นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเข้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 กล่าวถึงความสำเร็จโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ที่เปิดขายเมื่อปี 2562 นั้น ปัจจุบันมียอดขายห้องชุดของโครงการทั้งหมดอยู่ที่ 90% และมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 40% ของยอดขายทั้่งหมด หรือคิดเป็นมูลค่า 900 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 35 ล้านบาทต่อยูนิต โดยมีห้องชุดที่เหลืออยู่มีราคาขายอยู่ที่ 23-190 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะปิดการขายทั้งหมดได้ภายในปีนี้
“โครงการต้นสน วัน เรสซิดนซ์ ได้สร้างปรากฎการณ์ทำยอดขายโครงการสูงถึง 90 % ก่อนที่โครงการจะสร้างเสร็จ สะท้อนให้เห็นถึงจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการ และความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อบริษัท ทีมผู้พัฒนา และพันธมิตรที่สำคัญของเรา ทั้งนี้ เราได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าที่ได้ลงทะเบียนแสดงความสนใจต่อโครงการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนถึงเวลาที่โครงการได้เปิดตัวเป็นทางการ ทำให้เรามั่นใจว่าจะปิดการขายห้องชุดที่เหลืออยู่ทั้่งหมดได้ภายในปีนี้”
ด้านนายฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ เป็นผลมากจากความร่วมมือของทั้งสองบริษัท และความแข็งแกร่งของตลาดที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีในกรุงเทพ ท่ามกลางความผันผวนของของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก ที่ยังเห็นถึงความต้องการที่สูงอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหลากหลายประเภท ซึ่งยังคงมีการเติบโตอีกในปีนี้
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อโครงการเป็นคนไทยสัดส่วน 70% และต่างชาติ 30% ทั้งในภูมิภาคเอเชียและยุโรป เช่น ฮ่องกง,สิงคโปร์,มาเลเซีย และชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะซื้อด้วยเงินสด ซึ่งห้องเพนท์เฮาส์ใหญ่ที่สุด ขนาด 387.5 ตารางเมตร และราคาสูงที่สุด ราคา 190 ล้านบาท ได้ขายไปแล้ว โดยผู้ซื้อเป็นนักธุรกิจชาวเยอรมัน ปัจจุบันยังเหลือห้องเพนท์เฮ้าส์ 3 ยูนิต ด้านราคาขายตั้งแต่เปิดโครงการจนถึงปัจจุบันปรับขึ้นไปไม่น้อยกว่า 10% อยู่ที่ตารางเมตรละ 300,000-340,000 บาท


สำหรับภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีการเติบโตที่ทรงตัว ด้วยหลากปัจจัยทั้งความเชื่อมั่น กำลังซื้อ ภาวะหนี้ครัวเรือน ขณะที่ตลาดระดับลักชัวรี่ทั้งประเภทแนวราบและแนวสูง ยังเติบโตไปได้ดี เพราะลูกค้ามีกำลังซื้อสูงมีทั้งตลาดคนไทยและต่างชาติ และไม่มีปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อไม่ผ่านอีกด้วย

