“ฝนตก น้ำท่วม” คือสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญทุกครั้งเมื่อเข้าสู่หน้าฝน ฝนที่ตกลงมามักจะสร้างความลำบากให้กับคนที่ต้องออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน สัญจรไปมาด้วยวิธีการต่าง ๆ หากฝนตกลงมาอย่างหนัก คงเลี่ยงน้ำท่วมไม่ได้ ซึ่งน้ำที่ท่วมขังนั้นมักจะมีเชื้อโรคปะปนอยู่มาก ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านั้นจะทำให้เกิดโรคทางผิวหนังที่ชื่อว่า “น้ำกัดเท้า” นั่นเอง แล้วน้ำกัดเท้า ต้องใช้ยาอะไรจึงจะรักษาได้หาย วันนี้ Homeday มีคำตอบมาฝากทุกคนกันค่ะ
น้ำกัดเท้าคืออะไร
โรคน้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot) หรือฮ่องกงฟุต เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งเป็น กลุ่มเดียวกันกับเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคขี้กลาก นั่นคือ เชื้อราในสายพันธุ์ Dermatophytes โดยเชื้อราชนิดนี้จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่เปียกชื้น คนที่ต้องลุยน้ำและแช่น้ำเป็นเวลานาน เช่น รองเท้าที่ลุยน้ำท่วม พื้นห้องอาบน้ำ หรือพื้นบริเวณสระว่ายน้ำ เป็นต้น หรือสามารถติดเชื้อได้จากการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น รองเท้า ถุงน้ำ ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น หากติดเชื้อแล้วจะทำให้เกิดอาการเท้าเปื่อย ลอก คัน และแสบ และอาจมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราตามมาได้
อาการของน้ำกัดเท้า
-
- ระยะแรก ผิวหนังบริเวณเท้าจะมีลักษณะเปื่อย แดง ลอก เนื่องจากการระคายเคือง โดยยังไม่มีการติดเชื้อ แต่หากมีอาการคันและเกาจนเกิดแผลถลอกก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
- ระยะที่สอง เป็นระยะที่ผิวหนังเปื่อยและลอกเป็นแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา โดยการติดเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดอาการอักเสบ บวมแดง ร้อน เป็นหนอง และปวด ส่วนการติดเชื้อราชนิด dermatophyte จะทำให้มีอาการคัน ผิวเป็นขุยและลอกออกเป็นแผ่นสีขาว และอาจมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะตามซอกเท้า หากปล่อยไว้นานอาการอาจเป็นเรื้อรังและรักษาหายยาก แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็อาจกลับมามีอาการใหม่ได้ถ้าเท้าเปียกชื้นอีก
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://podiatrystation.com
น้ำกัดเท้า ต้องใช้ยาอะไร รักษาอย่างไร?
-
- ระยะแรก ยังไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อรา เนื่องจากยังไม่มีการติดเชื้อ อาจทายาสเตีย- รอยด์อ่อน ๆ หรือยาขี้ผึ้งวิทฟิลด์ (Whitfield’s ointment) ทาบริเวณที่เป็นวันละ 3 ครั้งได้ แต่ยาขี้ผึ้งวิทฟิลด์อาจทำให้ระคายเคืองบริเวณที่ทา จึงควรหลีกเลี่ยงการทาในบริเวณที่มีแผลเปิด
- หากติดเชื้อแบคทีเรีย ถ้าเป็นการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง ให้ทำความสะอาดบริเวณแผลด้วยน้ำเกลือ แอลกอฮอล์ และใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน แต่หากเป็นการติดเชื้อเรื้อรังและรุนแรง อาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์
- หากติดเชื้อรา สามารถเลือกใช้ยาทาต้านเชื้อราหรือยาขี้ผึ้งวิทฟิลด์ก็ได้ แต่การรักษาการติดเชื้อรามักใช้เวลานาน จึงควรใช้ยาอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดใช้ยาเองแม้ว่าอาการจะดีขึ้นเพราะอาจมีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้อีก โดยทั่วไปมักต้องทายาต่อเนื่องหลังจากอาการเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หากมีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์
ขอบคุณรูปภาพจาก : www.lilliputhealth.co.uk
ข้อปฏิบัติในการป้องกันน้ำกัดเท้า
-
- หลีกเลี่ยงการยืนแช่น้ำเป็นเวลานาน
- เมื่อต้องลุยน้ำ ควรสวมถุงพลาสติก หรือสวมถุงดำหุ้มเท้าไว้เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา และป้องกันของมีคมทิ่มแทงเท้า
- หากมีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำโดยไม่ได้สวมถุงพลาสติก เมื่อลุยน้ำแล้วควรรีบทำความสะอาดเท้า และเช็ดเท้าให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าที่มักจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
- ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ร้องเท้าแตะ ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรเลี่ยงการลุยน้ำ เพราะหากเกิดแผลจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และรักษาให้หายได้ยากกว่าคนปกติ
- หากเกิดบาดแผลลึกควรรีบทำความสะอาดแผลทันที หรือเข้าใช้บริการที่สาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อทำแผล และหากบาดแผลมีหนอง หรือเกิดการอักเสบควรรีบพบแพทย์ทันที
น้ำกัดเท้า เป็นโรคที่เราพบเจอบ่อย ๆ ช่วงหน้าฝนและน้ำท่วม ข้อควรระวังเป็นสิ่งที่เราควรระวัง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรจะป้องกันและหากเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องรู้จักการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหาและใช้ชีวิตต่อไปอย่างรอบคอบนะคะ จะใช้ยาอะไร อย่างน้อยที่สุดก็ควรปรึกษาเภสัชกรใกล้บ้านก่อนนะคะ แต่หากมีเวลา ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง จะดีที่สุดค่ะ