พุทธรักษาเป็นไม้ดอกที่มีความสวยงามโดดเด่นด้วยดอกหลากสีสัน ทั้งเหลือง แดง ส้ม ชมพู ขาว ที่บานสะพรั่งบนกิ่งก้านสูงเด่น เป็นไม้มงคลนามที่มีความหมายดีงาม นอกจากความสวยงามแล้ว พุทธรักษายังมีความหมายพิเศษในฐานะดอกไม้สัญลักษณ์วันพ่อแห่งชาติอีกด้วย การปลูกพุทธรักษาไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ แต่ยังสามารถสร้างบรรยากาศร่มรื่น และเป็นมงคลต่อผู้ปลูกด้วย มาทำความรู้จักกับพุทธรักษาให้มากขึ้น พร้อมเรียนรู้วิธีปลูกและดูแลอย่างถูกต้องเพื่อให้เจริญเติบโตสวยงาม

พุทธรักษา คืออะไรและมีที่มาอย่างไร?
พุทธรักษา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canna indica L. จัดอยู่ในวงศ์ Cannaceae มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Indian Shot หรือ Canna Lily และยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ในภาษาไทย เช่น พุทธศร บัวละวงศ์ เป็นไม้ล้มลุกเนื้ออ่อนอวบน้ำที่มีอายุหลายปี มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ ตามบันทึกพบว่าถูกพบครั้งแรกในหมู่เกาะเวสอินดี้และแถบอเมริกาใต้ ก่อนที่จะถูกพัฒนาเป็นไม้ประดับและขยายพันธุ์โดยชาวยุโรป และแพร่กระจายมายังเอเชียรวมถึงประเทศไทย
ลักษณะทั่วไปของพุทธรักษา คือ มีลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร เจริญเติบโตแตกหน่อเป็นกอคล้ายกับต้นกล้วย มีเหง้าหรือไรโซมใต้ดินที่ทอดขนานไปใต้ดิน ทำให้สามารถแตกหน่อใหม่ขึ้นมาจากใต้ดินได้ ใบมีขนาดใหญ่สีเขียว บางสายพันธุ์มีใบด่างหรือใบสีม่วงอมแดง มีความกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 25-35 เซนติเมตร ดอกออกที่ปลายยอด กลีบดอกบางนิ่ม มีสีสันหลากหลายตั้งแต่สีเหลือง แดง ส้ม ชมพู ไปจนถึงสีขาว
พุทธรักษาสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมแบบเขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทย โดยชอบดินที่มีความชุ่มชื้นและมีอินทรียวัตถุสูง พบได้ทั้งในพื้นที่ลุ่มและที่ดอน ซึ่งความสามารถในการปรับตัวนี้ทำให้พุทธรักษาเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ในหลากหลายสภาพแวดล้อม

ทำไมพุทธรักษาจึงเป็นสัญลักษณ์วันพ่อแห่งชาติ?
ดอกพุทธรักษาโดยเฉพาะสีเหลืองได้รับการกำหนดให้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม ด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ ประการแรกคือ สีเหลืองของดอกพุทธรักษาตรงกับสีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ซึ่งประสูติในวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 อันเป็นวันที่มีสีเหลืองเป็นสีประจำวัน
นอกจากนี้ ชื่อ “พุทธรักษา” ยังมีความหมายเป็นมงคลอย่างยิ่ง กล่าวคือ หมายถึงการได้รับปกป้องคุ้มครองให้มีความสงบร่มเย็นจากพระพุทธเจ้า หรือเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่คอยปกปักรักษา ขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของ “พ่อ” ที่เปรียบได้กับเสาหลักที่คอยปกป้องดูแลคนในครอบครัวตามวัฒนธรรมของคนไทย
ดังนั้น การมอบดอกพุทธรักษาให้กับพ่อในวันพ่อแห่งชาติจึงเสมือนเป็นการแสดงความเคารพและความรักที่มีต่อผู้เป็นพ่อ ผู้ซึ่งคอยปกป้องคุ้มครองลูกๆ ให้มีความสุขและปลอดภัย เช่นเดียวกับความหมายของชื่อดอกไม้นี้

ดอกพุทธรักษามีกี่สายพันธุ์ที่น่าสนใจ?
พุทธรักษามีหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสวยงามและลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ทั้งสีของดอกและลักษณะของใบ ต่อไปนี้คือสายพันธุ์ที่น่าสนใจ:
พุทธรักษาดอกสีเหลือง (Harvest Yellow)
สายพันธุ์นี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canna x generalis ‘Harvest Yellow’ เป็นสายพันธุ์ที่มีดอกสีเหลืองสดใส มักมีแต้มสีส้มบริเวณโคนกลีบ เป็นที่นิยมมากเพราะเป็นสีมงคลและเป็นสัญลักษณ์ของวันพ่อแห่งชาติ ต้นสูงประมาณ 1-1.5 เมตร เติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงแดดเต็มวัน แต่ก้านใบค่อนข้างเปราะหักง่าย จึงไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีลมพัดแรง
พุทธรักษาดอกสีแดง (Black Knight)
Black Knight มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canna x generalis ‘Black Knight’ โดดเด่นด้วยดอกสีแดงเข้มและใบสีเขียวผสมสีแดงอมม่วง เป็นสายพันธุ์ที่สร้างความตื่นตาได้ดี เจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงแดดจัด เหมาะสำหรับปลูกเป็นไฮไลท์ในสวนเพื่อดึงดูดสายตา
พุทธรักษาดอกสีส้ม (Firebird)
Firebird มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canna x generalis ‘Firebird’ เป็นสายพันธุ์ที่โตเร็ว มีดอกขนาดเล็กกว่าสายพันธุ์อื่น โดดเด่นด้วยช่อดอกสีส้มแดงสด เหมาะกับการปลูกในเมืองร้อนเพราะชอบแสงแดดจัด หรือปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดด 4-5 ชั่วโมงต่อวัน ทนแล้งได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่น
พุทธรักษาดอกสีชมพู (Apricot Dream)
Apricot Dream มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canna x generalis ‘Apricot Dream’ มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา กลีบดอกมีสีชมพูอ่อนนวล บานสะพรั่งในช่วงกลางฤดูร้อน ลำต้นสูงประมาณ 60-90 เซนติเมตร เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด
พุทธรักษาใบด่าง (Phasion)
Phasion มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canna x generalis ‘Phasion’ โดดเด่นด้วยกลีบดอกสีส้มและใบสีม่วงอมแดง มีความสวยงามทั้งดอกและใบ เจริญเติบโตได้ดีในที่กลางแจ้งมากกว่าในร่ม เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกเพื่อเพิ่มสีสันให้กับสวน
นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น Carol’s Yellow ที่มีดอกสีเหลืองอ่อนค่อยๆ เข้มขึ้น, Cleopatra ที่มีดอกสีเหลืองพร้อมจุดสีแดงกระจายทั่วดอก, Richard Wallace ที่มีดอกสีเหลืองสดใสกับจุดสีส้มที่โคนกลีบ และ Red King Humbert ที่มีใบใหญ่สีเขียวอมน้ำตาลและลำต้นสูงที่สุดถึง 2.4 เมตร

จะปลูกและดูแลพุทธรักษาอย่างไรให้เติบโตดี?
การปลูกและดูแลพุทธรักษาให้เติบโตสวยงามไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเป็นพืชที่ปรับตัวได้ดีและทนทาน แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติดังนี้:
การเตรียมดินและพื้นที่ปลูก
พุทธรักษาเป็นพืชที่ชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เก็บรักษาความชื้นได้ดี แต่ต้องระบายน้ำได้ดีด้วย ควรเตรียมดินโดยผสมดินร่วน ปุ๋ยคอก และแกลบหรือทรายละเอียดเพื่อช่วยในการระบายน้ำ ในอัตราส่วน 2:1:1 สำหรับพื้นที่ปลูก พุทธรักษาชอบแสงแดดจัด แต่สามารถเติบโตได้ในที่ที่มีแสงบางส่วนของวัน ไม่ว่าจะเป็นแดดเช้าหรือแดดบ่าย
การรดน้ำและให้ความชื้น
พุทธรักษาชอบความชุ่มชื้น แต่ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1 ครั้งในฤดูร้อน และลดปริมาณลงในฤดูฝนหรือฤดูหนาว หากปลูกในกระถาง ต้องมั่นใจว่ามีการระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันรากเน่า สำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำ อาจพ่นละอองน้ำที่ใบเพื่อเพิ่มความชื้นให้กับต้น
การใส่ปุ๋ยและบำรุงต้น
หลังจากปลูกได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ควรใส่ปุ๋ยผสมชนิดเม็ดรอบโคนต้น โดยให้ห่างจากโคนต้นประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วรดน้ำให้ปุ๋ยละลาย ระวังไม่ให้ปุ๋ยถูกโคนต้นหรือใบเพราะจะทำให้เน่าได้ สำหรับช่วงที่ต้องการส่งเสริมการออกดอก ควรใช้ปุ๋ยสูตร 12-25-6
ในกรณีที่ต้นยังอ่อน ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 หยิบมือทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยในการเจริญเติบโต เมื่อต้นแข็งแรงและเริ่มออกดอก สามารถเปลี่ยนเป็นปุ๋ยละลายช้าสูตร 12-25-6 เพื่อกระตุ้นการออกดอกต่อเนื่อง
การตัดแต่งและดูแลรักษา
การตัดแต่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการดูแลพุทธรักษา เนื่องจากต้นที่ออกดอกแล้วจะค่อยๆ เหี่ยวแห้งและโทรมลง ควรตัดต้นที่ออกดอกไปแล้วออกให้ชิดดิน เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่งและส่งเสริมให้ต้นใหม่เจริญเติบโตได้ดี นอกจากนี้ ควรตัดแต่งใบล่างที่เริ่มเหี่ยวแห้งออกเพื่อป้องกันการสะสมของโรคและแมลง
ในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อโรคเน่า ควรฉีดพ่นด้วยสารป้องกันเชื้อรา เช่น เบโนมิล สัปดาห์ละครั้ง และหากพบปัญหาแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ ไรแดง หรือเพลี้ยแป้ง สามารถใช้ชีวภัณฑ์ เช่น เมธาไรเซียม (เมทาซาน) หรือบิวเวอเรีย (บุรินทร์) ฉีดพ่นทุก 3-5 วัน ในช่วงเย็นเพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืช

ประโยชน์และสรรพคุณของพุทธรักษามีอะไรบ้าง?
พุทธรักษาไม่เพียงแต่เป็นไม้ประดับที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์และสรรพคุณอีกหลายด้าน ดังนี้:
ประโยชน์ทางการแพทย์
ในสมัยโบราณ มีการนำหัวพุทธรักษามาต้มรับประทานเพื่อบำรุงปอด แก้อาเจียน หรือรักษาอาการไอเป็นเลือด ส่วนดอกของพุทธรักษาสามารถนำมาใช้ห้ามเลือดและรักษาแผลที่มีหนองได้ ในบางประเทศ เช่น ปาปัวนิวกินี มีการใช้หัวของพุทธรักษาเป็นอาหารหลักเหมือนหัวเผือกหรือหัวมัน แสดงให้เห็นถึงคุณค่าทางโภชนาการด้วย
ประโยชน์ทางภูมิทัศน์และการตกแต่ง
พุทธรักษาเป็นพืชที่มีความสวยงามทั้งดอกและใบ จึงนิยมนำมาปลูกเพื่อตกแต่งสวน ทั้งในบ้านเรือน โรงเรียน สถานที่ราชการ และโรงงาน สามารถปลูกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มเพื่อสร้างจุดเด่นได้ นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับปลูกริมบ่อน้ำหรือสระน้ำ เพื่อสร้างความร่มรื่นและลดความร้อนให้กับพื้นที่
นอกจากนี้ พุทธรักษายังสามารถช่วยปิดบังพื้นที่รกร้างหรือไม่สวยงามได้ดี ด้วยลำต้นที่สูงและใบที่ใหญ่ และในพื้นที่ที่มีลานจอดรถกว้างหรือพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดร้อนจัด การปลูกพุทธรักษาในกระถางวางตามพื้นที่จะช่วยลดความร้อนและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ทางความเชื่อและวัฒนธรรม
ตามความเชื่อของคนไทยโบราณ การปลูกพุทธรักษาไว้ในบ้านจะช่วยปกป้องไม่ให้เกิดอันตรายแก่ผู้อยู่อาศัย เพราะพุทธรักษาเป็นพรรณไม้มงคลที่มีชื่อสื่อถึงการมีพระพุทธเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีแต่ความสงบสุข หากต้องการปลูกเพื่อความเป็นสิริมงคล ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันตกของบ้าน และควรปลูกในวันพุธ

การขยายพันธุ์พุทธรักษาทำได้อย่างไร?
การขยายพันธุ์พุทธรักษาสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก คือ การเพาะเมล็ดและการแยกหน่อ แต่วิธีที่นิยมและได้ผลดีที่สุดคือการแยกหน่อ เนื่องจากทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า:
การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ
- เริ่มจากถอดกระถางของต้นพุทธรักษาที่ต้องการขยายพันธุ์ออกมา
- ใช้มีดคมเฉือนผ่านดินเพื่อแบ่งแยกเหง้าหรือลำต้นใต้ดิน โดยแยกออกมา 1-2 หน่อที่มีตายอดและรากติดมาด้วย
- เตรียมกระถางใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าลำต้นใต้ดิน ใส่วัสดุระบายน้ำที่ก้นกระถาง
- วางหน่อที่แยกมาลงในกระถาง แล้วกลบด้วยดินปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะ แล้วนำไปวางในที่ที่มีแสงแดดรำไรก่อน
- หลังจากสังเกตเห็นการเจริญเติบโตของต้นใหม่ จึงย้ายไปวางในที่ที่มีแสงแดดมากขึ้น
การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
- เก็บเมล็ดพุทธรักษาที่แก่จัด มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ
- แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 24-48 ชั่วโมง เพื่อให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนตัว
- นำเมล็ดที่แช่น้ำแล้วมาขัดเปลือกด้านนอกด้วยกระดาษทรายเบาๆ เพื่อให้น้ำซึมผ่านเข้าไปในเมล็ดได้ดียิ่งขึ้น
- เพาะเมล็ดในถาดเพาะที่มีวัสดุเพาะเมล็ด โดยวางเมล็ดลึกประมาณ 1 เซนติเมตร
- รดน้ำให้ชุ่มและคลุมด้วยพลาสติกใสเพื่อรักษาความชื้น
- วางในที่ที่มีแสงสว่างแต่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง
- เมล็ดจะงอกภายใน 1-3 สัปดาห์ และเมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงปลูกในกระถางหรือแปลง
วิธีการขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อจะให้ต้นที่เติบโตเร็วและออกดอกเร็วกว่าการเพาะเมล็ด จึงเป็นที่นิยมมากกว่า

เลี้ยงพุทธรักษาให้สวย มีเทคนิคอะไรบ้าง?
การเลี้ยงพุทธรักษาให้สวยงามและออกดอกดกนั้น มีเทคนิคพิเศษที่ควรปฏิบัติ ดังนี้:
เลือกตำแหน่งปลูกที่เหมาะสม
พุทธรักษาชอบแสงแดดเต็มวันหรืออย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อวัน การได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอจะช่วยกระตุ้นการออกดอกและทำให้สีดอกสดใส หากปลูกในร่ม ดอกอาจจะไม่สมบูรณ์หรือสีซีดกว่าปกติ
การตัดแต่งอย่างสม่ำเสมอ
ตัดแต่งต้นที่ออกดอกแล้วออกให้ชิดดิน และตัดใบล่างที่แห้งหรือเสียหายออกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่งและสวยงาม การตัดแต่งยังช่วยกระตุ้นการแตกหน่อใหม่และการออกดอก
การให้ปุ๋ยอย่างถูกวิธี
ใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับช่วงการเจริญเติบโต ช่วงแตกหน่อใหม่ ควรใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เช่น สูตร 25-7-7 และเมื่อต้องการให้ออกดอก ควรเปลี่ยนเป็นปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น สูตร 12-25-6 การปรับปริมาณอาหารให้สอดคล้องกับการตอบสนองของพืชเป็นสิ่งสำคัญ หากพบว่าใบเขียวชอุ่มแต่มีดอกน้อย แสดงว่าควรลดการใช้ไนโตรเจน
การป้องกันโรคและแมลง
พุทธรักษาอาจประสบปัญหาเรื่องโรคเน่าและเชื้อราโดยเฉพาะในฤดูฝน ควรฉีดพ่นสารป้องกันเชื้อรา หรือใช้ชีวภัณฑ์เพื่อป้องกัน หากพบต้นที่เป็นโรค ควรรีบตัดออกและนำไปทำลายนอกพื้นที่ปลูก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
การปลูกเป็นกลุ่ม
การปลูกพุทธรักษาเป็นกลุ่มจะสร้างทัศนียภาพที่สวยงามกว่าการปลูกเดี่ยว แต่ต้องเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 60-90 เซนติเมตร เพื่อให้แต่ละต้นมีพื้นที่เจริญเติบโตและไม่แย่งอาหารกัน
สรุป
พุทธรักษาเป็นไม้ดอกที่มีความสวยงาม หลากหลายสายพันธุ์และสีสัน มีความหมายเป็นมงคล และเป็นสัญลักษณ์ของวันพ่อแห่งชาติ การปลูกพุทธรักษาไม่ยากเพราะเป็นพืชที่ทนทาน เลี้ยงง่าย และขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว ต้องการเพียงดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ แสงแดด และการดูแลรักษาที่เหมาะสม
นอกจากจะปลูกเพื่อความสวยงามและเป็นสิริมงคลแล้ว พุทธรักษายังสามารถปลูกเพื่อสร้างรายได้ได้อีกด้วย ด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายและให้ผลตอบแทนรวดเร็ว จึงเป็นพืชที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเกษตรขนาดเล็ก
ไม่ว่าจะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ใด พุทธรักษาจะมอบความงดงามและความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ปลูกเสมอ ตามความหมายของชื่อที่ว่า “พุทธรักษา” อันหมายถึงการได้รับการปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น
#สาระ #พุทธรักษา #ดอกไม้วันพ่อ #ไม้มงคล #ปลูกพุทธรักษา #วิธีปลูกพุทธรักษา #สายพันธุ์พุทธรักษา #พืชทำเงิน #การดูแลพุทธรักษา #จัดสวน #ไม้ประดับ