวาในกระถางทำอย่างไรให้ได้ผลดี?

การปลูกแตงกวาในกระถางมีขั้นตอนสำคัญที่ควรทำตามเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี ดังนี้:

1. การเพาะเมล็ด

เริ่มต้นด้วยการเพาะเมล็ดในกระถางเล็กก่อน โดยขุดหลุมดินตรงกลางกระถางให้ลึกประมาณ 1.2 เซนติเมตร แล้วใส่เมล็ดแตงกวาลงไป 4-5 เมล็ด วางเรียงให้กระจาย ไม่ควรวางซ้อนทับกัน จากนั้นกลบดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะจนเกินไป

เทคนิคเพิ่มเติม: คลุกเมล็ดด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มาก่อนหยอด เพื่อป้องกันเชื้อราและโรคพืช หรือคลุมหน้าดินด้วยฟางเพื่อรักษาความชื้นและช่วยให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น

2. การดูแลต้นกล้า

หลังจากหยอดเมล็ด นำกระถางไปวางในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง และรดน้ำเช้า-เย็นทุกวัน ให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยทั่วไปเมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 2-3 วัน

เมื่อต้นกล้าเริ่มงอก ควรให้ได้รับแสงแดดทันทีเพื่อไม่ให้ต้นยืดยาวสูงขึ้นมาเร็วเกินไป ซึ่งจะทำให้ต้นไม่แข็งแรง การรดน้ำควรทำอย่างระมัดระวัง รดเบาๆ อย่าให้น้ำกระแทกต้นกล้าจนล้ม

3. การย้ายต้นกล้า

เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกยาวขึ้นมาประมาณ 5-7 เซนติเมตร ให้คัดเลือกต้นที่แข็งแรงสมบูรณ์ที่สุดไว้ 2 ต้นต่อกระถาง และถอนต้นที่อ่อนแอทิ้งไป การถอนต้นกล้าควรทำอย่างระมัดระวังไม่ให้กระทบต้นที่เลือกไว้

จากนั้นนำต้นกล้าที่แข็งแรงย้ายไปปลูกในกระถางขนาดใหญ่ประมาณ 14 นิ้ว โดยปลูก 1-2 ต้นต่อกระถาง เพื่อให้ต้นแตงกวามีพื้นที่เพียงพอในการเติบโตและไม่แย่งอาหารกันเอง

4. การทำค้างหรือโครงสร้างรองรับ

แตงกวาเป็นพืชเถาเลื้อยจึงต้องมีโครงสร้างให้เลื้อยพัน ซึ่งมีสองรูปแบบคือ:

  • แบบทรงพุ่ม – เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด โดยใช้ตะเกียบหรือไม้ไผ่ปักลงในดินเพื่อเป็นหลักให้ต้นเลื้อยพัน
  • แบบปล่อยเถาเลื้อย – ให้ผลผลิตดีกว่า โดยใช้ไม้ไผ่ยาวปักลงในกระถาง แล้ววางใกล้ๆ กับซุ้มไม้ระแนงหรือรั้วเพื่อให้เถาเลื้อยขึ้นไป วิธีนี้จะทำให้ผลแตงกวาตั้งตรงสวยงาม ไม่เป็นโรค และป้องกันแมลงได้ดีกว่า

การจัดการให้เถาเลื้อยขึ้นค้างอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ต้นแตงกวาได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง ระบายอากาศได้ดี ลดปัญหาโรคและแมลง และทำให้ผลแตงกวามีรูปร่างสวยงาม

เทคนิคการดูแลต้นแตงกวาในกระถางให้ออกผลดกคืออะไร?

การดูแลต้นแตงกวาในกระถางอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ต้นเติบโตแข็งแรงและให้ผลผลิตดก นี่คือเทคนิคสำคัญที่ควรทำ:

1. การรดน้ำอย่างเหมาะสม

แตงกวาเป็นพืชที่ชอบน้ำมาก ต้องการน้ำถึง 3 ลิตรต่อวัน แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้น้ำโดนเถาหรือลำต้น มิฉะนั้นอาจทำให้ต้นเน่าได้ ควรรดน้ำที่ดินโคนต้นให้ชุ่ม และตรวจสอบให้แน่ใจว่ารากได้รับน้ำเพียงพอ

รดน้ำในช่วงเช้าและเย็นทุกวัน ตรวจสอบการระบายน้ำให้ดีไม่ให้มีน้ำขัง และปรับปริมาณน้ำตามสภาพอากาศในแต่ละวัน ในวันที่อากาศร้อนจัด อาจต้องรดน้ำบ่อยขึ้น

2. การจัดการแสงแดด

แตงกวาต้องการแสงแดดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง จึงควรวางกระถางในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง สำหรับการปลูกในอาคาร ควรตั้งกระถางไว้บริเวณระเบียงหรือหน้าต่างที่รับแสงได้ดี

ในช่วงที่อากาศร้อนจัด อาจต้องย้ายกระถางเข้าที่ร่มในช่วงบ่ายเพื่อไม่ให้ต้นแตงกวาได้รับแสงแดดมากเกินไป แตงกวาปลูกได้ดีในที่อากาศอบอุ่น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส

3. การใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ

แตงกวาที่ปลูกในกระถางต้องการปุ๋ยมากกว่าการปลูกในแปลง เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดและธาตุอาหารถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงแรกหลังย้ายต้นกล้า ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต

ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอทุกสัปดาห์หรือทุก 15 วัน เพื่อให้มีธาตุอาหารเพียงพอ มิฉะนั้นผลแตงกวาอาจลีบและไม่สวย เมื่อเริ่มออกดอก ควรเปลี่ยนเป็นปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงเพื่อกระตุ้นการออกดอกและติดผล

4. การจัดการเถาและการตัดแต่ง

เมื่อต้นแตงกวาเริ่มเติบโตและมีเถาเลื้อย ควรจัดการให้เถาเลื้อยขึ้นค้างหรือโครงสร้างที่เตรียมไว้ อาจใช้เชือกช่วยผูกยึดเถาเพื่อให้เลื้อยไปในทิศทางที่ต้องการ

พิจารณาตัดแต่งยอดหากต้นเติบโตมากเกินไป และตัดแต่งใบที่แก่หรือเป็นโรค ซึ่งจะช่วยให้ต้นระบายอากาศได้ดีและลดการเกิดโรค การจัดการเถาที่ดีจะทำให้ผลแตงกวาไม่สัมผัสกับดิน ลดปัญหาผลเน่าและแมลงรบกวน

5. เคล็ดลับเพิ่มการติดผล

หากต้องการให้แตงกวาติดผลมากขึ้น อาจช่วยผสมเกสรด้วยตนเองโดยใช้พู่กันเล็กๆ แตะเกสรจากดอกตัวผู้ไปยังดอกตัวเมีย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแมลงผสมเกสรน้อย

เก็บผลแตงกวาบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ต้นผลิตผลใหม่อย่างต่อเนื่อง ยิ่งเก็บบ่อย ต้นจะยิ่งให้ผลผลิตมากขึ้น ควรเก็บเกี่ยวในตอนเช้าหรือเย็นเมื่ออากาศเย็น เพื่อให้แตงกวายังคงความสดและกรอบได้นานกว่า

แตงกวาพร้อมเก็บเกี่ยวมีลักษณะอย่างไร?

การเก็บเกี่ยวแตงกวาในเวลาที่เหมาะสมจะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี มีรสชาติหวาน และกรอบอร่อย โดยทั่วไป แตงกวาที่ปลูกในกระถางจะใช้เวลาตั้งแต่หยอดเมล็ดจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 60 วันขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม

สัญญาณที่บ่งบอกว่าแตงกวาพร้อมเก็บเกี่ยว:

  1. ขนาดของผล – แตงกวาพร้อมเก็บเกี่ยวเมื่อมีความยาวประมาณ 7-12 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ไม่ควรปล่อยให้ผลโตเกินไปเพราะจะทำให้เปลือกแข็งและมีรสชาติขม
  2. สีของผล – แตงกวาที่พร้อมเก็บเกี่ยวจะมีสีเขียวสด เปลือกเรียบ และมีความมันวาว หากเริ่มมีจุดเหลืองหรือสีซีด แสดงว่าแก่เกินไปแล้ว
  3. ความแข็งของผล – เมื่อบีบเบาๆ แตงกวาที่พร้อมเก็บเกี่ยวจะมีความแน่นและแข็ง ไม่นิ่มหรือเหี่ยว
  4. ระยะเวลาหลังดอกบาน – โดยทั่วไป แตงกวาจะพร้อมเก็บเกี่ยวประมาณ 10-14 วันหลังดอกบาน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพอากาศ

เทคนิคการเก็บเกี่ยวแตงกวา:

  1. เก็บในช่วงเวลาที่เหมาะสม – ควรเก็บแตงกวาในตอนเช้าหรือเย็น เมื่ออากาศเย็น เพราะจะทำให้แตงกวายังคงความสดและกรอบได้นานกว่า
  2. วิธีการเก็บที่ถูกต้อง – ควรใช้กรรไกรหรือมีดคมๆ ตัดขั้วผล อย่าดึงหรือบิดผล เพราะอาจทำให้ต้นเสียหายได้
  3. ความถี่ในการเก็บ – ควรเก็บแตงกวาทุก 1-2 วัน เพื่อให้ต้นมีกำลังผลิตผลใหม่อย่างต่อเนื่อง ยิ่งเก็บบ่อย ต้นจะยิ่งให้ผลผลิตมากขึ้น
  4. การดูแลหลังเก็บเกี่ยว – ล้างแตงกวาด้วยน้ำสะอาดและเก็บในตู้เย็นเพื่อรักษาความสดได้นานขึ้น

การเก็บเกี่ยวแตงกวาในเวลาที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ทำให้ได้แตงกวาที่มีรสชาติดีเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ต้นผลิตผลใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้นและยืดอายุการเก็บเกี่ยวได้นานถึง 28-30 วัน

ปัญหาที่พบบ่อยในการปลูกแตงกวาและวิธีแก้ไขมีอะไรบ้าง?

การปลูกแตงกวาในกระถางอาจพบปัญหาบางประการ ซึ่งสามารถจัดการได้หากรู้วิธีแก้ไขที่ถูกต้อง:

1. ต้นแตงกวาไม่ออกดอกหรือไม่ติดผล

สาเหตุ:

  • ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ
  • อุณหภูมิไม่เหมาะสม (ร้อนหรือเย็นเกินไป)
  • ให้ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป
  • ขาดแมลงผสมเกสร

วิธีแก้ไข:

  • ย้ายกระถางไปในที่ที่รับแสงแดดได้มากขึ้น อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงการปลูกในช่วงที่อากาศร้อนจัดหรือหนาวจัด
  • ใช้ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงเพื่อกระตุ้นการออกดอกและติดผล
  • ช่วยผสมเกสรด้วยตนเองโดยใช้พู่กันเล็กๆ

2. ใบแตงกวาเหลือง มีจุดสีน้ำตาล หรือเหี่ยว

สาเหตุ:

  • ขาดธาตุอาหาร
  • มีโรครา
  • รดน้ำมากหรือน้อยเกินไป
  • มีแมลงศัตรูพืชรบกวน

วิธีแก้ไข:

  • ตรวจสอบการให้น้ำให้สม่ำเสมอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป
  • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยสูตรสมดุลเพื่อเสริมธาตุอาหาร
  • ตัดแต่งใบที่เป็นโรคทิ้งและฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา
  • ตรวจสอบและกำจัดแมลงด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น น้ำสบู่อ่อนหรือสารสกัดสะเดา

3. ผลแตงกวามีรูปร่างผิดปกติหรือมีขนาดเล็ก

สาเหตุ:

  • การผสมเกสรไม่สมบูรณ์
  • ขาดธาตุอาหารบางชนิด
  • สภาพอากาศแปรปรวน
  • โรคและแมลง

วิธีแก้ไข:

  • ช่วยผสมเกสรด้วยตนเอง
  • ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน
  • รักษาสภาพแวดล้อมให้คงที่ วางกระถางในที่ที่เหมาะสม
  • หมั่นตรวจสอบและป้องกันโรคและแมลง

4. ต้นแตงกวาเหี่ยวเฉาทั้งที่รดน้ำเพียงพอ

สาเหตุ:

  • โรครากเน่าหรือโคนเน่า
  • รดน้ำมากเกินไปจนรากขาดอากาศ
  • มีเชื้อราในดินหรือโรคเหี่ยวเฉา

วิธีแก้ไข:

  • ตรวจสอบการระบายน้ำของกระถางและแก้ไขหากมีปัญหา
  • ลดปริมาณการให้น้ำและให้ดินได้แห้งบ้างระหว่างการรดน้ำแต่ละครั้ง
  • ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาราดรอบโคนต้น
  • หากอาการรุนแรง อาจต้องเริ่มปลูกใหม่ในกระถางสะอาด

การแก้ไขปัญหาตั้งแต่เริ่มพบอาการจะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนยากแก่การแก้ไข การปลูกแตงกวาในกระถางช่วยให้สังเกตปัญหาได้ง่ายและจัดการได้รวดเร็วกว่าการปลูกในแปลงใหญ่

สรุป

การปลูกแตงกวาในกระถางเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะอยู่คอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่น้อย ด้วยการเลือกกระถางขนาดที่เหมาะสม การเตรียมดินที่มีคุณภาพ และการดูแลอย่างถูกวิธี คุณก็สามารถปลูกแตงกวาไว้รับประทานเองที่บ้านได้ ไม่เพียงแต่ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารเคมี แต่ยังได้ความสดใหม่และรสชาติที่ดีกว่าที่ซื้อจากตลาด

ความสำเร็จของการปลูกแตงกวาในกระถางขึ้นอยู่กับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการให้น้ำ การใส่ปุ๋ย การจัดการแสงแดด และการป้องกันโรคและแมลง แม้อาจพบปัญหาบ้างในระหว่างการปลูก แต่ด้วยความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง คุณสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้ และเก็บเกี่ยวแตงกวาสดใหม่ไว้รับประทานได้อย่างต่อเนื่อง

การปลูกแตงกวาในกระถางไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย บำรุงสุขภาพจิตใจ และสร้างความภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เริ่มปลูกแตงกวาในกระถางวันนี้ และคุณจะได้เพลิดเพลินกับแตงกวาสดๆ จากกระถางสู่จาน อร่อย ปลอดภัย และมีความสุขกับการปลูกผักกินเองที่บ้าน


#สาระ #แตงกวา #ปลูกผักในกระถาง #ปลูกผักกินเอง #วิธีปลูกแตงกวา #ผักสวนครัว #การปลูกผักในพื้นที่จำกัด #ปลูกผักปลอดสาร

อ่านเพิ่ม
Sidebar
The Palm (copy)
บทความล่าสุด
Element72 ชวนสัมผัส “ENT.” คอนเซ็ปต์สโตร์มัลติแบรนด์แห่งใหม่ เสิร์ฟไอเทมลิมิเต็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่แรก ที่เดียว กับ Always First Launch ช้อปก่อนใครได้แล้ววันนี้!
ข่าวสาร
BAM ร่วมกับ เฮช ฟรี และชาวบ้านห้วยตอง จ.เชียงใหม่ ร่วมปลูกป่าเพื่อสร้างอาชีพไร้ควันที่ยั่งยืน
ข่าวสาร
“ELECTRIC NEON LAMP” เปิดคอนเสิร์ตใหญ่ จัดเต็มเพลย์ลิสสุดมันส์!! ชาวณีอรไม่มีหวั่น..ฝ่าฝนแห่เชียร์แน่นฮอลล์!!
ข่าวสาร
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ฉลอง 39 ปีอย่างยิ่งใหญ่ 2-3 ส.ค. นี้ เตรียมส่งมอบประสบการณ์ “เหนือคำว่าคุ้ม” มอบส่วนลดสูงสุดกว่าครึ่งล้าน ในแคมเปญ “ฉลอง 39 ปี ซื้อตอนนี้ มีแต่คุ้ม
ข่าวสาร
Spacely AI ระดมทุน Seed ที่ 1 ล้านดอลลาร์ หวังเร่งเครื่อง Generative AI ปฏิวัติวงการสถาปัตย์
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Review
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Review
Loading..