ขณะที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่และนักลงทุนจำนวนมากเริ่มปรับกลยุทธ์ หันไปมองหาโอกาสใหม่ในตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต ทั้งในแง่ของดีมานด์เพื่อการอยู่อาศัยระยะยาว (Long-stay demand) และดีมานด์เพื่อการลงทุน (Investment demand) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภูเก็ตจึงเป็นเสมือนเป้าหมายที่ทั้งผู้พัฒนาและนักลงทุนต่างมองว่ายังคงเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงจากทั้งชาวไทยและนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ภูเก็ตกลายเป็นพื้นที่ที่มีความน่าสนใจและยังคงเป็นขุมทรัพย์สำคัญที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจับตามองอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงไตรมาส 3 ไตรมาสของปี 2568 ที่ผ่านมาแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่าในพื้นที่ภูเก็ต มีโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศเปิดขายใหม่มากกว่า 85 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมมากกว่า 73,146 ล้านบาท ด้วยอุปทานรวมกว่า 5,500 ยูนิต พบว่าโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศหลายโครงการสามารถปิดการขายได้อย่างคึกคัก ผู้พัฒนารายใหญ่บางรายสามารถปิดการขายบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียมทั้งโครงการได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรือแม้กระทั้งผู้พัฒนาบางรายสามารถปิดการขายได้มากกว่า 50-70% ของทั้งโครงการในระยะเวลาหลังจากการเปิดการขายได้เพียงแค่ไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนถึงความต้องการที่สูงจากทั้งผู้ซื้อในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ
แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ท่าวมกลางภาวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครยังคงเผชิญกับภาวะชะลอตัว ทำให้เหล่านักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติเริ่มหันมาสนใจโอกาสการลงทุนในเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างภูเก็ตขึ้น โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ ซึ่งยังคงได้รับความสนใจจากทั้งผู้ซื้อในประเทศและนักลงทุนต่างชาติที่มองหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนหรืออยู่อาศัย สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตและมูลค่าทรัพย์สินในพื้นที่เหล่านี้ ที่นักลงทุนเห็นว่าเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่ผ่านมาพบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตสูงถึง 7,646,700 ล้านคน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.39 จากไตรมาสก่อนหน้า สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 292,029ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันประมาณร้อยละ 1.49 สร้างความคึกคักให้กับภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นอย่างมาก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเดินทางเข้าสู่เกาะภูเก็ตเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีนคาซัคสถาน เป็นต้น ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่มีแนวโน้นเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้พัฒนาบางรายมีการก่อสร้างไม่ทันต่อความต้องการ กลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติบางกลุ่มยังคงสนใจการซื้อแบบเหมาอาคารในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตกลายเป็นทำเลทองที่ร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ยังคงพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์จากกรุงเทพมหานครยังคงเดินหน้าประกาศแผนการพัฒนาโดครงการใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอย่างคึกคักในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา เช่น บมจ. เอสซี แอสเสท ประกาศร่วมทุนกับ โบ๊ทพัฒนา เป็นการพัฒนาโครงการครั้งแรกของ บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น โดยมีเป้าหมายร่วมกันพัฒนาโครงการมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี , บมจ. พราว เรียล เอสเตท เปิดตัวโครงการ The Residences at InterContinental Phuket Resort คอนโดหรู มูลค่า 2,500 ล้านบาท บนหาดกมลา จังหวัดภูเก็ต , บมจ แสนสิริ เตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ในภูเก็ต มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท ได้แก่ ดีคอนโด โคฟ มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาทและเศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต” มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท , บมจ. ออริจิ้น และ บริทาเนีย เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ 2 โครงการ Origin Residence Phuket Bangtao และ Belgravia Center Phuket, บมจ. ศุภาลัย เปิดตัวโครงการคอนโด ศุภาลัย ซีนิค เบย์ คอนโด, ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือ บมจ. แอสเซทไวส์เปิดตัวโครงการคอนโด “วีวี่” (ViVi) ในแบรนด์ TITLE โดยโครงการนี้เปิดขายไปแล้วและ ปิดการขายทั้งหมด (Sold Out) ได้ในวันเดียว, บจ. ซีพีเอ็น เรซซิเด้นซ์ จำกัด เปิดตัวโครงการ ฟีล ภูเก็ต 2 , CG Capital เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมสุดหรูใกล้หาดลายัน หรือแม้กระทั้งผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่อย่าง บจ. โบทานิก้า ลักซูรี่ วิลล่า เตรียมเปิดตัวบ้านพักตากอากาศโครงการใหม่อีกมากกว่า 3 โครงการในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ตลาดบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียมจะกลับเข้าสู่การแข่งขันที่ดุเดือดต้อนรับช่วงไฮซีซันของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่
อุปทานเปิดขายใหม่คอนโดมิเนียมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจำแนกรายปีในปีพ.ศ. 2551-2568F

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงเวลาปรับตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่หลังจากที่อุปทานเป็นจำนวนมากถูกเปิดตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ทั้งบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียมบางโครงการสามารถปิดการขายได้อย่างคึกคัก โดยพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่บางรายสามารถปิดการขายบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียมทั้งโครงการในระยะเวลาอันรวดเร็วหรือแม้กระทั้งผู้พัฒนาบางรายสามารถปิดการขายได้มากกว่า 50-70% ของทั้งโครงการในระยะเวลาหลังจากการเปิดการขายได้เพียงแค่ไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนถึงความต้องการที่สูงจากทั้งผู้ซื้อในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูเก็ต ซึ่งทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนมองหาทรัพย์สินที่สามารถใช้พักอาศัยระยะยาวหรือให้เช่าระยะสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านพักตากอากาศที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการที่พักในทำเลท่องเที่ยวระดับโลก
สำหรับภาพรวมอุปทานการเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในช่วง 3 ไตรมาสของปีที่ผ่านมาพบว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมากถึง 4,648 ยูนิต จากโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมดมากถึง 18 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมมากถึง 36,420 ล้านบาท และแน่นอนว่าทำเลย่านบางเทา เชิงทำเล กะตะ กะรน ราไวย์ และในพื้นที่ใจกลางเมืองภูเก็ต ยังคงเป็นพื้นที่สำคัญที่ผู้พัฒนาแทบทุกรายมองเห็นถึงโอกาสการพัฒนา ซึ่งคาดการณ์ว่ายังมีโครงการคอนโดมิเนียมรอเปิดขายใหม่อีกกว่า 1,500 ยูนิตในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี และส่วนใหญ่ยังคงเป็นการพัฒนาของผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาด
แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่าสำหรับปีพ.ศ. 2568 ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ตจะยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่อุปทานเปิดขายใหม่อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ประมาณ 6,000 -10,000 ยูนิต เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีอุปทานเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดมากกว่า 20,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง สำหรับทำเลที่ยังคงได้รับความนิยมคาดการณ์ว่ายังคงเป็นทำเล บางเทา เชิงทะเล ราไวย์ กะตะ กะรน และในพื้นที่เมืองภูเก็ต และแน่นอนว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ยังคงมองว่าภูเก็ตยังคงเป้าหมายที่สำคัญอีกพื้นที่ที่ต้องช่วงชิงส่วนแบ่งของตลาดให้มากที่สุดทั้งจากกำลังซื้อไทย และกำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะกำลังซื้อรัสเซีย ซึ่งแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย มองว่าจะยังคงมีผู้พัฒนารายใหม่จากกรุงเทพฯ เข้าลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ภูเก็ตอย่างต่อเนื่องในปีหน้า
อุปทานบ้านพักตากอากาศเปิดขายใหม่จำแนกรายปีในพื้นที่เกาะภูเก็ตในปีพ.ศ. 2555-2568F

สำหรับภาพรวมของบ้านพักตากอากาศในเมืองไทยที่ผ่านมาค่อนข้างได้รับความสนใจจากกลุ่มเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะทำเลที่ดีในจังหวัดภูเก็ตซึ่งถือได้ว่ามีบ้านพักตากอากาศราคาค่อนข้างสูง และได้รับความสนใจที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ ส่งผลให้ตลาดบ้านพักตาอากาศเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจซื้อสำหรับกลุ่มนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปีพ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มีโครงการบ้านพักตากอากาศเปิดขายในในพื้นที่เกาะภูเก็ตมากถึง 872 ยูนิต จากโครงการบ้านพักตากอากาศทั้งหมดถึง 60 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 36,726 ล้านบาท และพบว่าอุปทานเปิดขายใหม่ของตลาดบ้านพักตากอาศในปีนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านเชิงทะเล เป็นส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 55.90 ทำเลดังกล่าวได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกำลังซื้อชาวรัสเซียเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับพื้นที่จังหวัดภูเก็ตปัจจุบันทำเลหลักของการลงทุนบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณตามแนวชายหาดและในพื้นที่ใกล้แนวชายหาด ซึ่งโครงการบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่มีทำเลที่เปิดขายและได้รับความสนใจส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอถลางมากที่สุด ตามแนวชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ย่านหาดบางเทา หาดสุรินทร์ หาดลายัน เชิงทะเล รองลงมาคือ หาดในทอน บริเวณอ่าวฉลอง หาดราไวย์ หาดกมลา ป่าตอง สำหรับแนวโน้มในอนาคต คาดการณ์ว่าผู้พัฒนาส่วนใหญ่ยังคงนิยมพัฒนาบ้านพักตากอากาศในช่วงระดับราคา 30,000,000 – 50,000,000 บาท เนื่องจากเป็นกลุ่มราคาที่ค่อนข้างได้รับความสนใจจากกำลังซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติ และส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างจากชายหาดมากขึ้น เพราะต้นทุนราคาที่ดินไม่สูง และมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย เนื่องจากในปัจจุบันที่ดินริมทะเลเริ่มหายากและมีราคาที่สูงมาก บวกกับการปรับตัวของราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่าตลาดบ้านพักตากอากาศในพื้นที่เกาะภูเก็ตจะยังคงได้รับความสนใจจากกำลังซื้อและผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะยังคงมีผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานคร เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่เกาะภูเก็ตทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านพักตากอากาศอีกเป็นจำนวนมาก และอาจมีผู้พัฒนารายใหม่ให้ความสนใจเข้าลงทุนในจังหวัดภูเก็ตอีกเป็นจำนวนมาก
แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่าสำหรับปีพ.ศ. 2568 ภาพรวมตลาดบ้านพักตากอากาศในจังหวัดภูเก็ตจะยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่อุปทานเปิดขายใหม่อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ประมาณ1,000 -1,500 ยูนิต เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีอุปทานเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาด และผู้พัฒนารายใหญ่ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง
แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย แนะนำผู้พัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศในอนาคตในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตดังนี้
- เลือกทำเลที่มีศักยภาพสูงและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
การเลือกทำเลเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่กำหนดความสำเร็จของโครงการบ้านพักตากอากาศ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้ชายหาด หรือมีทัศนียภาพที่โดดเด่น เช่น วิวทะเล วิวภูเขา หรือบรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักอาศัย การเลือกทำเลในบริเวณที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตของมูลค่าที่ดินในอนาคต เช่น พื้นที่ตอนเหนือของเกาะภูเก็ต หรือโซนที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกหลัก แต่มีต้นทุนราคาที่ดินต่ำกว่าทำเลชายหาดหลัก จะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันยังคงรักษาเอกลักษณ์ของโครงการในเชิงคุณภาพและความพิเศษของทำเลได้เป็นอย่างดี
- กลยุทธ์ด้านราคาและการกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม
การพัฒนาโครงการในช่วงราคาประมาณ 30-50 ล้านบาทต่อยูนิต ยังคงเป็นช่วงราคาที่มีความต้องการซื้อสูงจากทั้งผู้ซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและมองหาทรัพย์สินเพื่อการลงทุนระยะยาว รวมถึงผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับการพักผ่อนในระดับพรีเมียม การกำหนดราคาที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยสร้างยอดขายที่มั่นคง แต่ยังเป็นการวางตำแหน่งของโครงการในตลาดได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผู้พัฒนาควรให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการและการใช้วัสดุคุณภาพสูง เพื่อสะท้อนความคุ้มค่าของราคาที่ตั้งไว้และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
- เพิ่มมูลค่าโครงการด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับพรีเมียม
ในตลาดบ้านพักตากอากาศระดับบน การมีเพียงตัวบ้านสวยงามไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้พัฒนาควรเพิ่มคุณค่าให้โครงการด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าระดับสูง เช่น คลับเฮาส์ส่วนตัว สปามาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว ฟิตเนสครบวงจร ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และบริการดูแลผู้พักอาศัยแบบครบวงจร (Property Management & Concierge Service) เพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยในระดับรีสอร์ท อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าระยะยาวหรือให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่มั่นคงมากขึ้น
- เน้นกลุ่มลูกค้านักลงทุนและผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยระยะยาว
จากแนวโน้มตลาดในช่วงที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มนักลงทุนโดยเฉพาะจากต่างประเทศ เช่น รัสเซีย จีน และยุโรป ยังคงมองหาทรัพย์สินในภูเก็ตทั้งเพื่อการลงทุนและการอยู่อาศัยในระยะยาว ผู้พัฒนาควรมีกลยุทธ์การตลาดที่ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าทั้งสองประเภท เช่น การนำเสนอรูปแบบการลงทุนแบบการันตีผลตอบแทน (Guaranteed Yield) หรือโครงการที่สามารถปล่อยเช่าได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อดึงดูดกลุ่มนักลงทุนควบคู่ไปกับกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยถาวร
- วางแผนโครงการภายใต้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development)
ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ผู้พัฒนาควรนำแนวทาง Green Building Concept มาใช้ในกระบวนการออกแบบและก่อสร้าง เช่น การใช้วัสดุรักษ์สิ่งแวดล้อม การออกแบบอาคารให้ประหยัดพลังงาน และการบริหารจัดการน้ำและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนไม่เพียงช่วยลดต้นทุนในระยะยาว แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม