ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เดินหน้าช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และลูกค้าสถานะ NPL ที่ยังคงได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ได้รับความช่วยเหลือนานสูงสุด 2 ปี ด้วยการขยายเวลาลงทะเบียนมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งหมด 3 มาตรการ โดยลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2567 ธอส. ได้จัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านรายได้ให้สามารถรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ โดยปัจจุบัน มีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการ 119,893 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 141,140.68 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อเป็นการเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และลูกค้าสถานะ NPL ที่ยังคงได้รับผลกระทบด้านรายได้ ธอส. จึงขยายระยะเวลาการลงทะเบียนมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือเป็นระยะเวลานานสูงสุด 2 ปี โดยมาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย
1. มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 ได้แก่
– มาตรการภาคครัวเรือน “HD1” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ 1 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1- 3 จำนวน 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี, เดือนที่ 4-6 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90% +100 บาท และเดือนที่ 7 – 12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90 % +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้ธนาคารจะนำไปตัดดอกเบี้ย
ค้างชำระ(หากมี)
– มาตรการภาคครัวเรือน “HD2” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ 1 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1- 3 คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90% +100 บาท, เดือนที่ 4 – 6 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90% +100 บาท และเดือนที่ 7 – 12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย MRR-2% +100 บาท (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. เท่ากับ 6.545% ต่อปี) กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดธนาคารจะนำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)
2. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ได้แก่
– มาตรการช่วยเหลือ “DC1” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM, ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะ
มีโจทก์นอกที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี สามารถผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย ที่ 3.55% ต่อปี และ +100 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี กรณีลูกค้าชำระเกินกว่าที่ธนาคารกำหนดธนาคารจะนำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)
– มาตรการช่วยเหลือ “DC2” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 4 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน, เดือนที่ 5-8 ผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 1.90% เพียง 50% และ+100 บาท และเดือนที่ 9 – 12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.90% เพียง 50% และ +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดธนาคารจะนำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) ทั้งนี้ ดอกเบี้ย 50% ของงวดที่ 5-12 ธนาคารจะพักชำระไว้ เมื่อลูกค้าผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 50% ช่วงที่อยู่ในมาตรการ
มาตรการช่วยเหลือ “M24” สำหรับกลุ่มลูกค้า SM และ NPL ลูกค้ารายย่อย ลูกค้าสวัสดิการ ลูกค้าประเภทแฟลต หรือ ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจไทยระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ 6 เดือน ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1 – 6 คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90% +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินกว่าที่ธนาคารกำหนดธนาคารจะนำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)
3. มาตรการ M17 ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีสถานะ NPL หรือลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างใช้มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร โดยลูกหนี้จะต้องกู้เงินจากธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ 1 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1-3 จำนวน 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี, เดือนที่4-6 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.99 % +100 บาท และเดือนที่ 7-12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90% +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้ธนาคารจะนำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ(หากมี)
สำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการข้างต้น สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ผ่านทาง Application : GHB ALL BFRIEND โดยลูกค้าจะต้อง Upload หลักฐานยืนยันการได้รับผลกระทบทางรายได้เพื่อให้ธนาคารพิจารณาด้วย ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ที่สาขาทั่วประเทศ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th