การกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แต่มีข้อจำกัดด้านรายได้หรือคุณสมบัติไม่เพียงพอสำหรับการกู้เดี่ยว การกู้ร่วมช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อและอาจได้วงเงินกู้ที่สูงขึ้น แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อควรระวังที่ผู้กู้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ บทความนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการกู้ร่วมซื้อบ้าน-ซื้อคอนโด เพื่อประกอบการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม

การกู้ร่วมคืออะไร? ทำไมถึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ซื้อบ้าน
การกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโด คือการที่มีผู้กู้ตั้งแต่ 1-3 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เช่น พ่อแม่-ลูก พี่-น้อง เครือญาติ สามี-ภรรยา ร่วมกันยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงิน โดยผู้กู้ทุกคนจะมีสิทธิและความรับผิดชอบเท่าเทียมกันในการชำระหนี้
ธนาคารจะนำความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ทุกคนมาคำนวณรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นฐานเงินเดือน ภาระหนี้สิน ทำให้มักได้วงเงินกู้สินเชื่อที่สูงขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้น
การกู้ร่วมเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอที่จะกู้เองเพียงคนเดียว หรือมีประวัติเครดิตที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้การขอสินเชื่อคนเดียวเป็นไปได้ยาก การมีผู้กู้ร่วมที่มีคุณสมบัติทางการเงินที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น

การกู้ร่วมแตกต่างจากการค้ำประกันอย่างไร?
หลายคนอาจสับสนระหว่างการกู้ร่วมกับการค้ำประกัน ทั้งสองวิธีล้วนช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ แต่มีความแตกต่างกันในหลายประเด็นสำคัญ:
คุณสมบัติของผู้เข้าร่วม
- การกู้ร่วม: ผู้กู้ร่วมต้องเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวเดียวกัน
- การค้ำประกัน: ผู้ค้ำประกันเป็นบุคคลใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ต้องมีประวัติทางการเงินที่ดี
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
- การกู้ร่วม: ผู้กู้ร่วมทุกคนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในทรัพย์สิน
- การค้ำประกัน: ผู้ค้ำประกันไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
การคำนวณวงเงินกู้
- การกู้ร่วม: ธนาคารจะนำรายได้ของผู้กู้ทุกคนมารวมกันเพื่อคำนวณวงเงินกู้
- การค้ำประกัน: ธนาคารจะพิจารณาเฉพาะรายได้ของผู้กู้หลักเท่านั้น
ความรับผิดชอบในการชำระหนี้
- การกู้ร่วม: ผู้กู้ทุกคนมีหน้าที่ชำระหนี้ร่วมกันตั้งแต่เริ่มต้นสัญญา
- การค้ำประกัน: ผู้ค้ำประกันจะรับผิดชอบหนี้เมื่อผู้กู้หลักผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- การกู้ร่วม: ผู้กู้ร่วมได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์
- การค้ำประกัน: ผู้ค้ำประกันไม่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี
การตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพย์สิน
- การกู้ร่วม: การทำธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินต้องได้รับความยินยอมจากผู้กู้ทุกคน
- การค้ำประกัน: ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพย์สิน

ใครบ้างที่สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้?
การกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดสามารถทำได้กับบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้:
1. คนในครอบครัว
การกู้ร่วมระหว่างพ่อแม่-ลูก พี่-น้อง หรือเครือญาติที่มีสายเลือดเดียวกัน สามารถทำได้โดยแสดงหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ของครอบครัว เช่น สูติบัตร ทะเบียนบ้าน รวมถึงใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล สำหรับกรณีที่ใช้คนละนามสกุล
2. คู่สมรสที่จดทะเบียน
คู่สามี-ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแล้ว รวมถึงคู่สมรส LGBTQIAN+ ที่จดทะเบียนตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีสิทธิกู้ร่วมกันได้ โดยต้องแสดงหลักฐานการเป็นคู่สมรส เช่น ทะเบียนสมรส ภาพถ่ายในวันแต่งงาน
3. คู่รักที่ยังไม่ได้จดทะเบียน
คู่รักที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทั้งคู่รักชาย-หญิง และ LGBTQIAN+ สามารถกู้ร่วมกันได้เช่นกัน โดยต้องแสดงหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ เช่น ภาพถ่ายร่วมกัน หลักฐานการเงินร่วมกัน ทะเบียนบ้านที่ยืนยันการอาศัยอยู่ร่วมกัน หรือเอกสารรับรองบุตรที่ระบุชื่อพ่อแม่ (ในกรณีที่มีบุตรร่วมกัน) ทั้งนี้การอนุมัติจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละสถาบันการเงิน

ข้อดีของการกู้ร่วมที่คุณควรพิจารณา
การกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ:
1. มีโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น
สถาบันการเงินจะพิจารณาความสามารถของผู้กู้หลายคนร่วมกัน ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น หากผู้กู้หลักมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน เช่น มีภาระหนี้สูง ประวัติเครดิตไม่สมบูรณ์ หรือประวัติการทำงานไม่ถึงเกณฑ์ การมีผู้กู้ร่วมที่มีคุณสมบัติดีจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ
2. ได้วงเงินกู้ที่สูงขึ้น
ธนาคารจะพิจารณาฐานเงินเดือนของผู้กู้ทุกคนรวมกัน ทำให้ได้วงเงินกู้ที่สูงขึ้น เพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดที่มีคุณภาพดีหรืออยู่ในทำเลที่ดีขึ้น
3. มีคนช่วยแบ่งเบาภาระในการผ่อน
การกู้ร่วมช่วยแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระหนี้ ลดภาระทางการเงินของแต่ละคน ทำให้มีเงินเหลือไปใช้จ่ายด้านอื่นๆ เก็บออม และบริหารการเงินส่วนบุคคลให้มีสภาพคล่องได้ดีมากยิ่งขึ้น
4. เป็นการกระจายความเสี่ยง
หากผู้กู้คนใดคนหนึ่งประสบปัญหาทางการเงิน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย หรือเสียชีวิต ผู้กู้ร่วมคนอื่นยังสามารถรับผิดชอบการผ่อนชำระต่อได้ตามปกติ ทำให้ไม่เกิดการผิดนัดชำระหรือส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิต

4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจกู้ร่วมซื้อบ้าน
แม้การกู้ร่วมจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ:
1. ต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกัน
การกู้ร่วมหมายถึงทุกคนเป็นหนี้ร่วมกัน จึงต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ไม่สามารถอ้างได้ว่ารับผิดชอบเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ ผิดนัดชำระหนี้ หรือถูกยึดทรัพย์ ธนาคารมีสิทธิ์เรียกชำระหนี้จากผู้กู้ร่วมคนใดก็ได้
2. กู้ครั้งต่อไปจะยากขึ้น
การมีภาระหนี้จากการกู้ร่วมจะทำให้ความสามารถในการกู้เงินครั้งต่อไปทำได้ยากขึ้น เนื่องจากมีภาระหนี้อยู่แล้ว จึงควรวางแผนการเงินระยะยาวให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีมาตรการ LTV ที่ช่วยผ่อนปรนสำหรับผู้กู้ร่วมที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ให้เสมือนว่ายังไม่เป็นผู้กู้ในครั้งนั้น ดังนั้นหากในอนาคตต้องการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยของตนเองก็สามารถทำได้ โดยจะนับเป็นสัญญาแรก
3. ต้องเฉลี่ยสิทธิลดหย่อนภาษี
ดอกเบี้ยบ้านสามารถใช้ลดหย่อนภาษีประจำปีได้ แต่ในกรณีกู้ร่วม สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะถูกเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม เช่น หากกู้คนเดียวใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท แต่เมื่อกู้ร่วม 2 คน ยอดจะถูกเฉลี่ยเหลือคนละ 50,000 บาท ควรศึกษาเรื่องภาษีและวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง
4. การทำธุรกรรมต้องได้รับการยินยอมจากผู้กู้ทุกคน
เมื่อมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่อยู่อาศัย การทำธุรกรรมใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ทุกคน ควรมีการทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับแนวทางการจัดการทรัพย์สินในอนาคต เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
การกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอที่จะกู้เพียงคนเดียว หรือต้องการเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ การกู้ร่วมช่วยให้ได้วงเงินกู้ที่สูงขึ้น แบ่งเบาภาระการผ่อนชำระ และกระจายความเสี่ยงทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ต้องตระหนักว่าการกู้ร่วมเป็นการรับผิดชอบหนี้สินร่วมกัน อาจส่งผลต่อความสามารถในการกู้ครั้งต่อไป การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจะถูกเฉลี่ย และการทำธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินต้องได้รับการยินยอมจากผู้กู้ทุกคน
ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม ควรพิจารณาสถานะทางการเงินของทั้งตนเองและผู้กู้ร่วม วางแผนการผ่อนชำระอย่างรอบคอบ และทำความเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้การตัดสินใจกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดเป็นไปอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง
#สาระ #การเงิน #กู้ร่วมซื้อบ้าน #สินเชื่อบ้าน #กู้ซื้อคอนโด #วางแผนการเงิน #ข้อควรรู้การกู้ร่วม #เปรียบเทียบการกู้ร่วมและการค้ำประกัน #ภาษีบ้าน #สิทธิประโยชน์ทางภาษี