การอาศัยอยู่ในบ้านที่สะอาดไม่เพียงแต่ทำให้สภาพแวดล้อมน่าอยู่เท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจของผู้อาศัย การทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม มีหลายจุดในบ้านที่มักถูกมองข้ามในการทำความสะอาดประจำสัปดาห์ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 7 จุดในบ้านที่ควรทำความสะอาดทุกสัปดาห์ แต่คนส่วนใหญ่มักลืม พร้อมเทคนิคการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการปฏิบัติตาม

1. รีโมทคอนโทรลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้บ่อย
รีโมทคอนโทรลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คีย์บอร์ด และเมาส์ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน จากการศึกษาพบว่า บนรีโมทคอนโทรลทีวีเพียงชิ้นเดียวอาจมีแบคทีเรียมากกว่า 70 ชนิด ซึ่งมากกว่าที่พบบนฝารองนั่งชักโครกถึง 3 เท่า! สาเหตุหลักมาจากการที่สมาชิกในบ้านทุกคนใช้อุปกรณ์เหล่านี้ร่วมกัน และมักใช้มือสัมผัสหลังจากทำกิจกรรมต่างๆ โดยไม่ได้ล้างมือก่อน
การทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้ทำได้ง่ายๆ โดยใช้แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% หรือน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ ชุบลงบนสำลีหรือผ้านุ่มที่ไม่เป็นขุย แล้วเช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว โดยเฉพาะบริเวณปุ่มที่ใช้บ่อย ควรระวังไม่ให้ของเหลวเข้าไปในช่องต่างๆ ของอุปกรณ์ การทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้งจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านี้ได้อีกด้วย เพราะคราบสกปรกและความชื้นที่สะสมอาจทำให้วงจรภายในเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

2. มือจับประตูและสวิตช์ไฟ
มือจับประตูและสวิตช์ไฟเป็นจุดที่มีการสัมผัสบ่อยที่สุดในบ้าน แต่กลับเป็นจุดที่มักถูกลืมในการทำความสะอาดประจำสัปดาห์ จากการวิจัยพบว่า บนมือจับประตูบ้านโดยเฉลี่ยมีแบคทีเรียมากถึง 121 ตัวต่อตารางนิ้ว! เชื้อโรคที่พบบ่อยบนพื้นผิวเหล่านี้ได้แก่ แบคทีเรียอี. โคไล, สแตฟิโลค็อกคัส และไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคหวัด ซึ่งสามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวได้นานถึง 72 ชั่วโมง
การทำความสะอาดมือจับประตูและสวิตช์ไฟควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% ฉีดลงบนผ้าสะอาดแล้วเช็ดให้ทั่วทุกด้าน โดยเฉพาะบริเวณร่องและซอกต่างๆ ที่มักเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค สำหรับสวิตช์ไฟ ควรระวังไม่ให้น้ำยาเปียกมากเกินไปเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า การเช็ดทำความสะอาดจุดเหล่านี้ทุกสัปดาห์จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในครอบครัว โดยเฉพาะในช่วงที่มีสมาชิกในบ้านป่วยเป็นหวัดหรือมีโรคติดต่อ นอกจากจะช่วยรักษาสุขภาพแล้ว ยังช่วยรักษาความสวยงามของมือจับประตูให้ไม่มีคราบสกปรกและรอยนิ้วมือ ซึ่งอาจทำให้ดูเก่าและไม่น่าใช้งาน

3. ถังขยะและบริเวณโดยรอบ
ถังขยะเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่หลายครัวเรือนมักทำความสะอาดเฉพาะเมื่อเปลี่ยนถุงขยะเท่านั้น โดยไม่ได้ทำความสะอาดตัวถังอย่างจริงจัง รวมถึงบริเวณพื้นและผนังโดยรอบถังขยะที่อาจมีการหกเลอะของเศษอาหารหรือของเหลว
วิธีการทำความสะอาดถังขยะและบริเวณโดยรอบอย่างมีประสิทธิภาพ
การทำความสะอาดถังขยะควรเริ่มจากการนำถังไปล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำผสมน้ำส้มสายชูในอัตราส่วน 1:1 แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จากนั้นผึ่งให้แห้งสนิทก่อนใส่ถุงขยะใหม่ การทำความสะอาดถังขยะอย่างสม่ำเสมอยังช่วยป้องกันการเกิดแมลงและสัตว์พาหะนำโรค เช่น แมลงวัน แมลงสาบ หรือหนู ที่มักถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของขยะและเศษอาหาร
สำหรับบริเวณโดยรอบถังขยะ ควรเช็ดทำความสะอาดพื้นและผนังด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นประจำทุกสัปดาห์ และหากมีรอยเปื้อนหรือคราบติดแน่น อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ช่วยในการขจัดคราบไขมัน เทคนิคพิเศษในการดับกลิ่นถังขยะคือการโรยเบกกิ้งโซดาลงก้นถังก่อนใส่ถุงขยะใหม่ ซึ่งจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาจหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาว 2-3 หยดลงบนก้อนสำลีแล้ววางไว้ใต้ถุงขยะเพื่อช่วยให้บริเวณถังขยะมีกลิ่นสดชื่น

4. เครื่องปรับอากาศและพัดลม
เครื่องปรับอากาศและพัดลมเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อยในบ้าน โดยเฉพาะในประเทศที่มีอากาศร้อน แต่หลายคนมักลืมทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ฝุ่นและเชื้อราที่สะสมในเครื่องปรับอากาศและพัดลมไม่เพียงแต่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง แต่ยังส่งผลเสียต่อคุณภาพอากาศภายในบ้านและอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาระบบทางเดินหายใจได้
การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ
แผ่นกรองฝุ่นของเครื่องปรับอากาศควรได้รับการทำความสะอาดทุกสัปดาห์ โดยการถอดออกมาล้างด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดและผึ่งให้แห้งสนิทก่อนใส่กลับเข้าไป สำหรับแผ่นระบายความร้อนด้านนอก ควรใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นออก หรือใช้น้ำฉีดเบาๆ เพื่อชะล้างฝุ่นและสิ่งสกปรก การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 15% เนื่องจากเครื่องไม่ต้องทำงานหนักในการระบายความร้อน
การทำความสะอาดพัดลม
พัดลมควรได้รับการทำความสะอาดทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะในส่วนของใบพัดและตะแกรงครอบที่มักมีฝุ่นสะสม การถอดตะแกรงออกมาทำความสะอาดจะช่วยให้สามารถเช็ดฝุ่นบนใบพัดได้อย่างทั่วถึง ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด หรืออาจใช้แปรงขนนุ่มช่วยปัดฝุ่นตามซอกมุมต่างๆ สำหรับพัดลมที่มีน้ำมันหล่อลื่น ควรตรวจสอบและเติมน้ำมันทุก 3-6 เดือนเพื่อให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัดลมที่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอจะมีเสียงเงียบกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่าพัดลมที่ไม่ได้รับการทำความสะอาด

5. ฝักบัวและผ้าม่านห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมของความชื้นและเชื้อราที่สำคัญในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณฝักบัวและผ้าม่านห้องน้ำ ซึ่งมักถูกมองข้ามในการทำความสะอาดประจำสัปดาห์ ฝักบัวที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมออาจอุดตันจากตะกรัน ทำให้น้ำไหลไม่สะดวกและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ ส่วนผ้าม่านห้องน้ำที่ชื้นตลอดเวลาอาจกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพระบบทางเดินหายใจได้
การทำความสะอาดฝักบัว
วิธีการทำความสะอาดฝักบัวทำได้โดยการแช่ในน้ำส้มสายชูเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที เพื่อละลายตะกรันและคราบแคลเซียมที่เกาะอยู่ หากฝักบัวอุดตันมาก อาจใช้เข็มหรือไม้จิ้มฟันช่วยแคะรูที่อุดตันออก จากนั้นใช้แปรงขนาดเล็กขัดทำความสะอาดรอยต่อและซอกมุมต่างๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด การทำความสะอาดฝักบัวทุกสัปดาห์จะช่วยให้น้ำไหลแรงสม่ำเสมอและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
การทำความสะอาดผ้าม่านห้องน้ำ
ผ้าม่านห้องน้ำควรได้รับการทำความสะอาดทุกสัปดาห์ โดยการซักด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาซักผ้าทั่วไป หากพบคราบเชื้อราสีดำ อาจแช่ผ้าม่านในน้ำผสมคลอรีนเจือจางก่อนซัก (สำหรับผ้าม่านสีขาวเท่านั้น) หรือผสมน้ำส้มสายชูลงในน้ำซัก การตากผ้าม่านให้แห้งสนิทหลังการใช้งานทุกครั้งจะช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อรา นอกจากนี้ การเปิดพัดลมดูดอากาศหรือเปิดหน้าต่างระหว่างและหลังการอาบน้ำจะช่วยลดความชื้นในห้องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. แผงซิงค์ล้างจานและอ่างล้างหน้า
แผงซิงค์ล้างจานและอ่างล้างหน้าเป็นจุดที่มีการใช้งานบ่อยที่สุดในบ้าน แต่มักได้รับการทำความสะอาดเพียงผิวเผินเท่านั้น การศึกษาพบว่า แผงซิงค์ล้างจานในครัวอาจมีแบคทีเรียมากกว่าบนฝารองนั่งชักโครกถึง 1,000 เท่า! โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อระหว่างขอบซิงค์กับเคาน์เตอร์ และสะดืออ่าง ซึ่งมักเป็นแหล่งสะสมของเศษอาหาร คราบไขมัน และเชื้อแบคทีเรีย
วิธีการทำความสะอาดแผงซิงค์ล้างจาน
การทำความสะอาดแผงซิงค์ล้างจานควรเริ่มจากการใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่นถูให้ทั่วทั้งในอ่างและบริเวณก๊อกน้ำ จากนั้นใช้แปรงขนาดเล็กขัดบริเวณรอยต่อและรอบๆ ท่อระบายน้ำ สำหรับคราบตะกรันที่ก๊อกน้ำ สามารถใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวช่วยขจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากขัดล้างแล้ว ควรล้างออกด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด เพื่อป้องกันคราบน้ำและรอยด่าง
เคล็ดลับในการรักษาความสะอาดของแผงซิงค์คือการเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังใช้งาน ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดคราบน้ำและการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงการทิ้งเศษอาหารลงในซิงค์โดยตรงจะช่วยลดการอุดตันของท่อและการสะสมของกลิ่นไม่พึงประสงค์
วิธีการทำความสะอาดอ่างล้างหน้า
อ่างล้างหน้าควรได้รับการทำความสะอาดทุกสัปดาห์ด้วยน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณรอบก๊อกน้ำและท่อระบายน้ำ ซึ่งมักมีคราบสบู่และเส้นผมสะสม การใช้แปรงสีฟันเก่าขัดบริเวณซอกมุมและร่องต่างๆ จะช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับท่อระบายน้ำที่มักมีเส้นผมติดค้าง ควรถอดออกมาทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันการอุดตันและกลิ่นไม่พึงประสงค์

7. กระเป๋า รองเท้า และของใช้ส่วนตัวที่ใช้นอกบ้าน
กระเป๋า รองเท้า และของใช้ส่วนตัวที่พกพาออกไปนอกบ้านเป็นประจำมักเป็นพาหะนำเชื้อโรคและสิ่งสกปรกจากภายนอกเข้ามาในบ้าน แต่น้อยคนนักที่จะให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดสิ่งของเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จากการศึกษาพบว่า พื้นรองเท้าที่ใช้งานเป็นประจำอาจมีแบคทีเรียมากถึง 421,000 ชนิด และมากกว่า 90% ของรองเท้ามีเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงการปนเปื้อนอุจจาระ
วิธีการทำความสะอาดรองเท้า
การทำความสะอาดรองเท้าควรแยกตามประเภทของวัสดุ สำหรับรองเท้าหนัง ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด แล้วตามด้วยน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะสำหรับหนัง ส่วนรองเท้าผ้าใบสามารถซักล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ แล้วผึ่งให้แห้งในที่ร่ม พื้นรองเท้าควรได้รับการฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อหรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ 70% สัปดาห์ละครั้ง โดยเฉพาะหากมีการใช้งานในพื้นที่สาธารณะเป็นประจำ
วิธีการทำความสะอาดกระเป๋า
กระเป๋าที่ใช้เป็นประจำควรได้รับการทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สำหรับกระเป๋าหนัง ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะสำหรับหนัง ส่วนกระเป๋าผ้าสามารถซักได้ตามคำแนะนำบนป้ายกำกับ การทำความสะอาดภายในกระเป๋าสามารถทำได้โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กดูดเศษผงต่างๆ แล้วเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อบีบให้หมาด นอกจากนี้ ควรหมั่นนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากกระเป๋า และจัดระเบียบเป็นประจำ เพื่อลดน้ำหนักและการสะสมของเชื้อโรค
ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ที่ควรทำความสะอาดเป็นประจำ
นอกจากรองเท้าและกระเป๋าแล้ว ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ที่พกพาออกนอกบ้านเป็นประจำ เช่น กุญแจ แว่นตา นาฬิกาข้อมือ และเครื่องประดับต่างๆ ก็ควรได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมกับวัสดุของสิ่งของนั้นๆ การทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความสะอาด แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและคงความสวยงามได้อีกด้วย

สรุป
การรักษาความสะอาดของบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตของผู้อาศัย การหมั่นทำความสะอาดจุดต่างๆ ที่มักถูกมองข้าม 7 จุดนี้ ได้แก่ รีโมทคอนโทรลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มือจับประตูและสวมิตช์ไฟ ถังขยะและบริเวณโดยรอบ เครื่องปรับอากาศและพัดลม ฝักบัวและผ้าม่านห้องน้ำ แผงซิงค์ล้างจานและอ่างล้างหน้า รวมถึงกระเป๋า รองเท้า และของใช้ส่วนตัวที่ใช้นอกบ้าน อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกสัปดาห์ จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้อาศัย
การจัดการกับจุดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก เพียงจัดสรรเวลาประมาณ 30 นาทีต่อสัปดาห์สำหรับแต่ละจุด และทำเป็นกิจวัตรประจำ ก็จะช่วยให้บ้านสะอาดปราศจากเชื้อโรคและมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ สุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้จากบ้านที่สะอาด และการดูแลรักษาจุดที่มักถูกลืมเหล่านี้เป็นก้าวแรกสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
#บ้านสะอาด #เคล็ดลับทำความสะอาด #สุขภาพดี #อสังหาริมทรัพย์ #ชีวิตยุคใหม่ #การทำความสะอาดบ้าน #จุดที่มักลืมทำความสะอาด #สาระ #แต่งบ้าน