ชะอมเป็นผักพื้นบ้านไทยที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้พลังงาน 57 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 กรัม มีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินเอมากถึง 10,066 IU การปลูกชะอมที่ถูกวิธีจะให้ผลผลิตที่ดี สามารถเก็บเกี่ยวได้ทุก 3-4 วันและมีรายได้ต่อเนื่องตลอดปี เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนนาน ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และต้องการการดูแลรักษาที่ไม่ซับซ้อน ทั้งยังสามารถปลูกได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเมล็ด การปักชำ หรือการตอนกิ่ง ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียและเทคนิคเฉพาะที่ควรรู้

ขอบคุณภาพจาก : เกษตรสัญจร
การเลือกวิธีปลูกชะอมที่เหมาะสม
การปลูกชะอมสามารถทำได้หลายวิธี โดยแต่ละวิธีจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันทั้งในเรื่องของความแข็งแรงของต้น ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว และความหนาแน่นของหนาม การเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการปลูกและสภาพพื้นที่ที่มีอยู่
การปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์
การเพาะเมล็ดเป็นวิธีที่ได้ต้นชะอมที่แข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากที่สุด ต้นที่ได้จากเมล็ดจะมีหนามหนากว่าการปลูกด้วยวิธีอื่น และมีระบบรากที่แข็งแรงกว่า เมล็ดชะอมสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 3 ปี และยังคงสามารถงอกได้2
ขั้นตอนการเพาะเมล็ดเริ่มต้นด้วยการแช่เมล็ดในน้ำเป็นเวลา 1 วันและ 1 คืน เพื่อคัดเลือกเมล็ดที่สมบูรณ์1 เมล็ดที่ดีจะปริเปลือกออกเล็กน้อยหลังจากแช่น้ำ ส่วนเมล็ดที่ไม่ปริเปลือกแสดงว่าไม่สมบูรณ์ควรทิ้งไป หลังจากได้เมล็ดที่พร้อมปลูกแล้ว ให้นำไปปลูกในกระถางเพาะกล้าที่มีดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยหมัก โดยฝังเมล็ดลงผิวดินไม่ต้องกลบจนมิด ใส่ประมาณ 2 เมล็ดต่อกระถาง และรดน้ำวันละครั้งอย่างพอประมาณ
การงอกของเมล็ดชะอมใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน2 เมื่อต้นกล้าโตพอแล้วจึงย้ายลงปลูกในกระถางใหญ่หรือลงดินในแปลง การปลูกด้วยเมล็ดแม้จะใช้เวลานานกว่าแต่จะได้ต้นที่มีคุณภาพดีและอายุยืนนาน
การปักชำและการตอนกิ่ง
การปักชำเป็นวิธีที่ได้ผลเร็วกว่าการเพาะเมล็ด โดยสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 10-15 วัน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลผลิตอย่างรวดเร็ว การเลือกกิ่งสำหรับปักชำต้องเลือกกิ่งที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เป็นโรค ไม่แก่และไม่อ่อนจนเกินไป มีตาติดอยู่ในกิ่งประมาณ 3-4 ตา และมีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตร1
กิ่งที่เตรียมไว้ให้นำไปปักลงในกระถางหรือถุงเพาะกล้าที่มีดินผสมแกลบ ขี้เถ้า และปุ๋ยคอก1 การรดน้ำควรทำวันเว้นวันให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ ต้นกล้าจะแตกยอดและออกรากใหม่ จากนั้นจึงนำไปปลูกลงในกระถางใหญ่หรือแปลงปลูกถาวร
การตอนกิ่งและการโน้มกิ่งลงดินเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เกษตรกรนิยมใช้ วิธีนี้เหมาะสำหรับการขยายพันธุ์จากต้นแม่ที่มีอยู่แล้ว โดยสามารถทำได้ง่ายและไม่ต้องซื้อกิ่งพันธุ์เพิ่มเติม

ขอบคุณภาพจาก : พลังเกษตร
เทคนิคการจัดแปลงและการปลูก
การจัดแปลงปลูกชะอมที่ถูกต้องจะช่วยให้การดูแลรักษาง่ายขึ้นและผลผลิตดีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันน้ำท่วมขัง เนื่องจากชะอมแม้จะชอบความชื้นแต่ไม่ทนต่อน้ำขัง ซึ่งจะทำให้รากเน่าตายได้
การเตรียมพื้นที่ปลูก
การเตรียมพื้นที่ปลูกควรเริ่มต้นด้วยการยกร่องแล้วขุดหลุมปลูกบนร่อง วิธีนี้จะช่วยให้น้ำระบายออกได้ดีและป้องกันปัญหารากเน่า ระยะห่างในการปลูกควรเป็น 30-50 เซนติเมตร ระหว่างต้น และหากปลูกเป็นแถวควรมีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1 เมตร
เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกแบบแถวคู่ โดยมีระยะห่างของแถว 1 เมตร การปลูกแบบนี้จะทำให้สะดวกต่อการดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยว สำหรับการปลูกริมรั้วอาจใช้แถวคู่โดยมีระยะห่างระหว่างแถวและระหว่างต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร
การเตรียมดินและปุ๋ย
ชะอมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี การเตรียมดินควรผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ส่วนผสมที่ดีประกอบด้วยดินร่วน ปุ๋ยคอก แกลบ และขี้เถ้า1 ซึ่งจะช่วยให้ดินมีความร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี
การใช้ปุ๋ยยูเรียควรใช้ในอัตราที่น้อยและต้องใช้ร่วมกับปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก การใช้ปุ๋ยยูเรียจะช่วยกระตุ้นให้ชะอมแตกยอดได้เร็วขึ้น แต่หากใช้มากเกินไปอาจทำให้ต้นแข็งแรงเกินไปและลดคุณภาพของยอดอ่อน
การดูแลรักษาและการให้น้ำ
การดูแลรักษาชะอมที่ถูกต้องจะทำให้ได้ผลผลิตที่ดีและต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้น้ำและการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม รวมทั้งการตัดแต่งกิ่งเพื่อกระตุ้นการแตกยอด
การให้น้ำที่เหมาะสม
ในช่วงแรกหลังปลูกควรรดน้ำทุกวันในตอนเช้า วันละ 1 ครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป 2 เดือน และต้นชะอมแข็งแรงขึ้นแล้ว ให้เปลี่ยนมารดน้ำแบบวันเว้นวันแทน การให้น้ำแบบวันเว้นวันจะช่วยป้องกันโรครากเน่าและทำให้ต้นแข็งแรงกว่า
ปริมาณน้ำที่ให้ควรพอให้ดินชุ่มแต่ไม่แฉะ ชะอมชอบความชื้นแต่ไม่ทนต่อน้ำขัง การให้น้ำมากเกินไปจะทำให้รากเน่าและต้นตายได้ โดยเฉพาะในฤดูฝนควรระวังปัญหาน้ำท่วมขังเป็นพิเศษ
การใส่ปุ๋ยและการบำรุงรักษา
การใส่ปุ๋ยควรทำสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการแตกยอด ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักหลังจากปลูกได้ 2-3 เดือน การใส่ปุ๋ยจะทำให้ต้นชะอมแข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากยอดอ่อนของพืชต่างๆ ในอัตราส่วนน้ำหมัก 1 ลิตร ต่อน้ำ 40 ลิตร รดทุก 7 วัน วิธีนี้จะช่วยให้ชะอมแตกยอดอ่อนได้ดีและต้นแข็งแรง
การพรวนดินเป็นครั้งคราวจำเป็นเพื่อกำจัดวัชพืชและเพิ่มการระบายอากาศให้รากได้รับออกซิเจน1 การพรวนดินยังช่วยให้ปุ๋ยซึมลงสู่รากได้ดีขึ้นและป้องกันการแข็งตัวของดิน

ขอบคุณภาพจาก : ข่าวสด
การป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช
ชะอมเป็นพืชที่มีศัตรูพืชน้อยมาก แต่ก็ยังมีปัญหาบางอย่างที่ควรระวัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันโรครากเน่าและการจัดการกับแมลงศัตรูที่อาจมาทำลายยอดอ่อน
การป้องกันโรครากเน่า
โรครากเน่าเป็นปัญหาหลักของการปลูกชะอม สาเหตุมาจากการให้น้ำมากเกินไปหรือน้ำท่วมขัง การป้องกันทำได้โดยการควบคุมการให้น้ำ ปรับปรุงการระบายน้ำในแปลง และเลือกปลูกในช่วงฤดูร้อนเพื่อให้ต้นอ่อนแข็งแรงพอที่จะต้านทานโรคได้
การเลือกปลูกในช่วงฤดูร้อนจะช่วยให้ต้นแข็งแรงและพร้อมเผชิญกับฤดูฝน1 ในฤดูร้อนการระเหยของน้ำจะเร็วกว่า ทำให้ดินไม่ค้างความชื้นมากเกินไปและลดโอกาสเกิดโรครากเน่า
การจัดการแมลงศัตรูพืช
แมลงศัตรูพืชที่สำคัญของชะอมได้แก่ หนอนกินยอดและมดแดง หนอนกินยอดจะทำลายยอดอ่อนที่เป็นผลผลิตหลัก ส่วนมดแดงจะรบกวนการทำงานในแปลงและอาจกัดกินใบอ่อน
การป้องกันหนอนกินยอดสามารถทำได้โดยการฉีดพ่นสารเคมีทุก 8 วัน สารเคมีที่ใช้ได้แก่ คาบาริลและสารโปรไธโอฟอส แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ควรเก็บเกี่ยวหลังจากฉีดยาแล้วไม่น้อยกว่า 7 วัน
สำหรับการกำจัดมดแดงสามารถใช้น้ำดองหน่อไม้ราดลงไปที่รังของมดแดง1 วิธีนี้เป็นวิธีธรรมชาติและปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมี
และเชือกสำหรับพยุงกิ่งไว้ล่วงหน้า การจัดวางหลักเสาควรเป็นระบบที่ชะอมสามารถเลื้อยไปได้ตามที่ต้องการ และสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว

ขอบคุณภาพจาก : มติชนอคาเดมี่
การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวชะอมที่ถูกต้องจะทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพดีและกระตุ้นให้ต้นแตกยอดใหม่อย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาและวิธีการเก็บเกี่ยวมีผลต่อคุณภาพของผลผลิตและการแตกยอดในครั้งต่อไป
ระยะเวลาการเก็บเกี่ยว
ชะอมสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 3-4 เดือนหลังจากปลูก หลังจากการเก็บเกี่ยวครั้งแรกแล้ว ชะอมจะแตกยอดใหม่และสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุก 3-4 วัน การเก็บเกี่ยวที่สม่ำเสมอจะกระตุ้นให้ต้นแตกยอดใหม่อย่างต่อเนื่อง
การเก็บเกี่ยวควรทำในตอนเช้าขณะที่ยอดยังสดและมีน้ำในเนื้อเยื่อมาก ยอดที่เก็บในตอนเช้าจะมีความกรอบและคุณภาพดีกว่า การเก็บในตอนที่แดดจัดจะทำให้ยอดเหี่ยวเร็วและคุณภาพลดลง
วิธีการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง
การเก็บเกี่ยวควรใช้กรรไกรตัดยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร การตัดด้วยกรรไกรจะให้บาดแผลที่สะอาดและไม่ทำลายเนื้อเยื่อของต้น ไม่ควรใช้มือเด็ดเพราะจะทำให้เกิดบาดแผลที่ไม่เรียบและอาจเป็นทางเข้าของเชื้อโรค
การตัดต้องเหลือใบรองยอดไว้ การเหลือใบรองยอดจะช่วยให้ชะอมแตกยอดใหม่ได้เร็วขึ้น ไม่ควรตัดลึกเกินไปจนหมดใบ เพราะจะทำให้ต้นใช้เวลานานในการฟื้นตัวและแตกยอดใหม่
การจัดการผลผลิตหลังเก็บเกี่ยว
หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วควรนำยอดชะอมมาจัดเป็นแพ โดยแพละ 14 ยอด การจัดเป็นแพจะช่วยให้การขนส่งและการขายทำได้สะดวกขึ้น ชะอม 25 แพจะถูกมัดรวมเป็นมัดใหญ่สำหรับจำหน่าย
การเก็บรักษาชะอมหลังเก็บเกี่ยวควรเก็บในที่เย็นและมีความชื้นพอเหมาะ การเก็บในอุณหภูมิต่ำจะช่วยรักษาความสดและยืดอายุการเก็บรักษา ไม่ควรตากแดดหรือเก็บในที่ร้อนเพราะจะทำให้เหี่ยวเร็ว
ข้อควรระวังและการเลือกบริโภค
การบริโภคชะอมมีข้อควรระวังสำหรับบางกลุ่มคน แม้ว่าชะอมจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีสารบางอย่างที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนบางกลุ่ม การรู้จักข้อควรระวังจะช่วยให้การบริโภคปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด
สรุป
การปลูกชะอมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทาน และให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง การเลือกวิธีปลูกที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเมล็ด การปักชำ หรือการตอนกิ่ง จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันตามจุดประสงค์การใช้งาน การดูแลรักษาที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการควบคุมน้ำและการใส่ปุ๋ยอย่างเหมาะสม จะทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี การป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชไม่ซับซ้อน แต่ต้องระวังเรื่องโรครากเน่าเป็นพิเศษ เทคนิคการตัดแต่งและการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลผลิตมากขึ้นและต่อเนื่อง สำหรับการบริโภคควรระวังข้อห้ามสำหรับกลุ่มเสี่ยงและเลือกบริโภคในฤดูกาลที่เหมาะสม การปลูกชะอมจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผักสวนครัวที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
#สาระ #ปลูกชะอม #วิธีปลูกชะอม #ชะอมในกระถาง #การดูแลชะอม #เพาะเมล็ดชะอม #ปักชำชะอม #ผักสวนครัว #การเกษตรอินทรีย์ #ปุ๋ยสำหรับชะอม #เก็บเกี่ยวชะอม #ประโยชน์ชะอม #สรรพคุณชะอม