สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เผยบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิก ประกาศไม่ปรับราคาไตรมาส 2/68 ชี้เป็นจังหวะที่ดีของการสร้างบ้านใหม่ในราคาต้นทุนเดิม ส่วนภาพรวมยอดขายไตรมาสแรกปรับตัวลดลง 7% เหตุจากเศรษฐกิจไร้สัญญาณฟื้นตัว มองเซ็กเมนต์ 2 – 5 ล้านบาท และ 5 – 10 ล้านบาทยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ เร่งเดินหน้าสร้างการรับรู้ ขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์และออนกราวด์ เตรียมโรดโชว์ต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก จับตากำแพงภาษีการค้าสหรัฐฯ หลังครบระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน อาจกระทบต้นทุนสร้างบ้านสร้างใหม่ราคาพุ่งในช่วงครึ่งปีหลังปี 68

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 2 ของปี 2568 บริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ยังไม่ปรับราคาก่อสร้างบ้าน แต่เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งสงครามการค้าจากนโยบายทรัมป์ 2.0 แม้จะประกาศพักการเก็บภาษี 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสในการเจรจาระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา ยังไม่มีความแน่นอนว่าภายหลังจากครบระยะเวลาของการผ่อนผันที่ 90 วันแล้ว สินค้าสำหรับกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนของการสร้างบ้านจะได้รับผลกระทบมากแค่ไหน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการปรับขึ้นราคารับสร้างบ้านในครึ่งปีหลัง 2568
ขณะที่ภาพรวมความเชื่อมั่นผู้บริโภค มีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจทั่วโลกที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัว รวมไปถึงสถานการณ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ผันผวน ทำให้ระมัดระวังในการใช้จ่ายและชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน มีผลต่อภาพรวมยอดขายไตรมาสแรกของปี 2568 ธุรกิจรับสร้างบ้านในส่วนของสมาชิกสมาคมฯ ปรับตัวลดลงประมาณ 7%
บ้าน 5 – 10 ล้านบาท ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ
แม้ว่าภาพรวมไตรมาสแรกจะหดตัว นายอนันต์กร กล่าวว่า ส่วนใหญ่อยู่ในเซ็กเมนต์ (Segment) บ้านราคา 20 ล้านขึ้นไป สะท้อนจากการชะลอตัดสินใจสร้างบ้านออกไป เพราะความไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจ และตลาดทุนไม่ค่อยดีนักในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่บ้านในเซ็กเมนต์ 2 – 5 ล้านบาท และ 5 – 10 ล้านบาท ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจต่อเนื่องถึงไตรมาสที่สอง สะท้อนจากผลตอบรับจากงาน “รับสร้างบ้าน Focus 2025” ที่จัดเมื่อ 12 – 16 มีนาคม 2568 ซึ่งบ้านในสองกลุ่มราคานี้สามารถทำยอดขายรวมกันได้มากถึง 68.81% จากยอดขายทั้งหมด โดยมีความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามผู้บริโภคจะกลับมาสร้างบ้านเมื่อสัญญาณทุกอย่างเริ่มดีขึ้น เพราะบ้านเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญสำหรับทุกคน
คว้าโอกาสที่ใช่ สร้างบ้านใหม่ไตรมาส 2 ในราคาต้นทุนเดิม
นายอนันต์กร กล่าวว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อไตรมาสสองที่ยังไม่มีสัญญาณบวกที่ชัดเจน บริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ยังคงไม่ปรับราคารับสร้างบ้าน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้านได้ตัดสินใจในช่วงเวลาที่ดี และต้นทุนที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ หากกำแพงภาษีการค้าสหรัฐฯ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน อาจกระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้างบางรายการและทำให้ราคาบ้านสร้างใหม่ในครึ่งหลังของปี 2568 มีความจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น
“ภาษีที่ทรัมป์ จะประกาศออกมาไม่รู้ว่ากระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้างกลุ่มไหนบ้าง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการปรับขึ้นของราคารับสร้างบ้าน แต่ในช่วงไตรมาส 2 นี้ ราคาวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ยังไม่มีการปรับราคาขึ้น ทำให้สามารถยังคงยืนราคาเดิมของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกฯ ได้ จึงเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีของผู้บริโภคที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน” นายอนันต์กร กล่าว
รุกโรดโชว์ต่างจังหวัด ตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพ – บริการ
ในช่วงไตรมาสสอง และต่อเนื่องถึงสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในครึ่งหลังของปี 2568 ทางสมาคมฯ มีความพร้อมในการขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ โดยสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และนำเสนอจุดเด่นด้านคุณภาพ มาตรฐานงานก่อสร้าง และบริการที่แตกต่าง เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคในการใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิก ซึ่งกระจายตัวให้บริการอยู่ทั่วประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ www.hba-th.org และ https://www.facebook.com/homebuilderclub
สำหรับการจัดโรดโชว์ในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก (On-ground Marketing) นั้น นายอนันต์กร กล่าวว่า กิจกรรมจะเกิดขึ้นภายในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการตัดสินใจว่าจะจัดขึ้นที่ใดระหว่างพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะเป็นพื้นที่มีความต้องการสร้างบ้านค่อนข้างสูง และทางสมาคมฯ มีเป้าหมายขยายฐานสมาชิก พร้อมกับสร้างการเติบโตด้านยอดขายในตลาดต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยสมาคมฯ มีเป้าหมายจัดกิจกรรมการตลาดและสร้างการรับรู้ผู้บริโภคในรูปแบบนี้ให้ได้หนึ่งครั้งต่อปี
“จากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคตระหนักถึงมาตรฐานการก่อสร้างบ้านที่แข็งแรงและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งทางสมาคมฯ ดำเนินการก่อสร้างภายใต้มาตรฐาน พรบ.ควบคุมอาคาร เรื่องกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทานและแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564 โดยแบ่งพื้นที่เฝ้าระวัง ออกเป็น 3 บริเวณด้วยกัน บริเวณที่ 1 ส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดแถวภาคใต้, บริเวณที่ 2 กรุงเทพฯ และปริมณฑล และบริเวณที่ 3 ส่วนใหญ่อยู่จังหวัดภาคเหนือ โดยกฎหมายกำหนดให้การออกแบบก่อสร้างอาคารบริเวณที่ 1 และ 2 ต้องคำนวณแรงต้านทานแผ่นดินไหว สำหรับการก่อสร้างอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 15 เมตร หรือ 5 ชั้นขึ้นไป ส่วนบริเวณที่ 3 เป็นอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 10 เมตร หรือ 3 ชั้นขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นว่าบ้านที่ก่อสร้างโดยบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ มีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด และเชื่อถือได้ในด้านความปลอดภัย” นายอนันต์กร กล่าว