“Green Real Estate” ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความคุ้มค่าทางธุรกิจ แนะภาครัฐจูงใจมาตรการภาษีขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมาย Net Zero

การก้าวเข้าสู่สังคม Carbon Net Zero จะเกิดขึ้นไม่ได้หากทุกฝ่ายในภาคธุรกิจและประชาชนไม่ร่วมมือกัน จะเห็นได้จากประเทศที่พัฒนาแล้วต่างหันมาให้ความสนใจและสนับสนุน รวมทั้งลงทุนในกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอน สำหรับในเมืองไทย บริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด หรือ EEC Academy ได้ผนึกองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ&เอกชน Thai ESCO สมาคมบริษัทจัดการพลังงานไทย ผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยมีคาร์บอนเป็นศูนย์ ผ่านรูปแบบ “Climate Finance and Investment” ด้วยการจัด งานใหญ่แห่งปี The Nova Expo 2025 “นวัตกรรมสีเขียวเปลี่ยนโลก” งานรวมเทคโนโลยีสีเขียวเพื่ออนาคตยั่งยืน ระหว่าง 12 – 14 มีนาคม 2568 นี้ ที่ BITEC บางนา

ดร.เกชา ธีระโกเมน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด (EEC Academy)ในฐานะผู้จัดงาน The NOVA Expo 2025 ร่วมถ่ายทอดความรู้ด้านนวัตกรรมสีเขียวที่จะมาช่วยเปลี่ยนแปลงโลกให้ดียิ่งขึ้น ในหัวข้อ “Green Innovation Revolution” ว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากถึง 30 – 50 ล้านตันต่อปี ซึ่งหากรวม Operational Carbon หรือการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากการดำเนินงาน ตัวเลขอาจจะสูงถึง 150 ล้านตันต่อปี ซึ่งหลายคนตระหนักถึงปัญหาวิกฤตโลกร้อนที่เข้าขั้นรุนแรง ที่เกิดขึ้นและคิดในแบบเดียวกัน แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่อยากทำ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร

ดังนั้นในวันนี้จึงจำเป็นที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า “ปฏิวัติ” โดยเริ่มตั้งแต่การติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องนั่นคือ Design & Planning (การดีไซน์ แอนด์ แพลนนิ่ง) ด้วยการออกแบบและวางแผนกระบวนการ ทั้ง Green Construction Method and Material กระบวนการก่อสร้างที่เลือกใช้ เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น, Green Innovation Technology การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้องจะทำให้ได้ผลลัพธ์ด้านการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด, Green Operation Quality การก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Green Innovation Energy พลังงานที่นำมาใช้ ดังนั้นการนำระบบ Cooling as a Service และ Future of Clean Air นวัตกรรมเพื่ออนาคตอากาศสะอาดมาติดตั้งในอาคารและคอนโดมิเนียมจะช่วยให้การใช้พลังงานลดลง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ 

นวัตกรรมสิ่งแวดล้อมคือ Investment ไม่ใช่ Cost 

สิ่งแรกที่สำคัญคือ “ทัศนคติ” ต่อการประหยัดพลังงานของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักธุรกิจที่ยังมองว่าเป็น “Cost” ในการติดตั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์จะทำให้ต้องใช้เงินที่มากขึ้น ทำให้ไม่ตอบรับกับแนวคิดการนำนวัตกรรมด้านพลังงานมาใช้กับธุรกิจและโครงการมากนัก ขณะที่ในความเป็นจริงแล้ว นวัตกรรมที่ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นการ “Investment” ที่ลงทุนในวันนี้ สามารถลดการใช้พลังงาน และช่วยโลก พร้อมกับประหยัดเงินที่ต้องจ่ายไปกับค่าพลังงานในอนาคตด้วย เช่น ลงทุนติดตั้งโซลาเซลส์ ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง แต่ทำให้ประหยัดค่าไฟ และเกิดความคุ้มค่าจากการลงทุนในระยะยาว 5-7 ปี  

“ก่อนปี 2000 ถือว่าเป็นยุคมืด เวลาไปคุยกับสถาปนิกเรื่องการประหยัดงาน การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ไม่มีใครสนใจ ทำเลย สถาปนิกส่วนใหญ่สนใจเรื่องไอคอนิก การสร้างอัตลักษณ์ให้กับอาคารมากกว่าคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งกระจกรอบอาคาร เกิดแสงสะท้อนของกระจกและก่อปัญหาให้กับสภาพแวดล้อม จนมาช่วงหลังปี 2022 ค่อยเริ่มเห็นแสงสว่าง คนเริ่มให้ความสำคัญเรื่องอาคารประหยัดพลังงาน อาคารสีเขียว และต่อเนื่องมาถึงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่กระแสด้านสิ่งแวดล้อมเริ่มบูม คนเริ่มพูดถึงคาร์บอนกันมากขึ้น” ดร.เกชา กล่าว

ขณะเดียวกัน ดร.เกชา ชี้ให้เห็นว่า ภาคธุรกิจต้องยอมรับว่าวันนี้เป็นโลกใหม่จริง ๆ ต้องเริ่มทำความเข้าใจ และเร่งปรับตัว ก่อนจะเป็นทฤษฎีม้าตาย โดยม้าตัวหนึ่งที่เคยเก่งมาก แต่วันหนึ่งตายลงไป คนจะโฟกัสแค่เพียงว่าทำอย่างไรจะให้ม้าตัวนั้นฟื้น แต่ไม่ยอมก้าวข้าม และยอมรับ เช่นเดียวกับหลายธุรกิจที่ไม่ปรับตัวจนถึงวันที่ต้องปิดฉากลงไป รวมถึงในกรณีของอุตสาหกรรมก่อสร้างที่มีส่วนในการปลดปล่อยคาร์บอนอย่างน้อย 37% อาจได้รับผลกระทบ และมีโอกาสทางธุรกิจน้อยกว่าคู่แข่งที่ปรับตัวได้เร็วกว่า ดังนั้นผู้ประกอบการควรปรับตัวและพาธุรกิจไปสู่ Go Green ลดการปลดปล่อย คาร์บอนไดออกไซต์ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ตามแนวทาง ESG (Environment, Social และ Governance) เช่น ดอกเบี้ยอัตราพิเศษจากสถาบันการเงินสำหรับธุรกิจสีเขียว  เป็นต้น

ผศ.ดร.สุกุลพัฒน์ คุ้มไพศาล สาขาวิชานวัตกรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คณะสถาปัตยกรรมสาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในหัวข้อ Real Estate and Urban Development , The Future of Green Real Estate Embracing Innovation for Sustainable Growth โดยชี้ให้เห็นถึง“ความท้าทาย” และ “อนาคต” ของ อสังหาริมทรัพย์สีเขียว (Green Real Estate) ที่เกิดขึ้นว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น และสร้างความคุ้มค่าทางธุรกิจ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงสู่อสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน และการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นความท้าทายที่ธุรกิจอสังหาฯกำลังเผชิญ ซึ่งแบ่งเป็น 3 เรื่องหลักคือ ขาดการตระหนักรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม,ต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น และอุปสรรคด้านกฎระเบียบ 

โดยที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์ในธุรกิจอสังหาฯส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุน ทำให้การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยยังมีแนวคิดหลักในการจัดหา Location ที่ดีที่สุด ก่อสร้างแล้วต้องได้ผลตอบรับที่ดี โครงการขาดทุนน้อยที่สุด ส่งผลให้ขาดมุมมองว่าทำเลนั้นหากมีการก่อสร้างอาจส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อม สวนสาธารณะ และชุมชนโดยรอบ ถึงระดับที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมได้ เช่น เมื่อก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จและเปิดใช้งานจะปล่อยควันสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน  หรือระหว่างการก่อสร้างจะมีการปล่อยน้ำเสียจากโครงการออกไปเท่าไหร่ 

ดังนั้นเมื่อกลุ่มผู้บริโภคเริ่มรับรู้และตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงคือ ดีเวลลอปเปอร์เริ่มหันมาให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม เพราะเริ่มทวนกระแสผู้บริโภคไม่ได้ จึงเริ่มมีการปรับตัว ทั้งการนำแนวคิดอาคารสีเขียว การนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้ในโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงาน การออกแบบโครงการตั้งแต่แรกเริ่มให้เป็น Passive Design เช่น การนำต้นไม้กันฝุ่นมาปลูก การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ และเทคโนโลยีที่ช่วย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงเลือกใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5

“สำหรับอนาคตของอสังหาฯที่ยั่งยืนนั้น ยังเป็นประเด็นด้านความเข้มงวดของกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกเริ่มตระหนักเกี่ยวกับอสังหาฯเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งกำหนดนโยบายและข้อบังคับที่จูงใจออกมาอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของความต้องการจากผู้บริโภคต่ออสังหาฯที่ยั่งยืน การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และการสร้างความร่วมมือของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างโซลูชันที่ปรับขนาดได้และมีความคุ้มทุน” ผศ.ดร.สุกุลพัฒน์ กล่าวว่า

โดยจะได้เห็นการพัฒนาอสังหาฯที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Homes)  และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสีเขียว หรือ Green Technology  รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของโปรแกรมการรับรองด้านกรีน ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอสังหาฯสีเขียวได้ง่ายและราคาไม่แพง 

ดังนั้นหากดีเวลลอปเปอร์ไม่เปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจอาจจะเจอแรงกดดันจากประชาคมโลก โดยสิ่งที่ทำได้ทันที เริ่มจากการออกแบบโดยใช้วัสดุที่ดี ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED (Leadership in Energy and Environmental Design: LEED) และนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่า โดยอาคารที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมจะมีค่าเช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ขณะที่ต้นทุนที่ใช้เพื่อการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มแค่เพียง 5% เท่านั้น

เอสซีจี แนะเอกชน ภาคก่อสร้าง และผู้ผลิต ร่วมมือ แบ่งปันสู่เป้าหมาย Net Zero  

นายวิชัย รายรัตน์ ผู้อำนวยการพัฒนาอย่างยั่งยืน SCG และ เลขาธิการเครือข่ายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง (CECI) กล่าวถึงแนวทางสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอุตสาหกกรรมก่อสร้าง (Net Zero C Construction) ว่า การที่ประเทศไทยจะไปสู่ Net Zero ของการก่อสร้างในอนาคตได้นั้น จะต้องเกิดขึ้นจากความร่วมมือที่มาจากความตั้งใจของแต่ละบริษัท ที่มีเป้าหมายจะไปสู่การลดคาร์บอนของแต่ละบริษัท ที่ต้องมีการเกื้อหนุนและทำงานร่วมกัน พร้อมแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน เพราะสิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้นทุน ถ้าหากไม่สามารถเพิ่มปริมาณการจัดการได้ ก็จะมีผลต่อต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ซึ่งเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนหลัก และมีราคาค่อนข้างแพง 


ดังนั้นหากมีตลาดรองรับ มีความต้องการ(ดีมานด์) และมีการดำเนินการร่วมกัน จะทำให้ทุกคนสามารถเดินหน้าต่อไปสู่กระบวนการแลกเปลี่ยน การทำงาน จนทำให้ต้นทุนลดลง ราคาปรับมาสู่ความเหมาะสมเทียบกับที่เป็นอยู่เดิม ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีเป้าหมายไปถึง Net Zero อยู่แล้ว แต่หากมีการตั้งเป้าหมายแต่ไม่สามารถขายได้ ก็เดินต่อไปไม่ได้  สิ่งสำคัญคือ ต้องมีความต้องการที่มาจากเจ้าของอาคาร ที่ต้องมีความตั้งใจในการพัฒนาอาคารคาร์บอนต่ำ 

ทั้งนี้ภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการในการพัฒนาอาคารที่มีคาร์บอนต่ำ เช่น ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการจัดการ ที่ไม่เพิ่มต้นทุนให้กับเจ้าของอาคาร หรืออาจออกมาตรการบังคับการจะนำวัสดุต่างๆ ไปทิ้ง ต้องนำกลับมาจัดการใหม่ หรืออาจจะไปเพิ่มการวัดคาร์บอน ที่จะมีผลต่อภาษีที่จะต้องรับผิดชอบ เป็นต้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนเข้าสู่ระบบได้เร็วขึ้น และเป็นผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ทำให้ต่างประเทศ หรือบริษัทข้ามชาติ ให้เครดิตในการนำเงินเข้ามาลงทุน ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เนื่องจากมีการบริหารจัดการเรื่องการลดคาร์บอน อย่างจริงจัง และมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน หากประเทศไทยไม่ได้ส่งเสริมเรื่องพลังงานสะอาด ที่จะช่วยส่งเสริมลดคาร์บอนแล้ว บริษัทต่างชาติ ก็อาจจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นแทน เช่น ผู้ผลิตจีนได้เข้ามาตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศไทย และขายในไทย เพราะมีระบบไฟฟ้ารองรับ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องซัพพอร์ตวัสดุ หรือสิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายพลังงานสะอาด เช่น แบตเตอรี่ พลังงานไฟฟ้าสะอาด และโซล่าร์ เพื่อป้อนให้กับโรงงานต่างๆ ในการผลิตสินค้า ซึ่งอาจจะต้องเป็นนโยบายระยะยาว หรือเป็นวาระหลักของประเทศไทย

ส่วนแนวทางในการที่จะทำให้ภาคเอกชนลดผลกระทบเรื่องการปล่อยคาร์บอนลงได้ หรือมีการปล่อยปริมาณคาร์บอน ออกสู่อากาศน้อยที่สุดนั้น ต้องมองเรื่องการใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ การหาแหล่งพลังงานสะอาดเข้ามาเติม ทั้งภายในอาคารและจากภายนอก เช่น การใช้พลังงานจากโซล่าร์เซลเพื่อช่วยลดคาร์บอนได้ เพราะใน 1 อาคารจะมีส่วนที่ทำให้เกิดคาร์บอนต่างกัน เช่น Operation Carbon ที่เกิดจากการใช้พลังงานภายในอาคารมีสัดส่วนประมาณ 28% และอีก 11% มาจาก Embodied Carbon (คาร์บอนแฝงที่วัดค่าคาร์บอน ตลอดวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้นๆ) โดยการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ยกตัวอย่าง สินค้ากระเบื้องหลังคาที่เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า คาร์บอนจะลดลงน้อย เพราะเกิดจากกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น 

ขณะเดียวกันการนำระบบเทคโนโลยีและระบบดิจิตอลเข้ามาใช้ในอาคาร จะช่วยลดประหยัดพลังงานได้ดี สามารถบริหารจัดการตามความหนาแน่นของคนในแต่ละอาคาร และมีส่วนสนับสนุนเรื่องอาคารประหยัดพลังงาน เช่น โครงการ One Bangkok ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารอาคารทั้งหมด 

ดังนั้นกระบวนการที่จะเร่งให้เกิดการตื่นตัวมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ภาษี และการแข่งขัน โดยในอนาคตอาจจะเห็นสินค้าที่บ่งชี้เรื่องคาร์บอนออกมาให้กับผู้บริโภคหรือผู้ใช้มากขึ้น 

งาน “The NOVA Expo 2025 นวัตกรรมสีเขียวเปลี่ยนโลก” งานแรกและงานเดียวในไทยที่พร้อมให้ทั้งองค์ความรู้และแนวทางลงมือปฏิบัติ เพื่อสังคมโลกสีเขียว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 14 มีนาคม 2568 ณ ฮอลล์ 103 – 104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

อ่านเพิ่ม
Sidebar
The Palm (copy)
TIK TOK
บทความล่าสุด
“เศรษฐา” แนะไทยเร่งผุดเมกะโปรเจ็กต์ดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ แนะภาคอสังหาฯ ​บริหารแคชโฟลว์ประคองธุรกิจให้รอด (copy)
แอสเซทไวส์ เปิดพรีเซลตึกใหม่ “KAVALON” แคมปัสคอนโดชิดรั้ว ม.กรุงเทพ รังสิต ห้องแต่งครบทุกชั้นราคาเดียว เริ่ม 1.69 ล้าน* พร้อมลุ้นรถ EV วันที่ 29 มี.ค. นี้เท่านั้น
ข่าวสาร
ธอส. เสิร์ฟสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 2.55% ต่อปี สานต่อนโยบายรัฐ สนับสนุนคนไทยมีบ้าน พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระเงินงวดของลูกค้า (copy)
ปี 2567 ออริจิ้น Sold Out 13 โครงการคุณภาพ มูลค่าโครงการกว่า 19,400 ล้านบาท เตรียมเงินฝากพร้อมชำระหุ้นกู้ ครบรอบเม.ย.นี้ เต็มจำนวนกว่า 2,965 ล้านบาท
ข่าวสาร
ไอคอนสยาม เติมสีสันต้อนรับซัมเมอร์กับ “iconsiam Summer Kite Playground 2025” มหกรรมว่าวนับพันริมแม่น้ำเจ้าพระยา (copy)
“เศรษฐา” แนะไทยเร่งผุดเมกะโปรเจ็กต์ดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ แนะภาคอสังหาฯ ​บริหารแคชโฟลว์ประคองธุรกิจให้รอด
ข่าวสาร
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ฉลอง 10 ปี “boconcept Thailand” พร้อมเปิดแฟล็กชิปสโตร์สาขาใหม่ ใหญ่ที่สุดในเซาธ์อีสต์เอเชีย ปักหมุด Décorscape ทองหล่อ (copy)
ธอส. เสิร์ฟสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 2.55% ต่อปี สานต่อนโยบายรัฐ สนับสนุนคนไทยมีบ้าน พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระเงินงวดของลูกค้า
ข่าวสาร
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ฉลอง 10 ปี “boconcept Thailand” พร้อมเปิดแฟล็กชิปสโตร์สาขาใหม่ ใหญ่ที่สุดในเซาธ์อีสต์เอเชีย ปักหมุด Décorscape ทองหล่อ
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ฉลอง 10 ปี “BoConcept Thailand” พร้อมเปิดแฟล็กชิปสโตร์สาขาใหม่ ใหญ่ที่สุดในเซาธ์อีสต์เอเชีย ปักหมุด DécorScape ทองหล่อ
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย วิลล์ ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้าน Design ใหม่ พื้นที่ใหญ่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุก Lifestyle เป็นส่วนตัวเพียง 66 แปลง ส่วนกลางครบครัน บนทำเลที่โดดเด่น โซนปิ่นเกล้า-ศาลายา
Sponsor
รีวิว บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น-ซ.เวิร์คพอยท์ คอนโดแนวคิดใหม่ สไตล์ทาวน์โฮม 2 ชั้น 2 นอน 2 น้ำ บนทำเลรังสิต-ปทุมฯ ใกล้ทางด่วนฯ, โทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต
Sponsor
รีวิว นิรติ ดอนเมือง (NIRATI DONMUEANG) บ้านและทาวน์โฮม NEW SERIES 2.5 ชั้น พร้อมส่วนกลางกว่า 4 ไร่* ที่สุดของทำเลศักยภาพ เพียง 5 นาที* ถึงสนามบินดอนเมือง
Sponsor
Loading..