การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีภาระสินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลง แต่หลายคนยังสงสัยว่าการรีไฟแนนซ์บ้านดีจริงหรือไม่ และจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากน้อยเพียงใด บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยและให้ข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจ
รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือการนำสินเชื่อบ้านที่มีอยู่กับธนาคารเดิมไปขอสินเชื่อใหม่กับอีกธนาคารหนึ่งที่ให้เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า เป็นการโอนภาระหนี้จากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระรายเดือน
การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นสิทธิของผู้กู้ที่สามารถเลือกธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดให้ธนาคารต้องยินยอมให้ลูกค้าไถ่ถอนจำนองเพื่อไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นได้

ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน
1. ลดภาระการผ่อนรายเดือน
การรีไฟแนนซ์บ้านช่วยลดภาระการผ่อนรายเดือนได้ผ่านหลายวิธี เช่น
- การได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม
- การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้น
- การปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระ
ตัวอย่างเช่น หากมีภาระหนี้เหลือ 2 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 20 ปี อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน 6% ต่อปี การรีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี จะช่วยลดค่างวดจากประมาณ 14,400 บาท เหลือ 12,100 บาท ประหยัดได้ 2,300 บาทต่อเดือน
2. เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
การรีไฟแนนซ์บ้านสามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้ด้วยการ:
- ขอวงเงินกู้เพิ่มตามมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้น
- นำวงเงินส่วนต่างไปลงทุนหรือใช้จ่ายตามความจำเป็น
- ปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ปัจจุบัน
3. ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้ให้เหมาะสม
การรีไฟแนนซ์เปิดโอกาสให้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้ใหม่ได้ เช่น:
- เปลี่ยนจากอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราคงที่
- ปรับเปลี่ยนระยะเวลาการผ่อนชำระ
- เพิ่มหรือลดผู้กู้ร่วม

ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้านมีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณา ได้แก่:
1. ค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนจำนอง
- ค่าจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง (สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินจำนอง
- ค่าประเมินราคาหลักประกัน ประมาณ 3,000-7,000 บาท
2. ค่าธรรมเนียมการจำนองใหม่
- ค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง
- ค่าอากรแสตมป์ 1% ของวงเงินจำนอง
- ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ใหม่ตามที่แต่ละธนาคารกำหนด

เงื่อนไขและคุณสมบัติในการรีไฟแนนซ์บ้าน
1. คุณสมบัติของผู้กู้
- มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ไม่มีประวัติค้างชำระ
- มีรายได้เพียงพอตามเกณฑ์ของธนาคาร
- มีอายุและระยะเวลาการทำงานตามที่ธนาคารกำหนด
- ไม่มีประวัติเครดิตเสีย
2. คุณสมบัติของหลักประกัน
- เป็นที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม
- มีโฉนดที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย
- ผ่านการประเมินราคาตามเกณฑ์ของธนาคาร
- ไม่อยู่ในเขตพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่เสี่ยง

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน
การเตรียมเอกสาร
- บัตรประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- เอกสารแสดงรายได้
- โฉนดที่ดิน
- สัญญากู้เดิม
- Statement การผ่อนชำระย้อนหลัง 6-12 เดือน
การยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
- ยื่นเอกสารขอสินเชื่อ
- รอการพิจารณาอนุมัติ
การดำเนินการหลังได้รับอนุมัติ
- นัดทำสัญญาและจดจำนอง
- ธนาคารใหม่ชำระหนี้ให้ธนาคารเดิม
- เริ่มผ่อนชำระกับธนาคารใหม่

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์
ระยะเวลาคุ้มทุน
- คำนวณระยะเวลาที่จะคุ้มค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์
- พิจารณาแผนการอยู่อาศัยระยะยาว
- ความพร้อมทางการเงิน
- มีเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์
- มีความสามารถในการผ่อนชำระระยะยาว
สภาวะตลาดและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
- ติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาด
- พิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสม
สรุป
การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้าน แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงค่าใช้จ่าย เงื่อนไข และความคุ้มค่าในระยะยาว การตัดสินใจรีไฟแนนซ์ควรคำนึงถึงสถานะทางการเงินส่วนบุคคล แผนการใช้ชีวิต และสภาวะตลาดในขณะนั้น
#Mehome #มีบ้านต้องมีโฮม #รีไฟแนนซ์บ้าน #สินเชื่อบ้าน #ธนาคาร #ที่อยู่อาศัย #การเงิน #ลดดอกเบี้ย #ประหยัดค่าใช้จ่าย